04 - นางงามหน้างอ

1529 คำ
หลังจากพูดคุยกับคีรีจนรู้เรื่องแล้วว่าเขาจะส่งคนมารับที่โรงแรม ดวงยิหวาเองแม้จะจบงานแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้กลับเลยในทันที เพราะทีมวานต้องเห็บข้าวของซึ่งแม่นางงามมืออาชีพคนนี้ก็มีความสามารถดึงอารมณ์หงุดหงิดโยนทิ้งแล้วกลับมาปั้นหน้ายิ้มแย้มต่อได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนไม่อยากจะเชื่อว่าเธอนั้นเป็นคนเดียวกับที่ทำหน้าหงิกหน้างอใส่คีรี “ทำหน้ายิ้มแย้มก็สวยดี ทำไมถึงได้ชอบทำหน้าทำตาแบบนี้อยู่เรื่อย ไม่เข้าใจจริง ๆ” ปิติกล่าวขึ้นขณะที่รถตู้กำลังจะแล่นพาทุกคนไปส่งที่โรงแรม ทำถามนี้เขาสงสัยและต้องการคำตอบมากจริงๆ ตัวเขานั้นหากเกิดมาสวยแบบดวงยิหวาล่ะก็ จะยิ้มทั้งวันทั้งคืนแม้แต่ตอนหลับก็ด้วย “ไหนเจ๊บอกว่าจะกลับเลย ทำไมถึงได้ไปรับปากไอ้...” “ยิหวา!!” ปิติร้องขู่ทันที จริงอยู่ว่าภาพของดวงยิหวานั้นอ่อนหวานในสายตาผู้คน ทั้งหมดเป็นเพียงการประดิษฐ์ขึ้นเท่านั้น แต่ปิติก็มักจะย้ำเสมอว่าเธอควรจะทำตัวแบบนี้ทั้งบนเวทีและหลังเวทีเพื่อให้ติดจนเคยตัว แต่ก็มีหลายครั้งที่ดวงยิหวาหลุดแสดงท่าทางหงุดหงิด ทำหน้าเง้าหน้างอเวลาที่ไม่พอใจอะไรสักอย่าง “ทำไมถึงได้ไปรับปากกับนายนั่นว่าจะไปกินข้าวกับเขา” เธอกล่าวข้อข้องใจอีกครั้ง และไอ้เรื่องนี้เอง ที่ทำให้หน้าสวยๆ ของเธอบึ้งตึงอยู่แบบนั้น “ไม่ใช่แค่จะไปกินข้าวแต่เราจะให้เขาพาเที่ยวเมืองเบตงด้วย” ปิติพูดขยายความ เพื่อให้แม่นางงามเข้าใจมากขึ้น กิจกรรมหลังจากนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ไปกินข้าวที่บ้านของคีรีเท่านั้น แต่ยังต้องเชื่อมความสัมพันธ์อันดีกับเขา โดยการไปเที่ยวด้วยกัน “เจ๊!!” ดวงยิหวาร้องลั่น เธอได้ยินชัดตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วที่ปิติบอกให้คีรีพาเที่ยว แต่ไม่คิดว่าปิติจะพูดจริงจัง เพราะรู้อยู่ว่าเบตงเป็นบ้านเกิดของปิติ ถึงแม้ว่าเขาจะไปโตอยู่ที่ลำพูนก็ตาม “ทำไม แกจะรีบกลับไปไหนนักหนา กลับไปก็ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่ดี อยู่เที่ยวที่นี่ก่อนสักพักมันคงไม่ขาดใจตายหรอกมั้ง” “จริง ๆ ยิหวาจะไม่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเจ๊เคยบอก ว่าเวทีที่เชียงใหม่จะเป็นเวทีสุดท้ายก่อนขึ้นเวทีมิสแดนสยาม แต่อยู่ ๆ เจ๊ก็มาลากยิหวาที่นี่ บอกยิหวาว่าแค่มาประกวดเสร็จแล้วกลับ แล้วนี่อะไร ยิหวาจะเชื่อใจอะไรเจ๊ได้บ้าง” คนสวยโวยลั่น เธอไม่พอใจมาก ๆ กับเรื่องนี้ คนฟังหันมามองคนพูดด้วยสายตาโกรธจัด แม้ว่าทุกคำที่ดวงยิหวากล่าวจะเป้นเรื่องจริง แต่คำพูดของเธอมันก็ถือว่าเกินกว่าเหตุไปมาก “ให้มันน้อย ๆ หน่อยนังยิหวา มีโอกาสมาเดินเฉิดฉายได้ทุกวันนี้เพราะใคร ฉันเคยหอบแกไปประกวดเวทีงานวัดเงินรางวัล 500 ก็ยังไปมาแล้ว ได้มงกุฎหลายเวทีเข้าหน่อยทำลืมกำพืดตัวเองหรือไง ฉันให้ทำอะไรแกก็ทำไปเถอะ ฉันไม่พาแกไปตายแน่ ๆ จำใส่กะลาหัวเอาไว้เลย”คำพูดปนอารมณ์โกรธของปิติทำให้ดวงยิหวาสงบลงได้อย่างทันที นับตั้งแต่ออกจากบ้านของลุงมาอยู่กับปิติ ชีวิตของดวงยิหวาก็ปลอดภัยจากการถูกลุงเขยจ้องข่มขืนได้ มีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอน ได้รับการศึกษา ตลอดมาจนถึงได้แต่งตัวสวยๆ แม้จะต้องแลกกับการระหกระเหไปเดินสายประกวดนางงามตั้งแต่เวทีงานวัดเล็ก ๆ จนถึงเวทีระดับภาค และอีกไม่นานเธอก็กำลังจะได้ขึ้นเวทีระดับประเทศ แม้ปิติจะได้เงินส่วนแบ่งจากค่าตัวของเธอมากมาย แต่ก็เทียบไม่ได้กับบุณคุณที่ปิติเคยให้มา “ยิหวาขอโทษค่ะเจ๊” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาด้วยความรู้สึกผิด คำพูดของปิติเมื่อสักครู่ พอจะเรียกสติของหญิงสาวกลับมาได้บ้าง “อะไรที่ฉันเลือกให้แก มันดีทั้งนั้นแหละจำไว้ คุณคีรีมีหน้ามีตา มีบารมีมากคนที่นี่รู้กันทั้งนั้น ขนาดฉันไม่ได้มาอยู่แค่แวะเวียนมาเยี่ยมแม่ฉันยังรู้เลย ถ้าแกทำตัวดีดีไม่แน่ก็อาจจะได้เขามาเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนแกขึ้นประกวดมิสแดนสยามด้วยฉันสั่งฉันสอนก็จำบ้าง ว่าสวยอย่างเดียวมันเป็นนางงามไม่ได้ แกต้องมีนี่ด้วย” ปิติใช้นิ้วจิ้มไปที่ศีรษะของเขา “สมอง!” ชวนชมที่นั่งฟังอยู่ด้วยได้แต่เงียบ เพราะต่างก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย ฝั่งดวงยิหวานั้นไม่แปลกหากจะไม่พอใจที่ต้องไปเจอกับคีรี เพราะเธอเพิ่งจะถูกเขาลวนลามไปเมื่อไม่นานนี้ มันทั้งอันตรายและน่าอึดอัด ส่วนฝั่งของปิตินั้นก็คงอยากจะได้คนมาสนับสนุนการประกวด และคำพูดของดวงยิหวาเมื่อครู่ก็ไม่น่าฟังจริง ๆ และเข้าใจว่าปิติไม่พอใจเรื่องที่เธอไม่ยิ้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย เมื่อกลับถึงโรงแรมดวงยิหวาก็จัดการอาบน้ำแล้วนอนพัก แต่เพียงไม่นานก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวและเตรียมที่จะไปร่วมทานมื้อเย็นที่บ้านของคีรี “ไหวไหมแก ไม่ได้พักเลย” ชวนชมแอบเข้ามาถาม จังหวะที่ปิติกำลังไปแต่งตัว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เขารู้ดีว่าดวงยิหวาเหนื่อยมาก และเธอก็ยังแทบจะไม่ได้พักเลยตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน “ไม่ไหวก็ต้องไหวไหมล่ะ แกก็รู้ว่าฉันจัดใจเจ๊ปลีไม่ได้” ดวงยิหวาพูดทั้งที่มือยังอยู่กับการรวบผม เย็นนี้ดวงยิหวาตั้งใจแต่งตัวไปแบบสบาย ๆ ไม่อยากจะพิธีรีตองอะไรมาก เธอยังคงคิดว่าอย่างคีรีคงจะต้อนรับเธอแบบบ้าน ๆ ตามประสาเศรษฐีบ้านนอกแน่ “แต่งตัวอะไรของแกยิหวา” เสียงของมิติดังขึ้น เมื่อเขาเห็นที่สวมอยู่คนตัวของแม่นางงาม คนถูกถามตีหน้าซื่อตาใส เพราะเธอคิดว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดที่ตรงไหนสักหน่อย “ทำไมล่ะเจ๊...แบบนี้มันไม่ดียังไงเหรอ” ชวนชมเอ่ยถามขึ้น เพราะเขากมองดูว่ามันไม่ได้น่าเกลียดอะไร แถมยังเป็นชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อยดีเสียด้วยซ้ำ “ก็มันเพิ่งจะได้ตำแหน่งมา แต่งตัวเหมือนจะนอนโง่ ๆ อยู่บ้านแบบนี้มันได้ที่ไหนกัน แล้วนี่...” ปิติว่าก่อนจะก้าวเข้ามาจับหน้ามนของดวงยิหวาพลิกไปมาเพื่อสำรวจดู “หน้าซีดอย่างกับจะตาย ชวนชมแกเติมหน้ามันเดียวนี้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาชุดให้” “เจ๊...ก็แค่ไปกินข้าวกับนายคีรีอะไรนั่นเอง ทำไมจะต้องเยอะด้วย เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่เหรอ หรือเขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นด้วย” ใบหน้าสวยเริ่มบิดเบี้ยวแสดงถึงความไม่พอใจ “ไม่ใช่ แต่ก็เหมือนใช่ ญาติโกโหติกาเขาน่ะ คนมีตำแหน่งทั้งนั้น ฉันให้ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเถอะ อย่าลีลาด้วย เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา” ปิติชี้นิ้วสั่งก่อนจะหายเข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาให้ดวงยิหวา แม้จะไม่เต็มใจแต่สุดท้ายแม่นางงามก็ยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ลังแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็ลงมาจากห้องพักเพื่อมารอคนขับรถของคีรีที่ล็อบบี้ “ว้าย!! ตายแล้ว คุณคีรี” เสียงปิติโวยขึ้นเมื่อเขามองเห็นคีรีมานั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว คราวนี้เขาแต่งตัวดูมีราศีขึ้นมากกว่าตอนที่เจอกันในงาน ดวงตาคมดุดันมองดูคนสวยที่เขาตั้งใจมารอเจออย่างชื่นชม ขนาดแต่งหน้าน้อยกว่าตอนประกวด แต่ความสวยของดวงยิหวาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด คนถูกมองค้อนหมับ คนถูกมองค้อนหมับ ๆ อย่างไม่พอใจ “มารอนานหรือยังคะ แล้วนี่ทำไมถึงมาเอง ไหนว่าจะให้คนขับรถมารับไม่ใช่เหรอคะ” ปิติเดินดิ่งเข้าไปหาเขาพลางเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “ตอนแรกว่าจะให้คนขับรถมา แต่กลัวมันจะขับรถไม่ดีก็เลยเปลี่ยนใจมาเอง” เขาตอบทั้งที่ตายังคงชื่นชมดวงยิหวาอย่างนั้น ความจริงแล้วที่คีรีตัดสินใจมาเองเพราะอดใจรอเจอนางฟ้าของเขาไม่ไหว พูดคุยกันได้ไม่นานทั้งหมดก็นั่งรถตรงไปที่บ้านของคีรีเพื่อทานมื้อค่ำร่วมกันทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม