ใช้เวลาถึงสามวัน ... มนัสยาก็ติดต่อกลับเขามาอีกครั้ง
"คุณเกื้อคะ"
น้ำเสียงเลขาฯเขาที่ส่งผ่านระบบสื่อสารภายในดังขึ้น เกื้อการุณที่กำลังสนใจโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่หัวหิน ขานรับเรียบๆ
"มีอะไร"
"ผู้หญิงที่ชื่อมนัสยาติดต่อกลับมาแล้วค่ะ"
"อ้อ..." ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที ตอนนี้เขาสนใจเรื่องของคุณหนูตกยากคนนี้มากกว่า ใช้เวลาเร็วกว่าที่เขาคิดเสียอีก ในที่สุดเธอก็ติดต่อกลับมาหาเขาแล้ว
"เธอว่ายังไง ..."
"เธอขอพบคุณเกื้อในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายค่ะ แต่คุณเกื้อมีงานทั้งบ่ายนะคะ โดยเฉพาะบ่ายสามโมงคุณเกื้อต้องไปติดตามความคืบหน้าของโครงการ เดอะ ไพรม์ คอนโดมิเนียมพหลโยธิน ถ้าอย่างไรนัดเธออีกวัน..."
จริงสิ 'เดอะ ไพรม์' เป็นโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่เสร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วนี่
"ให้เธอมาพบผมวันพรุ่งนี้นั่นแหละ"
"คะ? แต่..."
"เอาตามนี้แหละ บ่ายสามโมงตรง ให้เธอมาพบผมที่นี่"
"ค่ะ ได้ค่ะ"
หลังจากเลขาฯรับเรื่องจากเขาไปแล้ว เกื้อการุณก็หมุนเก้าอี้ไปมาเล็กน้อย พร้อมกดรอยยิ้มเล็กตรงมุมปาก เขาคิดผิดที่ไหน ปัญหาทางการเงินรุมเร้าเสียขนาดนั้น เธอจะหาทางออกได้อย่างไร ถ้าไม่บากหน้ากลับมารับข้อเสนอของเขาอีกครั้ง
เมื่อวันที่นัดหมายมาถึง มนัสยามาถึงเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง และเหมือนเดิมเธอจะต้องนั่งรอเขาที่เดิมเหมือนวันนั้น
ระหว่างรอเขาดวงหน้าหวานของหญิงสาวอยู่ในอาการเคร่งขรึมตลอดเวลา ผิดกับวันนั้นที่ยังมีความวิตก หวาดกลัวหลากหลาย ทว่า วันนี้เธอกลับมาพร้อมกับการใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ตัดสินใจแล้ว จะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
มนัสยานั่งรอเขาเงียบๆ จวบจนถึงเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของห้องทำงานได้เปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาเดินผ่านเธอไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก่อนจะหันกลับมาเรียกเธอเรียบๆ
"ยาหยี"
เธอจึงรีบลุกขึ้นสานสบตาเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ พลางยกมือไหว้เขาก่อน "สวัสดีค่ะ อาเกื้อ"
เกื้อการุณเกือบหลุดหัวเราะ แล้วรีบบอก "ไม่ต้องพิธีรีตรองมากหรอก ไปกับอา..."
"คะ" เธอตกใจและงุนงง เขาจะให้เธอไปไหน "ตะ แต่..."
"อารู้ว่ายาหยีกลับมาหาอาที่นี่เพราะอะไร"
เขากล่าวพร้อมทั้งยิ้มในหน้า ทำให้เธอรู้สึกกระดาก แต่แม้เขาจะคาดเดาคำตอบของการกลับมาหาเขาที่นี่อีกครั้งได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะเห็นด้วยทั้งหมดกับข้อตกลงของวันนั้น ว่าแล้วมนัสยาก็รีบแย้งเขา
"แต่ยาหยีมีเงื่อนไขเพิ่มค่ะ"
"ไปคุยกันที่อื่น อามีงานต่อ"
เขากวักมือเรียก มนัสยาเลยรีบหยิบกระเป๋าขึ้นแล้วเดินตามเขาไปด้วยความงุนงง
ลิฟต์พาเขาและเธอมายังที่จอดรถประจำตำแหน่งของเขา เพียงลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก็เห็นมินิแวนคันหรูที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว เขาก้าวขึ้นไปนั่ง แล้วเรียกเธออีก "มาสิ..."
"อาเกื้อจะไปไหนคะ ยาหยีมีเรื่อง..."
"อากำลังจะไปตรวจงานอีกที่ก็เสร็จแล้ว ...แล้วเราค่อยไปคุยเรื่องของเราที่นั่นต่อ"
ใจเธอสั่นเผลอหลบตาเขาวูบตอนที่เขาย้ำว่า 'เรื่องของเรา'
มนัสยารู้สึกประหม่าอีกครั้ง แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของพี่ชาย ก็ทำให้เธอลังเลได้ไม่นาน รีบขึ้นไปนั่งในรถข้างๆ เขา แล้วมินิแวนคันงามก็พาเขาและเธอไปยังคอนโดมิเนียมหรูที่ใกล้จะเปิดแห่งหนึ่งทันที
ในช่วงอยู่ภายในรถ เกื้อการุณยังคงนั่งอ่านเอกสารอีกหลายหน้า มนัสยาเลยไม่มีจังหวะเปิดปากเข้าเรื่องของเธอเสียที จนมินิแวนลดความเร็วแล้วเลี้ยวเข้าสู่อาณาบริเวณคอนโดมิเนียมหรูใจกลางห้าแยกลาดพร้าวนั่นเอง
หญิงสาวเหลือบมองป้าย 'The Prime' อันเป็นชื่อโครงการของที่นี่ แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งในหลายโครงการของบริษัทเขานั่นเอง
The Prime เป็นคอนโดมิเนียมหรู ระดับ Luxury Sector ที่หมายถึงคอนโดมิเนียมในระดับสิบล้านขึ้นไป โครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างเอ็น ดับบลิว แอสเสท กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น มีจำนวน 40 ชั้น มีพื้นที่ใช่สอยกว่าสองพันตารางเมตร ที่ประกอบไว้ด้วย สวนหย่อม สระว่ายน้ำแบบ indoor และ outdoor มียิมที่มองลงมาเห็นภาพในมุมกว้างของกรุงเทพฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกครบครัน นับว่านอกจากความหรูหราสะดวกสบายแล้วคอนโดแห่งนี้ยังถือว่าตั้งอยู่ในทำเลทองของเมืองอีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่า โครงการนี้จะถูกขายห้องไปกว่าแปดสิบเปอร์เซ็น ซึ่งเหลืออีกไม่กี่ห้องที่ เอ็น ดับบลิว จะสามารถปิดโครงการตามโครงการอื่นๆ ที่ขายดีไปก่อนหน้า
ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ หาก ไม่ใช่ เอ็น ดับบลิวที่ถือว่าเป็นเจ้าที่ครองตลาดคอนโดมิเนียนมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องยากจนหืดขึ้นคอเลยทีเดียว
และหากเป็นเวลาปกติ การได้เดินดูห้องหรูหราและวิวบนตึกสี่สิบชั้นคงเป็นอะไรที่น่าพิสสมัยน่าดู แต่ต้องไม่ใช่ยามที่ชีวิตของพี่ชายเธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้ นึกแล้วนมัสยาก็อดขวางเขาไม่ได้ หากวันนี้เขาไม่ว่างก็น่าจะให้เลขาฯ นัดเธอมาพบวันพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องให้เธอมาเดินตามเขาพร้อมกับรับฟังเรื่องราวการพูดคุยรายละเอียดของห้องแต่ละแบบที่เขาเดินดูพร้อมกับซักถามตัวแทนของคนที่มาจากบริษัทสถาปนิกชื่อไปในตัวด้วยเลย เพราะดูอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอสักนิด หญิงสาวรู้สึกเสียดายเวลาที่จะต้องทำงานของเธอเหมือนกัน
ก่อนที่เขาจะไปดูห้องอีกสไตล์ เกื้อการุณให้เธอรอเขาอยู่ที่ห้องนี้ก่อน เขาคงอ่านสีหน้าที่เริ่มมึนตึงของเธอออกกระมัง จากนั้นเสียงพูดคุยของคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ เงียบไป
มนัสยาเดินมานั่งตรงมุมที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง พลางทอดสายตามองไปยังตึกสูงแห่งหนึ่งที่อย่างคนใช้ความคิด เธอจะเริ่มต้นคุยกับเขาอย่างไรดีว่า เงินจำนวนสิบล้านที่เขาเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวเธอ หากเธอจะขอเพิ่มอีกสิบล้านเป็นยี่สิบล้าน เขาจะยอมจ่ายให้เธอได้หรือไม่
เนื่องจากเธอคิดมาอย่างดีแล้วว่า ไหนๆ เธอจะต้องทำเรื่องแบบนี้ ก็ขอเรียกร้องจากเขาเพิ่มอีกเพื่อให้คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องเสียไปดีกว่า
อย่างน้อย นอกจากมันจะช่วยชีวิตพี่ชายเธอได้แล้ว มันก็ยังช่วยคนที่บ้านของเธอให้หลุดพ้นการครอบงำของนายดนัยนั่นได้อีกด้วย แถม อาจจะเหลือเงินก้อนอีกจำนวนหนึ่งไว้ให้เธอตั้งตัวได้อีก
คิดแล้วมนัสยาก็เผลอถอนหายใจแรงๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม เผลอนั่งเงียบๆ พร้อมกับมองตึกสูงตึกนั้น จนเริ่มสังเกตเห็นสีท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคราม เธอจึงรู้ตัวว่า เวลาผ่านไปนับเกือบหนึ่งชั่วโมงที่คุณอาของเพื่อนรักบอกให้เธอรอเขาอยู่ในห้องนี้
จริงสิ...ห้องนี้เมื่อกี้เธอได้ยินคนพวกนั้นพูดกันว่าราคาของห้องเริ่มต้นที่สิบห้าล้านบาท แม้จะเป็นห้องที่มีห้องนอนเพียงห้องเดียว แต่ราคาเริ่มต้นของมันก็ถือว่าแพงไม่เบาเลยทีเดียว
"อาเพิ่งตัดสินใจซื้อห้องนี้เอาไว้แล้ว เมื่อกี้..."
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้มนัสยาละสายตาจากตึกสูงระฟ้าตรงหน้า เธอหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กลับเข้ามาเงียบๆ เวลาไหนก็ไม่รู้
เกื้อการุณยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินมานั่งลงกับอาร์มแชร์อีกตัวที่อยู่ไม่ห่างเธอ ทอดตัวลงพิงกับพนักด้วยท่าทีสบายตัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับเธออีกว่า
"เอาล่ะ...อาว่างที่จะคุยเรื่องของเราสองคนแล้ว"
หญิงสาวที่ถูกจ้องตรงๆ อย่างตั้งใจเบนสายตาหนีด้วยความประหม่า จิตใจเริ่มเต้นกระหน่ำ เธอพยายามเค้นเสียงไม่ให้สั่น แต่เขาคงจับน้ำเสียงของเธอได้ จึงกดรอยยิ้มที่มุมปากลงน้อยๆ "หยีมาพบอาเกื้อวันนี้ เพราะหยีตกลงรับเงื่อนไขของอาเกื้อค่ะ แต่ว่า..."
"ยาหยี" น้ำเสียงเขาแทรกขึ้น ย้ำให้เธอรู้ว่าควรเรียกแทนตัวเองกับเขาว่าอย่างไรนั่นเอง
"ค่ะ ยาหยีตกลงรับข้อเสนอของอาเกื้อ แต่ยาหยีอยากจะขอจากอาเกื้อเพิ่มอีกสิบล้านเป็นยี่สิบล้าน อาเกื้อจะให้ได้มั้ยล่ะคะ"
ถามเขาแล้วจิตใจยิ่งเต้นโหมกระหน่ำมากกว่าเดิม มนัสยาค่อยๆ สบตาเขา ด้วยท่าทีที่บอกว่าเธอมุ่งมั่นที่จะต่อรองราคาค่าตัวเพิ่ม แล้วมาดูว่าเขาจะใจป้ำให้ตามที่เธอขอหรือไม่
ดวงตาคู่สนิมมีแววไหวระยิก รอยยิ้มที่มุมปากได้รูปนั้นกลับมาปรากฏอีกครั้ง หรือเขากำลังดูถูกเธอ
ในช่วงที่รอฟังคำตอบ...เธอได้ยินเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วเขาก็เอ่ยออกมาที่สร้างความตะลึงให้กับเธออีก
"นั่นมันขึ้นอยู่กับยาหยีเองว่าจะทำให้อาพึงพอใจ หรือทำให้อารู้สึกว่าคุ้มค่ากับที่ต้องจ่ายให้ยาหยีอีกสิบล้านหรือเปล่า"
"ยาหยีต้องทำยังไงคะ ถึงจะทำให้อาเกื้อรู้สึกมั่นใจได้" ได้ยินตัวเองต่อปากต่อคำกับเขาไปเช่นนี้ กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นคำพูดที่ก๋ากั่นเกินตัวที่สุด เสียงหัวเราะเบาๆ ของเขาก็ดังขึ้น ตามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบที่แฝงด้วยอำนาจสั่งการบางอย่างตามมาขึ้นว่า
"ลุกมานั่งตักอา แล้วจูบอา ให้อาดูตอนนี้สิ"
ดวงตาคู่หวานเบิกขึ้นเล็กน้อย หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าด้วยกันน้อยๆ ด้วยความลังเล ทว่า เงินยี่สิบล้านที่กำลังรอเธอตรงหน้า หากให้หาเองเธอก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาหาอีกกี่ปีถึงจะได้ มันก็เย้ายวนล่อลวงให้เธอทำเรื่องไม่คาดฝัน กว่าจะรู้ตัว ก็พบว่าตัวเธอได้มานั่งลงที่ตักอุ่นๆ ของคุณอาหนุ่มคนนี้เสียแล้ว...