เกื้อการุณยังนั่งพิงกับพนักที่นั่งด้วยท่าทางผ่อนคลาย ผิดกับคู่สนทนาที่ลุกพรวดพราดออกไปอย่างไม่ยอมยกมือไหว้ลาเหมือนก่อนหน้าที่ได้กลับมาพบกันอีก
เธอเหลือทิ้งไว้เพียงไออุ่นกายและกลิ่นน้ำหอมเจือจางกลางอากาศ แม้บางเบาแต่ก็สร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าของห้องทำงานนี้เป็นอย่างดี
เขาไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนกับการปฏิเสธเสียงแข็งของเธอ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเสียด้วย
เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเธอก็จะกลับมารับข้อเสนอของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
'เพราะพ่อติดหนี้พนัน ติดผู้หญิง จากลูกคุณหนูก็กลายมาเป็นคุณหนูตกทุกข์ได้ยาก มิหนำซ้ำพี่ชายก็ติดหนี้พนันออนไลน์หนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนอยู่ครับ'
'แล้ว แม่ของเธอล่ะ'
'แม่ก็รับทำอาหารกล่องส่งตามบ้านบ้าง ตามออเดอร์ที่มีคนมาจ้างบ้าง แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะในบ้านมีผีพนันถึงสองตัว'
'เข้าใจแล้ว...'
'หนี้สินที่พอกพูนเป็นสิบๆ ล้านทำให้นายดนัยเกิดอยากได้ตัวคุณหนูผู้ตกยากไปเป็นบ้านเล็ก'
'ดนัย?' เขาทวนคำ...จะใช่ดนัยเจ้าพ่อบ่อนพนันชื่อดังนั่นไหม
'คนที่คุมแถวนั้น เบื้องหลังมีธุรกิจมืด ธุรกิจสีเทานับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นก็เป็นบ่อนที่พ่อของคุณหนูตกยากไปเล่น แล้วเซ็นเงินเขาเรื่อยๆ จนเป็นเงินจำนวนสิบล้าน เห็นบอกว่าถ้ายกลูกสาวให้ นายดนัยก็จะยกหนี้ส่วนนี้ให้ด้วย'
'มิน่าล่ะ...'
'คุณไฮน์ถึงต้องรบกวนคุณเกื้ออย่างไรล่ะครับ เพราะรู้ว่าคงไม่สามารถไปต่อกรกับพวกมาเฟียได้ ลำพังถ้าจะหาเงินมาช่วยเพื่อนรักก็คงได้อยู่ แต่คุณไฮน์ดูแล้วเรื่องจะไม่จบง่าย เลยต้องให้คุณหนูผู้ตกยาก บากหน้ามาขอให้คุณเกื้อช่วยและออกหน้าให้'
'ฉันเข้าใจแล้ว แล้ว...ถ้าฉันไปขวางทางรักไอ้ดนัยอะไรนี่ นายว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันมั้ย'
'เรื่องน่าสนุก และน่าตื่นเต้น ท่าทางนายดนัยอยากได้ตัวคุณหนูตกยากมาก เห็นเทียวเข้าออกบ้านหลังนั้นเป็นว่าเล่น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณเกื้อล่ะครับ ว่าช่วงนี้มีเวลาว่างพอจะเล่นสงครามประสาทกับนายดนัยนี่หรือเปล่า'
เกื้อการุณหัวเราะในลำคอเบาๆ กับวาจาของลูกน้องคนสนิท ก่อนยิ้มเหี้ยมเกรียมแล้วตอบ 'ช่วงนี้ฉันว่าง พอมีเวลาเล่นสงครามประสาทกับนายดนัยอะไรนี่อยู่'
นั่นคือบทสนทาระหว่างเขากับคนสนิทที่ชื่อวีรชาติเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่มนัสยาจะมาพบเขาวันนี้
เกื้อการุณผุดลุกขึ้น เดินตรงมามองผ่านกระจกลงไปเบื้องล่างของตึก แม้จะไม่เห็นร่างบางนั่นอีกแล้ว แต่เขาก็สามารถสัมผัสความโกรธในใจของเธอได้อยู่ แต่ว่าเธอจะโกรธเขาแค่ในตอนแรก จากนั้นความโกรธที่มีจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นความว้าวุ่น สุดท้ายจะเป็นฝ่ายกลับมารับข้อเสนอของเขาทันที
แล้วก็ทำให้เขานึกถึงแม่สาวน้อยในวันวาน เธอดูอ่อนหวาน น่าทนุถนอม แต่ยามนั้นเธอยังเป็นเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนเขาก็ไม่กักขฬะถึงขนาดเอาเด็กแบบนั้นมาเสพสม แต่... ทุกอย่างในวันนี้กำลังเข้าทางเขา
เนื่องจากหลายวันก่อนหลานสาวคนเดียวที่เรียนไกลอีกถึงอีกซีกโลกได้ติดต่อมา เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือมนัสยาเรื่องหนี้สิน ที่บิดาและพี่ชายตัวแสบเธอก่อเอาไว้
'อาเกื้อ ช่วยยาหยีได้มั้ยคะ ถ้าไฮน์ช่วยเรื่องจะไม่จบง่ายๆ แต่ถ้ามีอาเกื้อช่วยและออกหน้า อย่างไรก็ดีกว่าค่ะ'
'แล้วทำไมเพื่อนเราถึงได้ร้อนเงินขนาดนั้น'
'เพราะปัญหาหนี้สินรุงรังที่พ่อและพี่ชายก่อไว้ค่ะ'
ชาลิสาไม่ได้บอกว่าเจ้าหนี้คนนั้นกำลังอยากได้ตัวเพื่อนรักไปเป็นบ้านเล็ก แต่เขาก็ให้คนตามสืบเองจนรู้เรื่องเอง
'ก็ได้ ให้เพื่อนเรามาพบอาสิ'
'จริงๆ นะคะ'
'เห็นอาชอบพูดเล่นเหรอ'
'อาเกื้อใจดีที่สุด'
ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาหลานสาวคงเป็นแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงของส่วนลึก เขาเป็นผู้ชายที่มีความปรารถนาร้อนแรงซุกซ่อนอยู่ ในเมื่อ เขาพึงใจแม่เด็กคนนี้ เขาก็แค่นำเรื่องเงินมาทำเป็นข้อเสนอกับเธอแบบแฟร์ๆ แทน
เงินสิบล้าน ไม่ใช่น้อยๆ แค่เธออยู่กับเขา ยามเขาต้องการ แค่นี้เอง...
เกื้อการุณยืนคิดพร้อมกับเริ่มนับเวลาถอยหลังถึงวันที่เธอจะย้อนกลับมารับข้อเสนอของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกครั้งหนึ่ง
มนัสยากลับมาที่ร้านเสื้อผ้า Yayee.brand ของตัวเองด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
หญิงสาวผลักประตูกระจกเข้ามาเห็นพนักงานของร้านที่กำลังนั่งตัดเย็บเสื้อผ้าตามแบบที่เธอมอบหมายอยู่
ด้วยสีหน้าบึ้งตึงจัดทำให้พนักงานของร้านรวมถึงแม่บ้านประจำต่างสบตากันด้วยความสงสัย และร่างบางนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจเอ่ยทักทายใคร เธอเดินตัวปลิวเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองทันที
"หนูยาหยี เป็นอะไรรึเปล่าคะ"
แม่บ้านคนดังกล่าวรีบตามมาถามด้วยความเป็นห่วง
"หยีขอน้ำแก้วนะคะ เอ่อ ขอยาพาราด้วยก็ดีค่ะ"
"ไหวแน่ใช่มั้ยคะ"
"หยีปวดหัวนิดหน่อยค่ะ แต่กินยาเดี๋ยวคงดีขึ้น"
ดนุพร แม่บ้านวัยห้าสิบกว่าพยักหน้ารับ แล้วหมุนตัวกลับออกไปหาน้ำและยาพาราแก้ปวดศีรษะตามความต้องการของหญิงสาว
มนัสยาค่อยๆ นั่งลงกับเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วกวาดสายตามองห้องทำงานของตัวเองด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า เธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์แห่งนี้มาเกือบสองปีแล้ว ทำทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบ ตัด เย็บรวมไปถึงแชตตอบข้อความลูกค้า หรือแม้แต่เป็นนางแบบถ่ายภาพสวยๆ กับเสื้อผ้าในแต่ละชุดที่ออกแบบมา เพื่อโพสต์ลงอินตาแกรมและเฟซบุ้กของร้าน เธอก็ทำมาเองเกือบทั้งหมด
เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินมาใช้จุนเจือคนในบ้านและคนของร้านเลยทีเดียว
ความจริงมนัสยาทำร้านเสื้อผ้ามาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.6 แต่นั่นเธอทำในรูปแบบเปิดพรีออเดอร์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายผู้หญิงจากต่างประเทศมาขาย พอเข้ามหาวิทยาลัย เรียนไปได้ปีกว่าก็ต้องดรอปการเรียนเอาไว้กลางคัน เพราะสถานการณ์ที่บ้านไม่เป็นใจ เนื่องด้วยบิดาติดการพนัน ติดผู้หญิงอย่างหนัก แถมที่ชายที่พอจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับที่บ้านอีกคนก็เริ่มทำตัวสำมะเลเทเมา ติดเพื่อน ติดเที่ยวหนัก หลังๆ มาถึงรู้อีกว่าเขาได้ติดหนี้การพนันออนไลน์อีกด้วย!
'ขืนหยีเรียนอีก คุณแม่แย่แน่ๆ ค่ะ ให้หยีออกมาทำงานช่วยคุณแม่แบ่งเบาภาระต่างๆ ก่อนดีกว่านะคะ'
เธอคุยกับมารดา เพื่อตัดสินใจทำเรื่องสำคัญอีกเรื่องในชีวิต
หลังจากทำเรื่องพักการเรียนเอาไว้ เธอก็มาเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ โดยใช้ตึกนี้ทำเป็นร้านออกแบบตัดเย็บและเก็บสต็อกผ้า โดยมีช่างตัดเสื้อฝีมือดีอีกสามคนที่สามารถสื่อสารกับเธอที่เป็นคนออกแบบได้มาช่วย
และตึกแถวนี้เอง ก็เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่บ้านของเธอเหลืออยู่
'หยี... น่าเชื่อพ่อเถอะ คุณนัยเขารักหยีจริงๆ นะ ถ้าหยียอมอยู่กับเขา เขาก็จะไม่มายึดบ้านยึดที่ของเราแล้ว พ่อกับแม่ก็จะได้สบายไปด้วย'
'คุณพ่อคิดว่าปัญหามันจะจบแค่นี้หรือคะ' มนัสยาถามบิดาบังเกิดเกล้าด้วยตัวอันสั่นเทาหลังจากที่ท่านมาขอร้องให้เธอยอมเป็นเมียน้อยอีกคนของคนที่ชื่อดนัยอะไรนั่น เพื่อแลกกับหนี้สินแปดล้านบาทที่บิดาเธอได้ก่อเอาไว้
'คุณพ่อก่อปัญหาเอง ทำไมต้องให้หยีมารับผิดชอบด้วย และทำไมคุณพ่อต้องทำให้คุณแม่มาเดือดร้อนด้วยแบบนี้ทำไมคะ!'
จริงหรือ แค่การที่เธอยอมเป็นเมียน้อยของคนที่ชื่อดนัย แล้วปัญหาต่างๆ มันจะจบลงจริงๆ ไม่มีทางหรอก...
ในเมื่อบิดาและพี่ชายยังขยันสร้างปัญหาอย่างไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้
หญิงสาวยกสองมือมากุมขมับคิดพร้อมกับระบายลมหายใจอันหนักหน่วงทิ้งไป ตอนนี้เธอได้ปฏิเสธข้อเสนอจากคุณอาของเพื่อนรักไปแล้ว เธอจะต้องหาหนทางใหม่เพื่อช่วยไม่ให้คนที่ชื่อดนัยอะไรนั้นมายึดบ้าน ยึดสมบัติชิ้นสุดท้ายของพวกเธออีก
แต่คิดเท่าไหร่มันก็ยังมืดมนสับสนอยู่ดี!