ก๊อกๆ ๆ
ยังไม่ทันที่จะมีคำตอบจากชัชวีร์ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฟังจากน้ำหนักมือที่เคาะนั้นเบาๆ ถี่ๆ แล้วยังมีเสียงใสๆ สองเสียงเป็นเสียงเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายดังแทรกเข้ามา ชัชวีร์ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร นายแพทย์มือทองจึงเอ่ยปากอนุญาตให้แขกผู้มาใหม่เข้ามาได้ ทั้งๆ ที่ยังคุยธุระกับธาวิตไม่เสร็จ
“เชิญครับเด็กๆ”
คุณหมอหนุ่มเปลี่ยนท่าทีฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาธาวิตต้องหันกลับมามองตามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายน่ารัก น่าชัง อยู่ในวัยประมาณ 4-5 ขวบ ดูทรงแล้วจะเป็นแฝดหญิงชาย แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าไสตล์มินิมอล โทนสีน้ำตาลขาวอบอุ่น ต่างกันที่คนหนึ่งสวมกางเกง อีกคนสวมกระโปรง
ธาวิตนึกชมว่าพ่อแม่เด็กแฝดคงเทสต์ดี แล้วแม่ของเด็กคงเป็นคุณหมอสาวในชุดเดรสสั้นเลยเข่ามาเล็กน้อย สวมทับด้วยเสื้อกาวน์ที่เดินตามติดเข้ามา แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคงเป็นใบหน้าของเด็กแฝดที่ทำให้เขาหวนนึกไปถึงรูปถ่ายสมัยเด็กๆ ในยุคที่โทรศัพท์ยังถ่ายรูปไม่ได้แบบนี้
มารดาให้ช่างถ่ายภาพของเขาในวัยเด็กเก็บไว้มากมาย แล้วเจ้าเด็กแฝดคู่นี้เป็นลูกใครถึงได้ขโมยเบ้าหน้ากันไปดื้อๆ ในเมื่อธาวิตมั่นใจว่า หมอสาวที่ตามเด็กเข้ามากับตนเองไม่เคยเป็นอะไรกันมาก่อน จนกระทั่งเด็กแฝดส่งรอยยิ้มสดใสขึ้นพร้อมกัน แล้ววิ่งผ่านหน้าเขาไปเพื่อโผเข้าหาชัชวีร์ประดุจพ่อลูกที่ได้เจอกัน
“สวัสดีครับ/ค่ะ พ่อชัช คิดถึงป้องไหมครับ ป้องคิดถึงพ่อชัชม้ากมาก” เสียงเล็กๆ ของเด็กแฝดชายหญิงวัยเดียวกันพูดก่อน ในขณะที่คุณหมอหนุ่มอ้าแขนโอบร่างอวบๆ ของเด็กแฝดทั้งคู่เอาไว้คนละข้าง
“พ่อชัชคิดถึงปรานมากกว่าพี่โปรดใช่ไหมคะ เพราะน้องปรานไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแงกับหม่ามี้แบบที่พ่อชัชสั่งไว้ค่ะ”
คราวนี้ เด็กผู้หญิงหน้ากลมเหมือนวงพระจันทร์ในสายตาธาวิตรีบพูดขึ้นบ้าง แล้วลอบมองหน้าพี่ชาย ยักคิ้วใส่ก่อนจะซบไปที่แขนแกร่งของชัชวีร์
“แต่พี่ป้องดื้อ เพราะว่าแอบแกล้งน้องปราน ”
“เด็กขี้ฟ้อง” ปกป้องดุน้องสาว “รู้งี้เมื่อตอนกลางวัน พี่ไม่น่าช่วยตอนน้องปรานโดนพี่ ป.1 ดึงหางเปียเลย”
ชัชวีร์คุ้นชินกับฝาแฝดวัยน่ารักช่างพูดที่ดูเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่จริงๆ พวกแกรักกันมาก สายตาอบอุ่นใต้แว่นกรอบสีทองทอดมองแฝดสองพี่น้องแล้วพูดขึ้น
“พ่อชัชคิดถึงทั้งสองคนเท่าๆ กันครับ”
“คิดถึงน้องปรานมากกว่านิดนึงไม่ได้เหรอคะ พ่อชัชขา”
แม่หนูหน้ากลมคนขี้อ้อนซบใบหน้าที่อกแกร่งของชัชวีร์อย่างคุ้นเคยสนิทกันดี แล้วควักอมยิ้มออกมาจากกระเป๋า
“พ่อชัชเหนื่อยไหมคะ น้องปรานเอาอมยิ้มมาฝากค่ะ พ่อชัชกินอมยิ้มแล้วจะได้หายเหนื่อย ยิ้มทั้งวันเหมือนหนูไง”
พูดแล้วจัดการยิ้มแป้นโชว์ ซึ่งชัชวีร์มองใบหน้ากลมๆ เหมือนวงพระจันทร์ของโปรดปรานก็ยอมรับว่าหายเครียดจริงๆ ไปกับรอยยิ้มที่ระบายเต็มใบหน้าแป้นแล้น โชว์ฟันขาวๆ ราวกับไข่มุก
“อมยิ้มของน้องปราน พ่อชัชอย่ากินนะครับ เค็มจะตาย ซื้อมาสามวันแล้วยังไม่กินเลย บ่นว่าเสียดายงั้นงี้ แล้วก็มีอันเดียวแต่เที่ยวบอกจะให้คนนั้นคนโน้นไปทั่ว”
ประโยคนั้นทำเอานายแพทย์หนุ่มมือทองหลุดขำพรืด เขาอยู่กับเด็กๆ แล้วหายเครียด และที่สำคัญ ชัชวีร์ยังเอ็นดูสองแฝดเหมือนเป็นลูกแท้ๆ อีกด้วย
จากนั้นเด็กๆก็โผเข้ามาแย่งกันนั่งตักพ่อชัช พอดีกับชัชวีร์เหลือบไปเห็นสายตามีคำถามของธาวิตที่มองเด็กสองคนสลับกับมองหน้าเจ้าของตักที่ไม่เหมือนเด็กทั้งคู่ แต่เด็กหน้าเหมือนตัวเองแทน
สันจมูกโด่งคม กับดวงตาคมๆ คิ้วเข้มแบบนี้ ถ้าตนเองกับญาติผู้พี่เดินไปพร้อมกับเด็กแฝดคู่นี้ เชื่อว่าต้องมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกเขา แต่นั่นก็ไม่แปลกอะไร อาจจะเป็นเรื่องพันธุกรรม ยีนเด่น ยีนด้อย ในเมื่อเขากับชัชวีร์เป็นญาติพี่น้องในรุ่นเดียวกัน
“เด็กแฝดสองคนนี่เป็นลูกของพี่ชัชเหรอครับ นี่พี่ไปแอบมีเมียมีลูกตอนไหน ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อน“
ถึงธาวิตจะไปอยู่ต่างประเทศหลายปี แต่เรื่องสำคัญแบบนี้ ครอบครัวคงไม่ปกปิด แต่...จะใช่หรือ ในเมื่อชัชวีร์เพิ่งประกาศตัวโต้งๆ ว่าคบหากับอลิน ชายหนุ่มรู้สึกสับสนไปหมด
พอดีกับแพทย์หญิงเมวดีมาจูงแขนเด็กทั้งสอง บอกว่าในตู้เย็นมีขนมเค้กที่ซื้อเอาไว้ให้แล้วชวนไปหยิบด้วยกัน เด็กทั้งสองจึงยอมให้คุณหมอสาวคนสวยจูงไป แต่พอเด็กแฝดเดินผ่านหน้า ธาวิตก็รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ใช่คนชอบเด็กอะไรนัก แต่หยุดมองสองแฝดตรงหน้าไม่ได้เลย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้พุ่งหลาวเข้ามากลางอก ยิ่งตอนเด็กหญิงที่เขาจำได้ว่า แม่หนูแทนตัวว่าชื่อน้องปรานยื่นอมยิ้มอันเดิมพุ่งมาตรงหน้า แล้วก็ยิ้มหวานขายฝันเหมือนจะให้อมยิ้มเขาเลย ความรู้สึกนั้นก็ราวกับมีหอกหลาวแหลมนับพันพุ่งเข้าใส่กลางอกเขาไม่หยุดหย่อนแม่หนูคนนี้น่ารักเกินไปแล้ว
“คุณอาขา คุณอาหน้าเครียดจังเลย อมยิ้มไหมคะ อมแล้วอารมณ์ดีเหมือนหนูไง”
ธาวิตมองรอยยิ้มแฉ่งของหนูน้อยโปรดปรานตรงหน้าแล้วเผลอยิ้มตาม ก่อนจะดึงตัวเองออกจากภวังค์สีหวานแหลมราวกับลูกอมในมือเด็กหญิงนั้นได้ แล้วเอ่ยตอบกลับไป
“หา! อ๋อ...เอ่อ...” เขาเลยวัยจะกินอมยิ้มมานาน แต่ตอนเด็กก็ชอบกินลูกอมหวานๆ มากเหมือนกัน ธาวิตเห็นมืออ้วนๆ ขาวที่กำอมยิ้มไว้แน่นอย่างหวงๆ ยื่นอยู่ตรงหน้า ไม่รู้อะไรดลใจให้เขายื่นมือไปรับ “ลองดูก็ได้”
ในขณะที่สายตาคู่คมก็จ้องมองหน้าแม่หนูปราน เด็กน้อยหน้ากลมราวกับต้องมนต์สะกด แต่พอมือใหญ่จะสัมผัสอมยิ้ม แม่หนูน้อยจอมแสบก็ชักมือกลับแล้วบอกว่า
“ปรานเปลี่ยนใจ” แม่หนูมีสีหน้าเคร่งติดกังวล “ปรานให้ไม่ได้หรอก ปรานลืมไปว่าให้คุณพ่อชัชแล้วค่ะ”
ก่อนหัวเราะคิกๆ รีบเอาอมยิ้มยัดใส่กระเป๋ากระโปรง โปรดปรานลืมไปว่าซื้อมาอันเดียว ซื้อหลายอันไม่ได้ เพราะตอนนี้ ถูกใจตุ๊กตาเลียนแบบบาร์บี้ตัวละสี่สิบบาทที่ร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน แต่หม่ามี้บอกว่า ถ้าอยากได้ต้องเก็บเงินค่าขนมซื้อเอง เด็กหญิงเลยต้องซื้ออมยิ้มแบบประหยัด สามวันอันเดียว
“คิก คิก คิก”
เสียงเด็กชายที่มีเบ้าหน้าเดียวกับธาวิตในวัยเด็กหัวเราะ ทำให้เขาชะงัก ชักมือกลับเมื่อถูกเด็กแฝดเล่นงาน จากนั้นปกป้องก็บอกว่า
“ป้องบอกแล้วไงครับ ว่าอมยิ้มของน้องปรานเค็มจะตาย”
แล้วเด็กแฝดก็จับมือกันวิ่งผ่านหน้าเขาตามคุณหมอสาวไปที่ตู้เย็นซึ่งอยู่ที่มุมห้องหนึ่ง ธาวิตจึงหันกลับมาหาชัชวีร์ซึ่งเมื่อครู่มองดูอยู่แล้ว นายแพทย์หนุ่มคิดว่า ญาติผู้น้องจะต้องยิงคำถามกับเขารัวๆ แล้วก็จริงตามที่คาดการณ์ไว้