"วันนี้ทำไมดูซึมๆล่ะกาหยู?"
ธยาดาเห็นกาหยูเงียบแปลกๆไปเลยเอ่ยถามขึ้นมา
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่เห็นพี่ยาดากับลูกทำให้กาหยูนึกถึง..."
กาหยูหยุดพูด เพราะมีก้อนบางอย่างจุกขึ้นมาที่ลำคอ เหมือนคนกำลังสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
"นึกถึงเรื่องอะไร?"
"ความจริงกาหยูกับพี่กล้าแต่งงานกันเพราะว่า...กาหยูตั้งท้อง..ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด พี่กล้าแค่ต้องการรับผิดชอบกาหยูเท่านั้น"
กาหยูหลบหน้าหลบตา น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามีแต่ความสั่นพร่า ธยาดาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้
ความจริงก็สงสัยอยู่บ้าง กล้า..ที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่นานก็มีเมียเสียแล้ว แต่ถึงจะนึกสงสัยแค่ไหนก็ทำได้เพียงแค่เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าซักไซ้ไล่เลียงถามเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
"เล่าให้ฉันฟังได้นะกาหยู หากว่ามันเป็นเรื่องที่เธออยากจะหาใครสักคนเพื่อที่จะระบายออกมา พี่สาวคนนี้ยินดีจะรับฟังเสมอ"
ธยาดาแตะไหล่ของกาหยูเบาๆ ระหว่างที่เดินมาถึงบ้านใหญ่พอดี
"ได้จ่ะพี่ยาดา แต่ว่าวันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่าเรื่องมันยาว กาหยูต้องรีบไปโรงอาหารเพื่อไปเอาข้าวให้พี่กล้าก่อนจ่ะ"
"อ้อ ฉันลืมไปเลย"
"โล่งอกไปที..นายหัวยังไม่กลับมา กาหยูฝากคุณหนูดีกับพี่ยาดาด้วยนะจ้ะ"
กาหยูชะเง้อดูตรงลานจอดรถยังไม่เห็นรถของนายหัวภูรินทร์กลับมา หญิงสาวถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
"ฝากทำไมกัน หนูดีเป็นลูกฉัน ฉันดูแลได้ เธอรีบไปเถอะ เดี๋ยวฉันหาข้าวให้หนูดีกินเสร็จก็จะกลับเหมือนกัน"
หนูดีหันมายิ้มหวานให้แม่ป้ายแดงเมื่อได้ยินประโยคที่ธยาดายอมรับเต็มปากเต็มคำว่าลูก ถึงจะเป็นเด็กน้อยก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจที่ผู้ใหญ่นั้นพูดกัน
"งั้นกาหยูไปก่อนนะพี่"
กาหยูยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็รีบปลีกตัวเดินมุ่งหน้าไปโรงอาหารทันที ธยาดารีบจูงมือลูกสาวเดินเข้าบ้าน
"หนูดี อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าจ้ะ เดี๋ยวแม่ยาดาทำให้กิน"
"หนูดีอยากกินข้าวไข่เจียวค่ะ"
สาวน้อยตอบด้วยประกายตาระยิบระยับ ตื่นเต้นที่แม่ยาดาจะทำกับข้าวให้กิน ธยาดาเดินเข้ามาในบ้านที่มีแม่บ้านชาวพม่าที่เพิ่งรับเข้ามาอยู่ด้วยหนึ่งคน
ธยาดาเดินเข้าครัวรีบจัดแจงทำอาหาร ไม่ลืมที่จะทำเผื่อสามีเก่าด้วย ของที่เขาชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มปลากะพง ผัดคะน้าปลาเค็ม น้ำพริกกะปิหมูทอด ของโปรดที่ภูรินทร์กินกี่ครั้งก็ชมเปาะไม่หยุดปากว่าไม่มีใครทำอร่อยเท่าธยาดา
"แกงนี้เดี๋ยวพอนายหัวกลับมา ดาวค่อยอุ่นให้นายหัวกินตอนร้อนๆนะจ้ะ?"
แม่บ้านชาวพม่าพยักหน้าตามคำสั่ง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าธยาดาเป็นใคร แต่เจ้าหล่อนดูไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาๆ จึงเกรงอกเกรงใจไปโดยปริยาย
"หนูดีคะ กินเสร็จแล้วแม่ยาดาก็จะกลับแล้วนะ หนูดีขึ้นไปบนห้องได้แล้วจ่ะ ค่ำแล้วเดี๋ยวคุณพ่อกลับมาจะถูกจับได้ว่าแอบมาหาแม่ยาดา อาจจะโดนคุณพ่อโกรธเอาได้นะคะ"
ธยาดาเอามือเท้าคางมองสาวน้อยตรงหน้าที่กำลังละเมียดละไมกินขนมคุ้กกี้อย่างช้าๆ หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"คุณพ่อกลับดึกค่ะ แม่ยาดาช่วยเล่านิทานให้หนูดีฟังก่อนได้มั้ยคะ?"
น้ำเสียงและแววตานั้นอ้อนวอนซะจนธยาดาใจอ่อนยวบ เธอไม่สามารถอดทนกับสายตาไร้เดียงสาคู่นั้นได้เลย ก็เลยต้องยอมเสี่ยงไปตามระเบียบ
"อืม อย่างนั้นก็ได้จ่ะ งั้นไปกันเลย"
"เย้!"
สาวน้อยดีใจวิ่งนำหน้าขึ้นชั้นบนไปก่อน
"หนูดี อย่าวิ่งค่ะ เดี๋ยวตกบันได"
ธยาดาตะโกนตามหลัง แต่สาวน้อยหาฟังไม่ ทำให้คนเป็นแม่ถึงกับต้องวิ่งตามร่างอวบจ้ำหม้ำไปให้ทัน เสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดดังอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากสองแม่ลูกวิ่งไล่จับกันอยู่ชั้นบน บ้านที่ดูเงียบเหงาดูเหมือนจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
"ใครทำกับข้าว?" ภูรินทร์เห็นกับข้าวถึงกับชะงัก กับข้าวเมนูแบบนี้ จัดจานสวยงามแบบนี้มีคนเดียวในโลกเท่านั้น
"เอ่อ คือว่า..."
เมื่อเห็นว่าแม่บ้านดาวหน้าเริ่มถอดสีแถมยังอึกๆอักๆ ภูรินทร์ที่รู้อยู่แล้วเต็มอกว่าเป็นใครก็ไม่อยากถือสาหาความ เขาโบกมือเป็นสัญญานว่าไม่เป็นไรทันที จะหาความกับแม่บ้านที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆก็ไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่
"ช่างเถอะ แล้วหนูดีล่ะ"
"น่าจะหลับไปแล้วค่ะ"
"ลูกฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?"
"ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะนายหัว"
ภูรินทร์พยักหน้ารับทราบ และไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะตอนนี้เขาอยากจะจัดการกับอาหารบนโต๊ะ เมนูโปรดของเขานานโขแล้วที่ไม่ได้ลิ้มลอง
"แอบมาทำกับข้าว นึกว่าฉันเดาไม่ออกเหรอ ว่าเธอเป็นคนทำ"
ภูรินทร์กินไปพูดกับตัวเองไป ไม่ได้โกรธที่ธยาดามาทำกับข้าว เพราะเขาตั้งใจให้ธยาดามาทำหน้าที่แม่บ้านแทนนุ้ยที่โทรมาขอพักงานชั่วคราวเนื่องจากพ่อเสีย ต้องไปจัดการเรื่องงานศพและปัญหาเรื่องที่บ้าน
"อร่อยเหมือนเดิมแหะ"
กินไปแอบเผลอปากชมไป ความเกลียดชังครั้งแรกๆมันพร่องไปตั้งแต่ตอนไหน ภูรินทร์แทบจะไม่รู้ตัว รู้ตัวแต่ว่าที่วันนี้เขารีบกลับเพราะหน้าของธยาดาลอยมาไม่หยุดหย่อน แทบจะทุกลมหายใจที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนนั้น แต่พอได้สติ ความเกลียดชังและโกรธแค้นก็กลับมาเหมือนเดิม ภูรินทร์ไม่ใช่ไม่รู้ตัวว่าหลังจากที่ผู้หญิงคนนี้กลับมา ตัวของเขานั้นเข้าใกล้อาการไบโพล่าเต็มทีแล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
"เก็บเลย ฉันอิ่มแล้ว"ภูรินทร์รวบช้อนพร้อมหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก มืออีกข้างลูบท้องเบาๆด้วยความอิ่มสุดๆ แม่บ้านดาวเดินมาเก็บโต๊ะตามคำสั่ง ในขณะที่ภูรินทร์ลุกขึ้นเพื่อเดินขึ้นชั้นสองของบ้านเพื่อไปอาบน้ำพักผ่อน ดาวถึงกับชะงักเพราะอาหารบนโต๊ะแทบจะไม่เหลือเศษอาหาร หรือคำเปรียบเปรยที่คนใต้ชอบพูดกันคือประโยคที่ว่า กินไม่เผื่อหมา
"วันนี้นายหัวคงหิว"
แม่บ้านดาวส่ายหน้าไล่ความสงสัย ว่าเป็นเพราะนายหัวหิวหรือเพราะในทุกๆวันเธอทำอาหารไม่อร่อยกันแน่ แต่ดาวคิดเข้าข้างตัวเองว่านายหัวคงหิวมากกว่า ฝีมือธยาดาก็คงงั้นๆแหละ อดคิดอิจฉาธยาดาไม่ได้ สวยก็สวยหยาดเยิ้มแถมฝีมือทำอาหารก็อร่อย ไหนจะคุ้กกี้ที่หล่อนหิ้วมาฝากอีก ผู้หญิงอะไรทั้งสวยทั้งเก่ง
ภูรินทร์เดินขึ้นมาชั้นบนแต่ไม่ลืมที่จะแวะห้องของลูกสาวก่อน
แอ๊ด!
ภูรินทร์เปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบาเนื่องเกรงว่าอาจจะทำให้ลูกสาวตัวน้อยตื่นขึ้นมา
แต่ทว่า!
ที่ภูรินทร์เห็นตรงหน้าคือภาพแม่ลูกที่นอนหลับในท่าที่ธยาดานั่งพิงพนักอยู่กับหัวเตียงในมือถือหนังสือนิทานค้างอยู่ ส่วนหนูดีหลับอยู่ในท่าที่นอนหนุนตักแม่ คงจะเผลอหลับไปในขณะที่กำลังเล่านิทาน
ภูรินทร์ถอนหายใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ความรู้สึกมันยากที่จะอธิบาย มันก็ดีที่ธยาดามาทำหน้าที่แม่ของลูกเสียบ้าง แต่หลายวันมานี้หนูดีเอาแต่ร่ำร้องหาธยาดา จนเขาหนักใจ เนื่องจากเกรงว่า สักวันแล้วธยาดาจะทิ้งหนูดีไปอีก เขายังไม่ไว้ใจเธอตอนนี้