ณ เมืองลั่วสือถนนเสอ
เหลียงม่านฉีทั้งฉงน แต่นางดีใจจนเผลอร้องไห้อีกครั้ง ด้วยคาดไม่ถึงว่า ขันทีน้อยจะมาช่วยตน อีกฝ่ายคือเล่อซู ซึ่งเมื่อแปลงโฉมเป็นสตรี ต้องยอมรับว่าผู้ใดเห็นก็ไม่อาจละสายตา
“ยาเม็ดพุทราน้ำผึ้งแม่ครัวฉี ไม่ได้ช่วยแก้พิษในบ่อน้ำ?”
เล่อซูเอ่ย และเขายิ้มให้นางราวกับการแสดงออกนั้นแทนคำขอบคุณ และหญิงสาวยิ้มตาม ในที่สุดนางก็รับรู้ว่าตนยังมีความดีอยู่บ้าง ความรู้สึกนี้อาบอิ่มสุขใจ ราววิญญาณที่อยู่ในร่างเหมือนหลุดพ้นจากความโศกเศร้าก่อนหน้านี้
ยาลูกกลอนที่เหลียงม่านฉีส่งให้เล่อซู ไม่ใช่มีไว้สำหรับแก้พิษน้ำดื่มในบ่อน้ำอย่างที่เขากล่าว เนื่องจาก เหลียงม่านฉี อาจทำชั่วมามิน้อย แต่นางย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ สิ่งที่นางบอกขันทีน้อยในเรือนพักหลังเล็ก ก็แค่การข่มขู่เขา และแสดงละครเพื่อมอบ ยาเม็ดพุทราเก้าชีวิต ให้อีกฝ่าย เพราะนางเห็นสีหน้าเขาซีดคล้ายคนเลือดพร่อง ทั้งริมฝีปากคล้ำ พอได้จับชีพจร นางจึงรู้ว่าขันทีน้อย ถูกยาพิษไร้ชื่อไร้นาม อันเป็นพิษลึกลับ ที่ตำรับอาหารซึ่งนางได้อ่านเขียนถึงไว้ ดังนั้นนางจึงมอบยาดังกล่าวแก่เขา โดยใช้กลอุบายหลอกให้อีกฝ่ายกลืนมันลงคอ
“ข้าถูกหมอชั่ว หลอกให้กินยาตอนที่ต้องตัดแห่งหยก เพื่อเข้ารับการเป็นขันที และพิษร้าย ควบคุมข้ามาหลายปี กระทั่งเป็นแม่นางเหลียงที่ให้ชีวิตใหม่ ข้าในวันนั้น!”
เหลียงม่านฉีน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดไม่ถึงว่า เรื่องบังเอิญเช่นนี้ จะเกิดขึ้น สุดท้ายนางก็ไม่ใช่คนชั่ว และสวรรค์เมตาแม่ครัวผู้เป็นเหลาอาหารเถื่อนแล้ว
“ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้า แต่เราจะหนีจากคนชั่วได้อย่างไร” เหลียงม่านฉีถาม นางกลัว ประหวั่นใจ สถานการณ์ที่เห็น นางไม่อาจประเมินความร้ายแรงได้
“เพียงแค่ชั่วเวลาชาพองตัว นางกำนัลจง จะนำรถม้ามาที่นี่ เพื่อรับเจ้า”
“เอ เจ้าหมายถึง สตรีผู้นั้น แล้วพวกเจ้าคือ ขันทีกับนางกำนัล เช่นนี้จะมีภัยถึงตัวหรือไม่”
เหลียงม่านฉี อาจไม่กว้างขวาง แต่นางเข้าใจว่า ข้ารับใช้ย่อมมีนาย หากทำสิ่งอื่นโดยพละการ พวกเขาอาจมีโทษสถานหนัก ถึงขั้นเสียชีวิต
“อย่าได้เป็นกังวล สิ่งที่ทำเพื่อตอบแทนแม่ครัวฉี และนอกเหนือจากนั้น นายของข้ากับนางกำนัลจง เป็นคนสั่งการเรื่องนี้ ด้วยตัวเขาเอง และได้บอกว่า พวกข้าเป็นอิสระแล้ว ขอเพียงช่วยดูแลแม่ครัวฉีให้อยู่รอดปลอดภัย”
ยามนั้น เหลียงม่านฉีที่ออกมาจากกรงหมูเรียบร้อย นางฉงนต่อสิ่งที่เขาเอ่ย และหากไม่ได้วาดฝันสูงส่งเกินไป นายตัวจริงของขันทีน้อย กับนางกำนัลผู้นั้นคงเป็น บุรุษที่เหลียงม่านฉีมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เมื่อเห็นว่าเหลียงม่านฉี มีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เล่อซูจึงเอ่ยว่า
“แม่ครัวฉีเป็นที่พึงพอใจขององค์ชาย ตัวข้าอยู่รับใช้เขามาหลายปี เพิ่งเห็นรอยยิ้ม และได้ยินเสียงหัวเราะดังกังวาน นับว่าเป็นครั้งแรก ในตอนที่เจ้าปรากฏตัวต่อหน้าเขา”
“โอ้ เจ้าอย่าทำให้ข้าคิดไปไกล!”
“วาสนาแม่ครัวฉีสูงส่งถึงเพียงนั้น อย่าได้ถ่อมตน”
เมื่อเล่อซูเตรียมเข้าไปสกัดกลุ่มมือสังหาร เหลียงม่านฉี ก็เอ่ยถามว่า
“ผู้ที่ให้หยกแกะสลักต้นฝูซางแก่ข้า ก็คือองค์ชายห้าแห่งแคว้นหลาง”
“มิผิด นามเขาคือ เฉินอี้คัง...”
เอ่ยจบ เล่อซูจึงปลดกระบี่อ่อนที่ใช้เป็นเข็มขัด และการร่ายรำกระบี่ของเขา ไม่ใช่แค่สวยงาม การเคลื่อนไหว นั้นรวดเร็วพลิ้วไหว ซึ่งซ่อนอันตรายอย่างที่สุด
จากนั้น ลูกธนูหลายสิบดอกก็พุ่งมายังพวกเขาทั้งสองคน เล่อซูกระโดดถีบพื้น พร้อมปัดป้องลูกธนูเหล่านั้น เพื่อไม่ให้สามารถทำร้ายเขากับเหลียงม่านฉี แต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามเล่นสกปรกทุกด้าน
“แน่นางเหลียง... ระวังด้านหลัง”
ทั้งที่เล่อซูเอ่ยอย่างนั้น แต่เหลียงม่านฉีไม่ทันหลบมือสังหารอีกสามคนที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วได้ จึงเป็นเหตุให้คนบนรถม้า ต้องซัดกระสวยเหรียญเงินปกป้องนาง
และรถม้าคันดังกล่าวมุ่งหน้าขึ้นมาบนสะพาน คนที่นั่งข้างคนขับรถคือปานจง นางกำนัลระดับเจ็ด ที่เฉินอี้คัง ส่งตัวไปฝึกกับหน่วยจางกู่ เพื่อเป็นสายลับทำงานให้เขา
“แม่ครัวฉี รักษาตัวด้วย” เล่อซูกล่าวเสียงดัง แล้วมุ่งหน้า รับมือเงาดำหลายสายที่มุ่งหน้าเข้ามา เพื่อล้มเขาให้ได้
เหลียงม่านฉี ไม่เป็นวรยุทธ์นางจึงมองไม่ออกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เล่อซูกำลังเอาชีวิตของตนเข้าเสี่ยง เนื่องจากมือสังหารพวกนั้น นอกจากใช้วิธีหมาหมู่ ยังระดมอาวุธลับชนิดต่างๆ เข้าโจมตีขันทีน้อย
เมื่อรถม้าคันดังกล่าวขึ้นมาถึงกลางสะพาน เหลียงม่านฉีได้รับการช่วยเหลือจากปานจง สตรีนางนั้นสวมเสื้อผ้าเยี่ยงสาวใช้ทั่วไป สีหน้าไม่ได้บึ้งตึง อย่างเช่นวันก่อนเมื่ออยู่ในเรือนรับรองบนภูเขาสูง
“ขึ้นรถมาเถิด เราต้องรีบออกจากเมืองเป่ยจงให้เร็วที่สุด”
เหลียงม่านฉี พยายามรวบรวมกำลังของตน แต่นางเสียเลือดที่ขามาก หัวไหล่ และศีรษะยังได้รับการกระทำอย่างหนัก และต้องยอมรับว่าก่อนหน้านั้นรู้สึกเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างไปแล้วด้วยซ้ำ
“แม่ครัวฉี เจ้าไหวหรือไม่”
คำถามดังกล่าวคล้ายดึงสตินางกลับคืน
เหลียงม่านฉีส่ายศีรษะ นางไม่อาจขยับตัวได้ เพราะเกิดหน้ามืด ทั้งวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก อย่าถามถึงความเจ็บเลย ด้วยนางแทบจะไร้ความรู้สึกเพราะชาหนึบไปหมด และการจะก้าวขึ้นรถม้าด้วยตนเอง เป็นสิ่งลำบาก บ่าวรับใช้ผู้ชายที่มากับรถม้าจึงพยุงนางขึ้นไปด้านบน