05 - เปิดบ้านรับแขก

1596 คำ
คีรีพาแขกทั้ง สามชีวิตมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านหลังใหญ่กลางสวนยางของเขา ดวงยิหวาพอรถขับออกมาพ้นเมืองเธอก็เริ่มเป็นกังวล บ้านเริ่มบางตาลงทุกทีกระทั่งเข้าเขตที่เต็มไปด้วยสวนยางพาราและสวนปาล์ม คีรีพูดคุยกับปิติตลอดทาง แต่ตาก็ลอบมองคนสวยที่นั่งอยู่เบาะหลังเป็นระยะ ๆ “แกว่ามันจะพาเราไปฆ่าหรือเปล่า” ดวงยิหวาเอียงตัวไปเอ่ยถามชวนชมที่เอาแต่นั่งเคลิ้มไปกับธรรมชาติต้นไม้สองฝั่งทางอย่างไม่เอะใจอะไรสักนิด “คิดมากไปหรือเปล่ายิหวา คุณคีรีเขาก็บอกกับเจ๊ปีอยู่ว่าบ้านเขาล้อมไปด้วยป่ายางพารา ไม่ต้องตกใจ แกนี่มันอคติจริง ๆ” คนถูกถามพอได้ฟังเรื่องที่คีรีพูดกับปิติก็พลอยเชื่อไปอย่างสนิทใจว่าเขาไม่มีพิษภัยอะไร ผิดกับดวงยิหวาที่ยังคงฝังใจเชื่อว่าเขาต้องเป็นคนไม่ดีแน่ เกือบครึ่งชั่วโมงที่ทั้งสามคนต้องนั่งรถจากโรงแรมมาที่บ้านของคีรี ในที่สุดก็ถึงที่หมาย บ้านไม้สักหลังใหญ่ยกพื้นสูงตั้งเด่นตระหง่านอยู่กลางสวนยางกว่าพันไร่ แต่แม้ว่าบ้านของคีรีหลังนี้จะอยู่ห่างไกลจากชุมชน แต่ก็มีบ้านหหลังเล็กหลังน้อยของคนงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และด้วยความที่คีรีเป็นเจ้าของสวนยางจำนวนไม่น้อย ทั้งยังมีฟาร์มไก่ทั้งไก่ชน ไก่เลี้ยงกินเนื้อ ทำให้ที่บ้านไม่เงียบเหงาแต่เต็มไปด้วยผู้คน ที้เป็นคนงานอยู่ที่นี่ “โห...บ้านสวยจังเลยนะคะ” ปิติเอ่ยชมเมื่อลงมาเนอาณาจักรของเขา หากเป็นคนแถวนี้จะรู้ดีว่าการมีบ้านไม้สักทองหลังใหญ่โตบนพื้นที่ขนาดเท่านี้ ถ้าไม่รวยจริงไม่มีทางทำได้แน่ “สมบัติที่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่น่ะครับ เชิญข้างในบ้านเถอะ จะได้กินน้ำกินท่ากันด้วย นั่งรถมาตั้งนาน” เจ้าบ้านเอ่ยชวน ตาก็มองท่าทางของดวงยิหวา หญิงสาวไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอไรเท่าไหร่นักกับความยิ่งใหญ่ของบ้านหลังนี้ คีรีเดินนำแขกของเขาเข้าไปในส่วนที่จัดไว้รับรอง โต๊ะไม้มะค่าชุดใหญ่สำหรับรับแขกพิเศษถูกปัดกวาดเช็ดถูและจัดวางอย่างดี ตั้งประดับด้วยแจกันดินเผาที่เต็มไปด้วยกล้วยไม้ป่าสีม่วงช่องาม “หยี!! หยี!!” เมื่อพาแขกมานั่งที่โต๊ะรับแขกเรียบร้อยดีแล้วตีรีก็หันไปร้องเรียกสาวคนงานในบ้านจนดังลั่น ยิ่งสร้างความไม่ถูกให้กับดวงยิหวาเข้าไปใหญ่ “ขา....นายหัว” เสียงของคนถูกเรียกร้องขานรับมาตั้งแต่ตัวยังไม่ถึง ก่อนจะปรากฏร่างสาวผิวค้ำตาคม ผมยาวสยายสวมเสื้อกล้ามสีแจ่มกับผ้าถุงพื้นเมืองเดินตรงเข้าไปหาคีรี “ไปเอาน้ำมารับแขกหน่อยไป สั่งป้าสายใจไว้สงสัยจะลืม” คีรีออกคสั่ง คนถูกสั่งหันไปกวาดสายตามองดูแขกที่ว่า ก่อนจะไปสะดุดกับคนสวยที่นั่งชูคอเชิดหน้าอยู่มุมหนั่งของโต๊ะ ตาคมมองจิกดวงยิหวาอย่างไม่ถูกชะตา เธอจำได้ว่าเคยเห็นรูปของดวงยิหวาในโทรศัพท์ของเจ้านายเมื่อปีก่อน “ใครกันคะนายหัว” เธอหันไปเอ่ยถามอีกครั้ง “แขกของฉันเอง ไปเอาน้ำมา!!” แม้จะยังแคลงใจแต่ยาหยีก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ยาหยีเป็นลูกสาวคนงานที่ทำงานในไร่ของคีรี เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่รุ่นปู่ของคีรีแล้ว ทั้งยังหลงรักและหวังจะได้ขึ้นมาเป็นคุณนายของไร่ แต่ฝันก็เป็นได้พียงแค่ฝัน เมื่อคีรีนั้นเอาแต่พร่ำเพ้อถึงผู้หญิงที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต จนเมื่อปีก่อนฝันของยาหยีเริ่มกลับมามีหวังได้อีกครั้งเมื่อคีรีเอาแต่เมาหัวราน้ำและพร่ำเพ้อว่าถูกคนสวยคนนั้นหักอก เป็นอย่างนั้นอยู่หลายเดือนกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันคนสวยคนนั้นทำไมถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ แล้วแบบนี้เธอจะหวังอะไรได้อีกหรือ “วันนี้ผมให้คนไปหาไก่เบตงมาให้ เพราะไก่ในฟาร์มเพิ่งจะขายออกไป ที่มีอยู่ก็ยังไม่ได้ที่ กลัวจะไม่อร่อย” คีรีนั่งลงที่หัวโต๊ะพลางหันไปพูดกับดวงยิหวา เขาจำที่ปิติพูดได้ว่าเธอนั้นอยากจะกินไก่สับเบตง แต่คนสวยกลับเอาแต่นิ่งไม่ตอบอะไร จนปิติตองหยิกเข้าที่ต้นขาเพื่อกระตุ้น “โอ๊ะ!!” คนถูกหยิกร้องขึ้น ก่อนจะหันมองหน้าคนข้าง ๆ ปิติถลึงตาใส่ดวงยิหวาเพื่อให้เธอได้รู้ว่าต้องทำอะไร “เป็นอะไรหรือเปล่า” พอดวงยิหวาร้องขึ้น รีก็แสดงสีหน้ากังวลก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เปล่า...ค่ะ ต้องขอบพระคุณคุณ....” “คีรีครับ” เขาตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงแสนดีใจ ในที่สุดดวงยิหวาก็ยอมใจอ่อนพูดกับเขาแล้ว แม้ว่าเธอจะจำชื่อเขาไม่ได้ก็ตาม “ค่ะ ขอบพรุณคุณคีรีมากนะคะ สำหรับมื้อเย็นสุดพิเศษในวันนี้” ดวงยิหวาพูดประชนประชัน “ไม่หรอกครับ นี่ก็ต้อนรับกันแบบบ้าน ๆ ตอนแรกว่าจะเดินดูรอบ ๆ บ้าน แต่กว่าจะถึงก็ค่ำซะแล้ว สงสัยคงจะได้แค่ทานมื้อเย็น” เดิมทีคีรีอยากจะพาดวงยิหวาไปเดินดูฟาร์มไก่ของเขาเพื่ออวดความสำเร็จสักหน่อย แต่มาถึงก็เล่นเอาฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว และตอนนี้อาหารก็ยังไม่มาเสิร์ฟเลยสักจาน น้ำถูกยกออกมาตั้งพร้อมกับสายตาจากผู้ให้การต้อนรับที่เต็มไปด้วยแรงริษยา ดวงยิหวาไม่ทันได้สังเกตว่าคนเสิร์ฟน้ำจ้องมองเธอปานจะกินเลือดกินเนื้อเพราะสาวเจ้าเอาแต่เชิดหน้าขึ้นฟ้าไม่มองอะไรทั้งสิ้น มีก็แต่ชวชมที่มองดูอยู่ตลอด และรู้สึกไม่พอใจนักแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ส่วนปิติก็พยายามหาเรื่องพูดคุยกับคีรีอยู่ตลอดจนเขาไม่มีโอกาสได้พดอะไรกับดวงยิหวาเลย “แล้ววันนี้คุณคีรีได้ไปดูยายยิหวารับมงกุฎหรือเปล่าคะ” ปิติเอ่ยถามขึ้นขณะที่แม่ครัวกำลังยกจานอาหารมาวางลงที่โต๊ะ “ไปไม่ทันครับ มัวแต่รับรางวัลไก่อยู่เหมือนกัน พอดีผมก็เอาไก่ไปตีด้วย ไม่คิดว่าจะได้เจอยิหวาเขาน่ะครับ” ดวงยิหวาเผลอมองค้อนใส่คนพูด เธอรู้สึกไม่พอใจที่เขาชอบพูดคล้ายกับว่ารู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับเธอมาก่อน ทั้งที่ก็เพิ่งจะเคยเจอกันที่นี่ครั้งแรก “อ๋อ...เหรอคะ ตอนแรกยายยิหวาก็จะไม่มาประกวดเวทีนี้หรอกค่ะ ตั้งใจจะเก็บตัวไปขึ้นเวทีใหญ่ทีเดียว แต่เพื่อนสนิทของปลีที่เป็นกรรมการเขาชวนมา ปลีเลยต้องพามา” ปิติเองก็เริ่มรู้สึกตงิดใจที่คีรีพูดเหมือนกับว่ารู้จักดวงยิหวามาก่อนเช่นกัน “คงจะเป็นเพราะพรหมลิขิตอยากให้เราสองคนได้มาเจอกันสักทีมั้งครับ” คีรีกล่าวยิ้ม ๆ แต่นั่นยิ่งทำให้แม่นางงามอารมณ์ขึ้น ร่างระหงลุกขึ้นยืนอย่างทันทีจนทกคนบนโต๊ะรวมไปถึงยาหยีที่นั่งรอฟังคำสั่งของคีรีต่างพากันตกใจ “เอ่อ..มีอะไรหรือเปล่าครับยิหวา” คีรีเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่นเลย เมื่อดวงยิหวาพรวดพราดลุกขึ้น ปิติเองก็ทำอะไรไม่ได้ จะคว้าให้นั่งลงก็ดูจะช้าไปเสียแล้ว “คือ...อยากไปห้องน้ำค่ะ ห้องน้ำไปทางไหน” แม้จะอยากพังโต๊ะอาหารนี้ให้ราบคาบด้วยความอึดอัดกับท่าทางของพ่อเศรษฐีใหญ่ที่เอาแต่พูดจาแทะโลมกับหยอดมุกเสี่ยวง่อย ๆ ยั่วโมโหของเธอใจจะขาด แต่เพราะความเกรงใจปิติทำให้เธอต้องเลือกที่จะเดินออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเองแทน “อ๋อ....เดินตรงไปทางนั้นแล้วก็...” “เอ่อ...ดะ..เดี๋ยวฉันพาไปก็ได้จ่ะ” ยาหยีรีบเสนอตัวเข้าช่วย เธออยากจะไปคุยกับแม่นางงามคนสวยคนนี้ใจจะขาด อยากจะถามให้รู้เรื่องเลยเหมือนกันว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เพราะชวนชมเห้นท่าทางผิดปกติของยาหยีมาก่อนแล้วจึงได้ยืนขึ้นอีกคน “อะไรอีก” ปิติเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด อะไรของเด็กพวกนี้กันนะ กลับถึโรงแรมเห็นทีจะต้องอบรมมารยาทกันใหม่ ทั้งนางงามทั้งพี่เลี้ยง “หนูก็อยากไปห้องน้ำค่ะ” “เออจะไปก็ไป ไปกันให้หมดนั่นแหละ” ปิติพูดขึ้น “นั่งรถมานานคงจะอยากเข้าห้อน้ำกันน่ะครับ ยาหยีพาคุณเขาไปทีนะ” “ค่ะ” ยาหยีได้แต่จ้องมองอย่างอารมณ์เสีย ‘ถ้าอีกะเทยนี่ไม่ตามไปด้วย แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่!!’ ยาหยีคิดในใจ ตาก็จ้องมองดวงยิหวาอย่างอาฆาตแค้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม