“เป็นอะไรทำหน้าเบื่อโลกตลอดเลยนะน้องสาวพี่” อินทัชทักน้องสาวหลังอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ในห้องทำงานของเจ้าตัวเอง
“ก็มันน่าเบื่อจริง ๆ นี่คะพี่ทัช สองปีแล้วนะคะที่แม่บังคับให้นันท์มาทำงานที่นี่ บอกว่าให้เข้ามาช่วยงานพี่ทัชพออยู่ตัวแล้วก็ไปใช้ชีวิตของตัวเองได้ นี่แม่หลอกใช้นันท์หรือเปล่าคะ” ธารินันท์เริ่มรู้สึกว่ามารดากำลังล่อลวงเธอ ให้ติดกับอยู่กับธุรกิจของครอบครัวหรือเปล่า
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายสิยัยนันท์ ตอนนี้บริษัทเรามั่นคงแล้ว ส่วนเรื่องโครงการใหม่ทางใต้ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” อินทัชลอบมองหน้าน้องสาวระหว่างพูด
“โครงการใหม่ทางใต้” ธารินันท์ขมวดคิ้วเหมือนว่าเรื่องนี้ มันจะมีส่วนเกี่ยวกับเธอนิดหน่อย
“ทางคุณยุเขาเซ็นสัญญาร่วมมือกับเรา ในโครงการโรงแรมหรูทางใต้แล้วนะ มีเปิดสวนน้ำขนาดใหญ่ภายในโรงแรมด้วย” เป็นโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ อินทัชกับบิดาเลยระมัดระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ
“พี่ทัชอยากบอกอะไรนันท์กันแน่คะ”
“โครงการนี้มันใหญ่ความเสี่ยงก็สูง ต้องมีหลักประกันความร่วมมือระหว่างกันบ้าง นั่นแหละ เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของนันท์” อินทัชพูดแบบคนไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแต่งงานของน้องสาว แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะธารินันท์ดันตอบตกลงไปอย่างเต็มอกเต็มใจแบบนั้น
“นันท์รู้ค่ะว่าแต่งงานก็เพื่อธุรกิจ” ธารินันท์ยิ้มแห้ง ๆ ให้พี่ชาย ถ้าตอนนั้นเธอไม่รู้สึกถูกใจเขา ถ้าเธอปฏิเสธชีวิตก็ยังไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนในตอนนี้
“นันท์ไม่น่าตกลงแต่งงานเลย”
“พี่ทัช”
“พี่ไม่เห็นแววตาของคนมีความสุขจากนันท์เลย” เพราะเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต ทำไมอินทัชจะมองไม่ออกว่าน้องสาวของตน มีความสุขจริงหรือปลอม
“นันท์มีความสุขดีค่ะพี่ทัช อย่าคิดไปเองสิคะ คุณยุดีกับนันท์จะตายไป” ถ้าทำได้คงแอบไขว้นิ้วด้านหลังไปแล้ว
“ให้มันจริงเถอะ” สีหน้าของอินทัชนั้นแสดงออกว่าไม่เชื่อแน่นอน
‘จริงสิคะ ดีมากดีแบบสม่ำเสมอ จนแทบจะเป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจไปแล้วทุกวันนี้’ เสียงหนึ่งในใจของธารินันท์ อยากจะบอกพี่ชายออกไปตรง ๆ แต่ก็กลัวอะไรหลายเรื่องจะส่งผลกระทบกันไปหมด
“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะ”
“พี่ทัช” หญิงสาวกลอกตามองพี่ชายแบบสุดแสนจะเอือมระอา เอะอะก็จะยุให้บ้านแตกอยู่เรื่อย
“เซ็นสัญญาไปแล้ว ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ต้องทนหรอก” อินทัชยังยืนยันคำพูดเดิมต่อ
“ไอ้พี่ทัช” อีกคนเลยตวาดใส่เสียงดัง
“อ้าวพี่พูดจริง ความจริงแล้ว...” อินทัชทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เก็บเงียบไว้ตามเดิม เมื่อน้องสาวตัดสินใจแต่งงานไปแล้ว เขาคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ความจริงอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ไม่บอกก็ได้ ไม่เห็นจะอยากรู้” คนงอนพี่ชายหันหลังกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนเองต่อ นั่นทำให้อินทัชอมยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนหันหลังเดินออกจากห้องทำงานของน้องสาวไป
ธารินันท์นั่งทำงานต่อจนได้เวลาเลิกงาน หญิงสาวขับรถกลับบ้านตามปกติ เธอถึงบ้านก่อนเขาแทบทุกวัน สภาพบ้านที่เงียบสงัด ทำให้เธอรู้สึกเดียวดายขึ้นมา
‘ผมกลับค่ำมากบางวัน คุณนันท์ไม่ต้องรอผมกินข้าวนะครับ กินมาจากข้างนอกเลยก็ได้ คุณทำงานผมทำงานคุณไม่จำเป็นต้องมาทำกับข้าวให้ผมหรอก เหนื่อยเปล่า ๆ’
ณธายุได้พูดกับเธอในวันที่ห้าของการแต่งงาน นั่นทำให้ธารินันท์เก็บเมนูอาหาร ที่เตรียมทำให้เขาเข้ากรุในทันที
กลายเป็นว่าต่างคนต่างกินข้าวมาจากนอกบ้านจริง ๆ หญิงสาวขึ้นบ้านอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากด้วยสีหน้าหนักใจ แค่หนึ่งเดือนเธอยังรู้สึกย่ำแย่ขนาดนี้ ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นไงก็ไม่รู้ เธอยังจำคืนเข้าหอวันแรกได้เป็นอย่างดี
ในคืนวันนั้นเธอทั้งตื่นเต้นและลุ้นระทึกเป็นอย่างมาก แน่ล่ะครั้งแรกของเธอนี่นา แต่เจ้าบ่าวของเธอนั่นสิ กลับทำหน้าเฉย ๆ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลย และหลังจากผู้ใหญ่ออกจากห้องหอไปหมดแล้วทุกคน เจ้าบ่าวก็หันมามองหน้าเจ้าสาวเล็กน้อย พร้อมกับพูดว่า
‘ผมเหนื่อยคืนนี้ขออาบน้ำเข้านอนเลยนะคุณนันท์’
‘ค่ะ’ เธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถอดสูทแต่งงาน ออกพาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เจ้าสาวคนสวยนั่งทำหน้างงอยู่เพียงลำพัง พยายามประมวลความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในตอนนี้ เข้าหอคืนแรกเจ้าบ่าวบอกขออาบน้ำเข้านอน นี่มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า ณ วินาทีนั้นเอง เธอรู้สึกได้ว่าชีวิตคู่ของเธอกับเขา ส่อแววไม่ชื่นมื่นเข้าเสียแล้ว
หญิงสาวคิดว่าคงเป็นแค่คืนแรก ที่เขาไม่ยอมเข้าหอด้วย แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่ เขาเลี่ยงที่จะมีอะไรกับเธอตลอดเวลาจริง ๆ จนกระทั่งผ่านมาหนึ่งเดือนกว่า
เสียงรถของเขาแล่นมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ธารินันท์ตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ ว่าต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่องในคืนนี้
“มีอะไรครับคุณนันท์ คุณมานั่งจ้องหน้าผมทำไมครับ” คนที่กำลังเป่าผมหน้ากระจกเครื่องแป้ง วางไดร์เป่าผมแล้วหันมาถามภรรยาด้วยสีหน้าเฉยชา
“คุณไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับฉัน ใช่ไหมคะคุณยุ” คำถามของเธอดูยากเกินไปหรืออย่างไร เขาถึงได้ทำหน้าเฉยหนักขึ้นกว่าเดิม
“ทำไมคุณถึงถามผมแบบนี้ ถ้าไม่เต็มใจผมคงไม่ตอบตกลงแต่งงาน” เขาตอบโดยที่ไม่ได้สบสายตากับภรรยา เพราะว่ามันมีความไม่จริงซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาด้วย
“เราแต่งงานกันมาหนึ่งเดือนแล้วนะคะคุณยุ คุณกับฉันเรายังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากันเลยสักครั้ง คุณไม่ชอบฉันเหรอคะ” ธารินันท์ข่มความอายถามเขาตรง ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเขาถอนหายใจดัง ๆ ออกมา
“ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณต้องมีปัญหาเรื่องนี้” เขาพูดเหมือนเข้าใจว่าสักวันหนึ่งภรรยาต้องถามเรื่องนี้จนได้