รณทีบอกลาทุกคนในวงสนทนาอย่างสุภาพ แต่ไม่ทันที่เขาได้ก้าวขาไปถึงร่างของพรรณาราก็มีเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนเรียกชื่อของเขาเอาไว้เสียก่อน
"สวัสดีครับท่าน"รณทีหันไปทักทายเจ้าของงานอย่างท่านนายกเทศมนตรีที่ตอนนี้กำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับหญิงสาวผมบลอนด์ในชุดราตรีลากยาวท่านหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลัง
"สบายดีนะ ว่าแต่ท่านเอกราชกับคุณหญิงผกามาศไม่มาด้วยหรือ"
"ท่านทั้งสองติดธุระด่วนเลยส่งผมมาร่วมงาน หวังว่าท่านรัฐมนตรีคงไม่ว่าอะไร"
"ฮ่า ๆ ไม่หรอก ฉันก็แค่ถามถึงเพื่อนสนิทสมัยเรียนก็เท่านั้นอย่าคิดมาก"ริมฝีปากของนทีคลี่ยิ้มบาง ๆ สายตาของเขาเหลือบมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวผมบลอนด์สายตาของเธอกำลังจ้องมองมายังเขา
"นี่ ปัทมา หรือ ลูกปัด ลูกสาวของฉันเอง รู้จักกันเอาไว้เสียสิ"หญิงสาวผมบลอนด์ก้าวขามาหยุดข้างกายผู้เป็นพ่อ ใบหน้าของเธอสวยดั่งราวกับเทพธิดาในนิยายหุ่นกายอวบอิ่มรัดรูปเข้ากับชุดจนเห็นสัดส่วนที่ใหญ่เกินตัว ริมฝีปากเคลือบด้วยสีลิปสติกคลี่ยิ้มหวานส่งมาให้
"สวัสดีค่ะคุณรณที"
"สวัสดีครับคุณปัทมา"
"เรียกลูกปัดจะเพราะมากกว่านะคะ"สายตาแพรวพราวสื่อความหมายอย่างชัดเจนทำให้รณทีคลี่ยิ้มเล็ก ความหมายในดวงตากลมโตคู่นั้นเขาเข้าใจมันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
"คนสวยชื่ออะไรครับ"เสียงทุ้มของชายหนุ่มในงานดังขึ้นผ่านหูยังทิศทางที่พรรณารายืนอยู่ทำให้รณทีต้องรีบหันไปมองฝ่ามือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นเมื่อเห็นภรรยาของเขากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งด้วยความสนิทสนม
"ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ วันนี้พาเพื่อนมาร่วมงานด้วย"ท่อนแขนของเขาถูกฝ่ามือเรียวคว้าเอาไว้ ใบหน้าหงุดหงิดรีบปรับเปลี่ยนมาเป็นปกติเมื่อเห็นปัทมาเป็นคนคว้าต้นแขนของเขา
"แล้วเราสองคนจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือเปล่าคะ"
"ถ้าคุณลูกปัดมีธุระอะไรก็สามารถโทรศัพท์หาผมได้ตลอดเวลา นี่ครับนามบัตรของผม"ปัทมายิ้มกว้างอย่างพึงพอใจก่อนจะปล่อยชายหนุ่มให้เป็นอิสระ สายตามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินออกไปก่อนจะหันมาสนใจนามบัตรของเขาที่อยู่ในมือ
รณที บดินทร์เดชา
"สวัสดีครับคนสวย"
"ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอนายที่นี่"พรรณาราเอ่ยถามผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอด้วยความสนิทสนมเมื่อ กล้าตะวัน เพื่อนสมัยเรียนเดินเข้ามาทัก
"ไม่แปลกใจเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ"
"หึ ไม่หรอกคนมีชื่อเสียงระดับนายต้องถูกเชิญมาร่วมงานแบบนี้อยู่แล้ว"ทายาทเพียงคนเดียวของท่านเจ้าสัวมีหรือจะไม่ถูกเชิญให้มาร่วมงานของคนดังระดับเดียวกัน
"ส่วนเธอก็คงมากับสามี"
"อื้อ"กล้าตะวันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยกแก้วไวน์ทรงสวยในมือขึ้นดื่ม ดวงตาคมจับจ้องอยู่บนดวงหน้าของพรรณารา
" ต้องขอโทษด้วยที่ตอนนั้นฉันติดธุระเลยไม่ได้ไปร่วมงาน"
"ไม่เป็นอะไรหรอกฉันเข้าใจนาย"
"ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างชีวิตหลังการแต่งงานกับสามี"
"ไม่ว่าชีวิตของครอบครัวผมจะเป็นที่สนใจของใครบางคนนะครับ"น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากทางด้านหลัง ทั้งคู่หมุนตัวหันไปมองก็เห็นร่างของรณทีเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงจนพรรณาราถึงกับตัวสั่น
"คุณรณที"
พรึ่บ
"อยากรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเรา ถามผมแทนก็ได้นะครับ"รณทีเดินมาโอบไหล่ของพรรณาราสายตาข่มขู่จ้องมองไปยังผู้ชายตรงหน้าคล้ายต้องการจะเอาเรื่อง ซึ่งกล้าตะวันเองก็ใช้สายตาเช่นเดียวกันมองหน้าของรณที
"ผมก็ไม่ได้อยากจะรู้อะไรหรอกครับ แค่อยากจะถามความเป็นอยู่ของเพื่อนสมัยเรียนก็เท่านั้น"
"หึ"
"เพื่อนสมัยเรียนแน่เหรอครับ ได้ข่าวมาว่าสมัยเรียนภรรยาของผมก็ฮ็อตใช่ย่อยมีหนุ่ม ๆ มาตามขายขนมจีบเพียบเลย"พรรณาราเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อปลายเล็บคมจิกลงบนเนื้อผิวตรงบริเวณหัวไหล่
"คุณคงไม่ใช่หนึ่งในบรรดาผู้ชายพวกนั้นใช่ไหมครับที่มาจามจีบภรรยาของผม"
"แล้วถ้าผมบอกว่า'ใช่'ล่ะครับ คุณจะว่ายังไง"หางคิ้วของคนเป็นสามีกระตุกถี่ยิบเมื่อได้ยินคำตอบ สองชายหนุ่มยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครจนพรรณารานึกหวั่นใจว่าทั้งคู่จะมีเรื่องกัน
เรื่องในอดีตสมัยเรียนไม่ได้เป็นไปตามในสิ่งที่รณทีพูด เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาไม่ได้สวยอะไรมากมายแม้จะมีผู้ชายมาแวะเวียนขายขนมจีบอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครได้รับความสนใจจากเธอ คำพูดของกล้าตะวันก็สร้างความตกใจให้เธอไม่น้อยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดประโยคนั้นออกมาทั้งที่มันไม่ได้เป็นความจริง
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้พรรณาราก็ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของผมเป็นคนของตระกูล บดินทร์เดชา"
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอรบกวนให้สามีของเธอดูแลภรรยาให้ดีนะครับ เพราะถ้าดูแลไม่ดีคนของคุณอาจจะกลายมาเป็นคนของผมก็ได้"
"กล้าตะวัน"พรรณาราส่ายหน้าไม่อยากให้กล้าตะวันพูดอะไรไปมากกว่านี้ รณทีร้ายกว่าที่ทุกคนคิดเธอไม่อยากให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก
"ชอบใช้ของมือสองเหรอครับ"รณทีกำหมัดแน่นสายตาโกรธแค้นแทบลุกเป็นไฟ ผู้ชายคนนี้กำลังปลุกอารมณ์ด้านมืดของเขา
"หึ ถ้าของมือสองมันน่าใช้ผมก็ไม่ติดอะไรนะครับ"สองชายหนุ่มยืนฟาดฟันผ่านสายตา รังสีอันตรายแผ่กระจายแต่ก็ไม่ทำให้กล้าตะวันรู้สึกกลัว
"เราไปก่อนนะพรรณ ไว้ถึงบ้านแล้วเราจะโทรหา"ใบหน้าของกล้าตะวันเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากพรรณารา ลางสังหรณ์มันกำลังบอกเธอว่าชะตาชีวิตของเธอกำลังจะเผชิญเจอกับอะไร