"แค่ตะขาบน่ะ ร้องอย่างกะโดนงูเหลือมจะงาบไปกิน"
พูดในขณะที่เขี่ยตะขาบเขวี้ยงไปทิ้งอีกทาง ธยาดาที่ยืนเกือบขวัญเสียเมื่อได้ยินคำว่างูถึงกับเบิกตาโพลง
"งูเหลือม!"
เสียงของธยาดายิ่งมีความตื่นตระหนกมากกว่าเดิม เธอกลัวสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด ซึ่งข้อนี้ภูรินทร์ก็น่าจะรู้ดี นาทีนี้ธยาดาอยากจะร้องไห้ออกมานัก เธอกลัวจนแทบจะจับไข้
"พี่ยาดาอย่ากลัวเลย แถวนี้ไม่มีงูหรอก"
ภูรินทร์เหลือบไปมองธยาดานิดหน่อยเขารู้ดีว่าตอนนี้หญิงสาวกลัวจนขี้ขึ้นสมองไปแล้วมั้ง แม้จะนึกเป็นห่วงแต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกแวบเดียวเท่านั้น
" รีบทำงานให้เสร็จ อย่าหาเรื่องอู้ "
จากนั้นเขาก็เดินจากไป โดยไม่ได้หันมามองหรือสนใจใยดีธยาดาอีก
"เอายังไง ไหวมั้ยนี่?"
กาหยูถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าธยาดายังยืนตัวแข็งทื่อ
"วะ ไหว จ่ะ กาหยู เรารีบไปกรีดต่อให้เสร็จเถอะนะ"
พูดขึ้นในขณะที่แอบมาตามแผ่นหลังแข็งแรงนั้นไปไม่ได้ เธอไม่เข้าใจเลยเท่าไหร่นักว่าความรักความห่วงใยที่ภูรินทร์เคยมอบให้เธอเมื่อวันเก่าก่อนมันหายไปไหนหมดแล้ว ทำไมถึงได้ไร้ซึ่งความรู้สึกที่ห่วงใยใส่ใจกันได้ขนาดนี้ แม้จะรู้ว่าเขาเข้าใจผิดแต่ก็อดที่จะน้ำตาซึมออกมาไม่ได้
เวลาห้าปีมันมากพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนไป ธยาดาเริ่มไม่แน่ใจว่าเพราะเข้าใจผิดหรือเพราะว่าใจเขาเปลี่ยนไปแล้วกันแน่
ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อสักครู่ เธอเกือบจะพุ่งเข้าไปกอดเขาเพราะความลืมตัวอยู่แล้วเชียว แต่ ธยาดายังพอมีสติและนึกได้ว่าภูรินทร์นั้นเกลียดเธอมากแค่ไหน
เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง
ภารกิจกรีดยางก็เสร็จสิ้น ธยาดาแทบจะเดินขาลากกลับกระท่อมน้อยของเธอ
"เหนื่อยเหมือนกันนะกาหยู ฉันไม่เคยทำอะไรที่เหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย"
พูดพรางยกมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองที่ไหลโชกอยู่ทั่วใบหน้าและทั่วทั้งตัว
"ทำได้มั้ยพี่? พรุ่งนี้ต้องไปเก็บกาแฟอีก"
ธยาดาพยักหน้า เธอมาถึงขนาดนี้แล้วจะให้ไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหนก็คงต้องทำให้ได้ทั้งหมด
"พี่ยาดา มือพี่แตกหมดเลย เดี๋ยวตอนเช้าฉันเอายามาให้ ยังไม่ทันสว่างพี่ไปพักก่อนเถอะ"
"จ่ะ กาหยู ฉันขอบใจเธอมากๆเลยนะ สำหรับความช่วยเหลือ ไม่ได้เธอฉันคงทำอะไรไม่ถูก"
"ไม่เป็นไรหรอก พี่กล้าน่ะรักและเคารพพี่เหมือนพี่สาว เพราะฉะนั้นกาหยูก็เหมือนกัน"
ธยาดายิ้มให้กาหยูอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจที่ออกมาจากใจจริงๆ
"พี่พักเถอะ เดี๋ยวฉันต้องกลับไปบ้านพักเหมือนกัน"
"จ่ะ"
คล้อยหลังกาหยูไปแล้ว ธยาดารีบกลับมาจัดการกับกระท่อมที่พักของเธอ
ธยาดารีบไปตักน้ำจากลำธารมาใส่โอ่งในห้องน้ำให้เต็ม ไม่ได้พักผ่อนอย่างที่กาหยูบอก เนื่องจากสมองเธอตอนนี้มีเรื่องให้คิดมากมาย คงนอนหลับอีกไม่ลง
อีกอย่างธยาดาอยากจะจัดการตกแต่งซ่อมแซมกระท่อมใหม่ให้น่าอยู่มากขึ้นก่อนที่หน้าฝนจะมาถึง
ในเมื่อภูรินทร์อยากเห็นเธอทนไม่ได้กับการอยู่ในกระท่อมซอมซ่อ ธยาดาก็จะดัดแปลงมันเป็นกระท่อมที่น่าอยู่ยิ่งกว่าโฮมสเตย์พักแรมเสียอีกคอยดูล่ะกัน
สองอาทิตย์ต่อมา
ธยาดาจัดการซ่อมแซมกระท่อมใหม่ทั้งหมด เธอขอช่วยให้กล้ามาทาสีให้ใหม่ ประตูหน้าต่างก็มีผ้าม่านสีขาวมาติดทุกบาน
แถมธยาดายังหาไม้ดอกไม้ประดับมาปลูกรอบๆ ข้างๆกระท่อมน้อยก็ดัดแปลงเป็นแปลงผัก และปลูกผักสวนครัวเพื่อเอาไว้ปรุงอาหารกินเอง เธอพยายามฝึกฝนงานในสวนทุกอย่างจนพอจะทำได้ในระดับนึง ถึงแม้จะไม่เก่งมากมายแต่ธยาดาก็ตั้งใจมากๆอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย
"นายหัวครับ สงสารนายหญิงนะครับ ทุกวันนี้เธอทำทุกอย่างไม่ต่างจากคนงาน เจอทั้งแผลแตกพอง เจอทั้งงานหนักๆ แต่ก็ยังทำทุกอย่างไม่หยุด นายหัวจะไม่ให้อภัยนายหญิงจริงๆเหรอครับ"
กล้าพูดขึ้นมาในขณะที่ยืนมองกระท่อมของธยาดาจากเนินสูงของไร่ที่สามารถมองลงมาเห็นวิวข้างล่างทั้งหมด
"อย่าเรียกผู้หญิงคนนั้นว่านายหญิง หล่อนเป็นแค่คนงานคนหนึ่งเท่านั้น"
ภูรินทร์ยืนกอดอกมองทอดไปที่กระท่อมของธยาดาอย่างไม่ล่ะสายตา
"อย่างน้อย ก็ให้คุณยาดาเธอมีโอกาสได้พบเจอกับคุณหนูบ้างเถอะครับ ทุกวันนี้แม้แต่บ้านใหญ่ คุณยาดาก็ทำได้เพียงแอบมอง ไม่กล้าแม้แต่ย่างกรายเข้าไปใกล้ เพราะเกรงว่านายหัวจะไล่เธอออกไป"
ภูรินทร์นิ่งเงียบ เขาไม่ได้โต้แย้งอะไร จนผ่านไปเกือบห้านาที
"อยากให้เจอหนูดีใช่มั้ย ได้ วันนี้กานดาจะมากินข้าวที่บ้าน ให้ธยาดามารับใช้ก็แล้วกัน กำชับไว้ด้วยห้ามเปิดเผยฐานะตัวเองกับหนูดีหรือใครเด็ดขาด"
กล้าได้ยินถึงกับตกใจกับความคิดอันเลือดเย็นนี้
"ห้ะ! แบบนั้นคุณยาดาคงจะเจ็บปวดมากกว่าไม่ให้เจออีกนะครับนายหัว"
"ไอ้กล้า!ตกลงมึงเป็นลูกน้องของกูแน่นะ ไปทำตามที่กูสั่ง"
เมื่อภูรินทร์เริ่มขึ้นมึงกู กล้าจึงไม่กล้าขัดเพราะรู้ว่าเขากำลังจะมีโทสะมากขึ้น อารมณ์ของภูรินทร์ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายซะจนเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขายังขืนขัดใจมีหวังคงจะได้กินหมัดแทนข้าวเย็นนี้แน่ๆ
"ครับ ผมจะไปบอกคุณยาดาเดี๋ยวนี้"
กล้าเดินจากไป รอยยิ้มเหี้ยมกับสายตาคมปราบแฝงความอำมหิตก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อของภูรินทร์ทันที มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยอย่างคนมีแผนการณ์เจ้าเล่ห์
"ถึงเวลาที่คนอย่างเธอต้องได้รับรู้รสชาดของความเจ็บปวดบ้าง ธยาดา"
ภูรินทร์กำหมัดแน่น เขายังคงเคียดแค้นธยาดาไม่จางหาย รูปงานแต่งงานนั้นยังติดตาเขานัก ผู้หญิงแพศยาชั่วช้าอย่างธยาดาฆ่าให้ตายมันง่ายไป มันต้องค่อยๆทรมานให้หล่อนได้รับรู้ถึงรสชาดของความเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยพบเจอมาก่อน