4

1632 คำ
ในงานฌาปนกิจมีแขกเหรื่อมาร่วมงานแน่นขนัดทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้ซึ่งเป็นวันเผา ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีเทาเข้มค่อยๆ เดินขึ้นบันไดเมรุเผาศพที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สด พร้อมด้วยผ้าแพร และผ้าไหมหรูหราราคาแพง ผู้ที่มาในงานต่างก็มองว่าสมเกียรติและฐานะของผู้วายชนม์เป็นอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ได้ทำให้ธาวิตรู้สึกยินดีปรีดากับสิ่งที่ป้ามารศรี ผู้เป็นมารดาของชัชวีร์และชาลิศาได้จัดแจงทุกอย่างในงานให้ เขามีความเคลือบแคลงในใจบางอย่าง ธาวิตมีใบหน้าและรูปร่างเป็นที่สะดุดตา ยิ่งชายหนุ่มคือทายาทคนเดียวของประภากรแล้วด้วย สายตาหลายร้อยคู่ของผู้ที่มาร่วมงานจึงโฟกัสมาที่เดียวกัน มือหนาค่อยๆ วางช่อดอกไม้จันทน์ลงตรงตรงถาดทองเหลืองที่ถูกเตรียมไว้ด้วยความรู้สึกสูญเสีย แต่เขาซ่อนความเจ็บปวดไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ชัชวีร์ที่เดินตามหลังธาวิตมาไม่ห่าง วางมือเบาๆ บนบ่ากว้างของน้องชายอย่างให้กำลังใจ “พี่เสียใจด้วยกับการจากไปของคุณอา ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเราทุกคนจะทำใจได้ แต่ถึงยังไง คุณอาท่านก็ไปสบายแล้ว นายเองก็ต้องเข้มแข็งและเป็นเสาหลักของตระกูล นายยังมีน้าอรที่รอกำลังใจจากนาย มีคนอีกมากมายที่ต้องดูแลในฐานะทายาทหนึ่งเดียวของประภากร พี่เชื่อว่านายทำได้ พี่จะอยู่เคียงข้างนายเสมอ เราจะสู้ไปด้วยกันนะ” ชัชวีร์เอ่ยปลอบ ฝ่ามือหนาตบแผ่นหลังกว้างของธาวิตเน้นยำว่า ตัวเขาเองจะคอยอยู่เคียงข้าง เพราะรู้ว่าเรื่องนี้หนักมากสำหรับญาติผู้น้อง “แหม พี่วิตพูดเอาหน้าคนเดียวเลยนะคะว่าห่วงพี่ชัช...” แต่แล้วเสียงเล็กแหลมแสบแก้วหูของ ‘ชาลิศา’ น้องสาวต่างบิดาของชัชวีร์ก็แทรกเข้ามาท่ามกลางความซาบซึ้งของสองพี่น้องที่โอบกอดกันแน่นก่อนที่เธอนั้นจะมาถึงตัวพวกเขาด้วยซ้ำ สีหน้าของธาวิตพลันเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมยิ่งขึ้น เมื่อเห็นสองแม่ลูกที่กำลังเดินขึ้นบันไดตามมาติดๆ “ลิศากับคุณแม่เสียอีกที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เนรมิตงานที่สวยหรู ดูแลจัดการงานทุกอย่างในวันนี้จนรับคำชมจากแขกในงานไม่หวาดไม่ไหว จริงไหมคะคุณแม่” ชาลิศาหันไปยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับฝีมือการจัดการครั้งนี้ที่ตนเองเลือกทีมออแกไนซ์ชื่อดังมาจัดงานศพจนคนทั้งงานเอ่ยชมว่าสวยสมฐานะผู้วายชนม์ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมด หญิงสาวไม่ได้เป็นผู้จ่ายอยู่แล้ว “จริงจ้า ตาวิต ขนาดเมื่อกี้ คุณหญิงผกา ภริยาท่านรัฐมนตรีดนัย ยังเอ่ยปากชมว่ายัยน้องจัดงานได้ดี สวยหรู สมฐานะนักธุรกิจชื่อดังอย่างคุณพี่ธนา” มารศรีกล่าวสำทับ ธาวิตมองท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของป้ามารศรีกับลูกติดแล้วเหนื่อยหน่ายหัวใจ คนที่คิดจะเอาหน้าแม้กระทั่งในงานศพแบบนี้มีอยู่จริง แต่เขามีมารยาทพอจะนิ่งเงียบ แล้วกล่าวสั้นๆ “ครับ ขอบใจลิศากับคุณป้ามากนะครับที่ช่วยเป็นธุระจัดงานให้ผ่านไปได้ด้วยดี ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้เยื่อใย ธาวิตเองก็ไม่ค่อยชอบหน้าป้าสะใภ้ที่ปากหวานก้นเปรี้ยวและลูกติดของนางที่คอยจ้องเขาตาเป็นมัน ผู้ชายที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแบบเขาทำไมจะดูไม่ออก ร้อยวันพันปี มารศรีก็ไม่เคยญาติดีกับเขา แถมตอนเด็กๆ ยังมักกล่าวทับถมมารดาของเขาอยู่บ่อยๆ ว่าเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ไม่เก่งเท่าชัชวีร์ที่สามารถสอบติดแพทย์ได้ แต่วันนี้กลับมาทำเป็นญาติดี นั่นคงเพราะในสมองมีแผนการร้ายบางอย่าง หากให้คาดเดาเป้าหมายของป้าสะใภ้ก็คงมีไม่กี่อย่าง และที่ล่อตาล่อใจที่สุดคงเป็นการฮุบเอาธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีเกือบสิบสาขาทั่วประเทศไทยของมารดา ด้วยการส่งชาลิศามาใกล้ชิดกับเขา นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มไม่อยากกลับมาเมืองไทย กระนั้นถึงธาวิตไม่ได้กลับมา แต่ชาลิศาก็ตามไปวุ่นวายถึงอังกฤษ เพียงแต่ชายหนุ่มมีวิธีจัดการกันให้เจ้าหล่อนข้ามผ่านกำแพงสูงของเขามาไม่ได้ แต่ดูเหมือนเวลานี้ สองแม่ลูกจะรุกหนัก คงเพราะตอนนี้ มารดาของเขากำลังป่วยหนัก มีแนวโน้มว่าจะกลับมาบริหารงานต่อไม่ได้ ทุกอย่างจึงตกมาที่ป้ามารศรีซึ่งทำหน้าที่รักษาการแทนท่านที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ชาลิศาเห็นธาวิตนิ่งเงียบก็ใช้ช่วงเวลานี้หาทางเข้าใกล้เขาทันที “พี่วิตไม่ต้องเกรงใจลิศากับคุณแม่หรอกนะคะ ยังไงพวกเราก็เป็นทองแผ่นเดียวกัน อุ๊ย...” แสร้งยิ้มเขินๆ เหมือนว่ากำลังพูดผิด แล้วรีบพูดต่อ “ยังไงพวกเราก็ครอบครัวเดียวกัน ลิศาเองก็จะอยู่เคียงข้างพี่วิตตลอดไปนะคะ” พูดจบ ชาลิศาก็เดินไปแนบชิดร่างสูงใหญ่ หลับตาพริ้ม เอนศีรษะลงไปที่ไหล่กว้าง จนกระทั่งเสียงหลุดหัวเราะออกมาอย่างสุดจะกลั้นดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เธอลืมตาขึ้น “พอเลยๆ ยัยลิศา นี่มันงานศพ มายืนฝันหวานอะไร” น้ำเสียงเจือหัวเราะคุ้นหูปลุกให้ชาลิศาเงยหน้าลืมตาขึ้นมองเจ้าของมือหนาที่จับศีรษะของเธอดันออกจากอกแกร่งของธาวิต “เอ้า! พี่ชัช มายืนขวางลิศาทำไมคะ ลิศากำลังให้กำลังใจพี่วิต แล้วนี่พี่วิตไปไหนแล้วล่ะคะ” มือเล็กปัดมือของพี่ชายออกจากศีรษะของตัวเอง พร้อมกับจัดแจงผมหน้าม้าให้เข้าทรง หลังถูกชัชวีร์แกล้งดันศีรษะเอาไว้ พลางย้ายสายตาเล็กเรียวสอดส่องหาลูกพี่ลูกน้องที่เธอนั้นแอบชอบมาตั้งแต่เด็กไปทั่วงาน ซึ่งชัชวีร์เองก็มองอะไรๆ ออกจึงได้เอาตัวเองเข้าขวางไว้ เพราะรู้ว่าธาวิตรำคาญน้องเลี้ยงของตน และยัยลิศาก็คิดน้อย ทำอะไรผิดจังหวะ ผู้หญิงไม่รู้จักกาลเทศะแบบชาลิศาไม่ใช่คนที่ญาติผู้น้องจะเหลียวมองแม้กระทั่งหางตาด้วยซ้ำ เมื่อครู่ เขาจึงเปิดทางให้ธาวิตเบี่ยงตัวหลบและหาทางปลีกตัวออกจากน้องสาวจอมตื๊อของตัวเองได้อย่างง่ายดาย อันที่จริงจะเรียกว่าชาลิศานั้นแอบชอบธาวิตก็คงไม่ถูกนัก น่าจะเรียกว่าชาลิศานั้นคอยวิ่งตามตื๊อธาวิตมาตั้งแต่เด็กยันโตเสียมากว่า โดยที่อีกฝ่ายเองก็ไม่เคยมีทีท่าจะมองน้องสาวต่างบิดาของเขาเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เมื่อห้าปีก่อนที่ธาวิตประสบความสำเร็จ มีธุรกิจโรงแรมระดับเวิร์ลด์คลาสเป็นของตนเองโดยไม่ได้พึ่งเงินกงสีของครอบครัวแม้แต่บาทเดียว ตอนนี้ต่อให้ไม่ใช่ทายาทคนเดียวของคุณธนา ชายหนุ่มก็คือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีเงินติดบัญชีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้านบาท คุณมารศรีผู้เป็นมารดาเลี้ยงของเขาก็แทบจะนำบุตรสาวใส่พานประเคนให้กับธาวิตเลยด้วยซ้ำไป ฟากธาวิตที่หลบมาจากสองแม่ลูกจอมตื๊อนั้นได้ก็เดินมากระพุ่มมือไหว้อาธวัช สามีของป้ามารศรี พี่ชายคนเดียวของบิดาเขาที่คอยรับไหว้และส่งแขกที่มาร่วมงานกลับบ้านอยู่ตรงหน้างาน “สวัสดีครับลุงวัช ขอบคุณอามากนะครับที่ช่วยจัดการเรื่องงานศพของคุณพ่อ และยังช่วยดูแลธุรกิจของคุณพ่ออีกด้วย เหนื่อยคุณลุงมาตลอดเลยนะครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่คงลำบากคุณลุงแย่แล้ว” สายตาผู้อาวุโสวกกลับมามองหลานชายที่สูงกว่าตนพอสมควร “ไม่เป็นไรหรอกตาวิต ยังไง ธนามันก็น้องชายแท้ๆ ของลุง ไหนมาให้ลุงดูหน้าชัดๆ หน่อยสิ ไม่เจอกันหลายปี” ธวัชพูดพลางคว้าไหล่หนาของหลานชายคนเดียวเข้ามาใกล้ๆ นัยน์สีเข้มที่อ่อนล้าตามวัยชราที่เพิ่มมากขึ้น มองเครื่องหน้าที่หล่อเหลาแล้วยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจในตัวหลานชายคนเก่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ท่าทาง แม้กระทั่งน้ำเสียงของธาวิตเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัวช่างเหมือนกับธนา ผู้เป็นน้องชายอย่างกับถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยน “ลุงภูมิใจในตัวหลานมาก ธนาเองก็เช่นกัน แม้พ่อของหลาน เขาจะไม่ค่อยพูด แต่อาก็รู้ว่าเขาก็รักและคิดถึงหลานมาก แค่วันนี้ หลานยอมกลับมาบ้านและรับทุกอย่างที่ควรจะเป็นของหลานไป ลุงเชื่อว่าคงไม่มีใครดีใจไปกว่าพ่อของเราอีกแล้ว” ธวัชตาแดง น้ำตารื้นขึ้นเมื่อคิดถึงน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกันที่จากไปก่อน “น่าเสียดายที่ธนามันทำบุญมาน้อย ยังไม่ทันจะได้เห็นหลานมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาก็มาด่วนจากไปเสียก่อน ต่อจากนี้ไป อย่าไปไหนนานๆ แบบนี้อีกนะ” ธวัชพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น แล้วดึงร่างหลานชายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของธนามากอดเอาไว้แน่น แล้วร่ำไห้ด้วยความเสียใจที่สูญเสียน้องชายที่ตนเองรักมากที่สุดอย่างไม่มีวันกลับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม