ธารินันท์ลอบมองเขาไประหว่างกินข้าวต้ม เขาหล่อดูดีคมเข้มไปหมดทั้งหน้า รูปร่างก็เหมือนนักกีฬาสูงใหญ่ แม้จะสวมเสื้อโปโลแบบสบาย ๆ แต่สามารถมองเห็นมัดกล้ามเนื้อแข็งแรง ที่ดันเนื้อผ้าออกมาอย่างชัดเจน วันหยุดเขามักจะปล่อยผมสบาย ๆ เธอมองเขาจนเพลินตา และเผลออมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณนันท์” สงสัยจะมองนานเกินไป สามีของเธอถึงได้ถามออกมาตรง ๆ
“เปล่าค่ะ แล้ววันนี้คุณไม่ออกไปไหนเหรอคะ ปกติฉันไม่ค่อยเห็นคุณอยู่บ้านวันหยุดเลย” รีบถามไปเรื่องอื่นแทน
“วันนี้เพื่อน ๆ ของผมเขาติดธุระกันหมด เลยไม่ได้นัดกันออกไปตีกอล์ฟน่ะครับ”
‘อ้อ ไปตีกอล์ฟ’ คิดแล้วก็น่าขำ ภรรยาอย่างเธอเพิ่งรู้ว่าสามีไปตีกอล์ฟในวันหยุด ณธายุเป็นพี่เธอห้าปี แต่ทำไมเธอถึงไม่เคยเรียกเขาว่าพี่ยุสักครั้ง เจอหน้ากันก็เรียกคุณยุทำเป็นคนอื่นไปเสียอย่างนั้น กลายเป็นความห่างเหินกันโดยปริยาย เขาเองก็ไม่ทักท้วงอะไร เลยเรียกจนติดปากมาตั้งแต่ครั้งแรก ที่ไปลองชุดแต่งงานกันแล้ว
“ฉันอิ่มแล้วล่ะค่ะคุณยุ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ทำข้าวต้มให้กิน” คนอิ่มรีบยกชามข้าวต้มเข้าไปล้างในห้องครัว
ระหว่างล้างชามข้าวต้มอยู่ ธารินันท์ก็นึกถึงคำพูดของไปรยาที่คลับเมื่อคืนไปด้วย เธอควรเกริ่นเรื่องหย่ากับเขาได้แล้ว ขืนปล่อยไปนานกว่านี้ มีแต่จะทำลายความรู้สึกระหว่างกันให้แย่ลงไปอีก พอล้างจานเสร็จก็ตรงเข้าไปนั่งกับเขาที่ห้องนั่งเล่น นั่งเงียบอยู่นานกว่าจะกล้าเปิดปากพูด
“คุณยุคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ” หญิงสาวเกริ่นแบบจริงจัง คนเป็นสามีเลยหันไปปิดทีวีก่อนหันมาหา
“จะคุยเรื่องอะไรครับคุณนันท์”
“ฉันมาคิดดูแล้ว ฉันว่าคุณพูดถูกค่ะ”
“ผมพูดถูก เรื่องอะไรเหรอครับ” ณธายุมองหน้าคนพูดตรง ๆ เขาเห็นสีหน้าของภรรยาดูอึดอัด และลำบากใจมากที่จะเอ่ยมันออกมา
“ว่าไงครับคุณนันท์ ผมพูดอะไรถูกเหรอครับ”
“ก็เรื่องที่ว่าเราจะไปกันไม่รอดยังไงคะ ฉันว่าคุณพูดถูกจริง ๆ ฉันก็เลยคิดว่าเอ่อ คือว่า” คำพูดติดอยู่ที่ลำคอ กลายเป็นถอนหายใจดัง ๆ ออกมาแทน ณธายุเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามต่อ
“เราควรหย่ากันค่ะ” น้ำเสียงอ่อย ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ของธารินันท์ บอกได้ดีว่าคนพูดเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ในสิ่งที่เอ่ยออกมาสักเท่าไรนัก
ณธายุนิ่งไปเล็กน้อย กรามหนาบดเข้าหากันแน่น ไม่รู้เพราะด้วยเหตุผลใด เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอนหลังพิงพนักโซฟา ยกแขนกอดอกนั่งเงียบไป
“คุณยุคุณช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ ฉันเพิ่งบอกว่าเราควรหย่ากันนะคะ” คนที่ทนไม่ไหวกลายเป็นธารินันท์เสียเอง
“ผมเคยบอกว่าเราอาจจะไปกันไม่รอด แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ครับคุณนันท์” นานพอสมควรกว่าเขาจะเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา คนเป็นภรรยาหัวคิ้วชนกันจนยุ่ง
“คุณไม่อยากหย่าเหรอคะ” ลองถามเขาแบบคนแอบเข้าข้างตัวเองเล็กน้อย
“ตอนนี้ยัง” เขาตอบสั้น ๆ แต่ดูงง ๆ สำหรับคนฟัง
“ตอนนี้ยัง งั้นแปลว่าอีกหน่อยก็อยากเองใช่ไหมคะ” ธารินันท์ต่อเติมให้เขาเอง ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงอย่างช้า ๆ เหมือนคนกำลังทำความเข้าใจกับความคิดของสามีอยู่
“ผมว่าเราอย่าเพิ่งหย่ากันตอนนี้เลยครับคุณนันท์”
“แล้วเราจะหย่ากันตอนไหนคะ”
“นี่คุณ” เขาชักสีหน้าใส่ภรรยาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ธารินันท์ได้เห็นสามีตัวเอง มีอารมณ์เหมือนคนอื่นเขาบ้าง
“ว่าไงคะ”
“ผมว่าเอาไว้ให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อน เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันนะ”
“แต่ว่า”
“ผมจะไปตีกอล์ฟ” เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วคว้ากุญแจรถ เดินออกจากบ้านไปในทันที
ธารินันท์มองตามหลังเขาไปอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาแรง ๆ เขาไม่อยากหย่าตอนนี้ นั่นแปลว่าเขาคิดที่จะหย่าช่วงเวลาอื่นอยู่แล้ว ทำไมเธอจะไม่เข้าใจว่าการหย่าทั้งที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน จะมีผลต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เธอก็แค่อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไร หากเธอเป็นฝ่ายขอหย่า และตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่า เขาเลือกที่จะลุกเดินหนีไปดื้อ ๆ แบบนี้เลย
ธารินันท์นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ในบ้านเพียงลำพัง พยายามนึกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เธอได้ทำอะไรน่าขายหน้าไปบ้างหรือเปล่า ทำไมความจำถึงได้เลอะเลือนได้ถึงเพียงนี้ มันหยุดอยู่แค่อ่างอาบน้ำจริง ๆ แต่ช่างมันเถอะ เธอขี้เกียจคิดแล้ว ในเมื่อเขาบอกว่าไม่มีอะไร ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ
สักพักใหญ่ ๆ แม่บ้านที่นัดไว้ ได้เข้ามาทำงานที่บ้านตามปกติ เธอเคยถามเขาหนหนึ่งว่าทำไมถึงไม่มีแม่บ้านประจำที่บ้านเลย เขาให้คำตอบว่าอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของเขาเท่าไรนัก ตอนนั้นเธอถึงกับก้มลงมองตัวเองทันที
‘หรือเธอจะเป็นส่วนเกินในชีวิตของเขาจริง ๆ’
หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาเปิดทีวีดูซีรีส์ไปเรื่อยเปื่อย ในหัวก็คิดไปต่าง ๆ นานา กระทั่งนางนฤมลวนเข้ามาทำความสะอาดภายในห้องนั่งเล่น
“ป้าน้อยคะ มาทำงานแม่บ้านให้คุณยุนานหรือยังคะ” อะไรดลใจให้หญิงสาวถามแม่บ้านสูงวัยของสามีก็ไม่รู้
“นานแล้วค่ะคุณนันท์ ตั้งแต่คุณยุย้ายออกมาจากบ้านหลังใหญ่ค่ะ” นางนฤมลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้หญิงสาวสูงวัยจะรูปร่างเล็กกะทัดรัด แต่เวลาทำงานก็แข็งแรงใช่เล่น เวลามองนางนฤมลทำงานอย่างคล่องแคล่วทีไร ธารินันท์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนขี้เกียจขึ้นมาในทันที
“เอ๋ กี่ปีแล้วเหรอคะ”
“ก็ราว ๆ สี่ห้าปีนี่แหละค่ะ ป้าก็จำไม่ค่อยแม่น”
“แล้วป้าน้อยเคยเห็นคุณยุพาแฟนมาที่บ้านไหมคะ” กลั้นความอายถามออกไปเบา ๆ เพราะความอยากรู้นั้นมีมากกว่า
“ก็มีบ้างค่ะ มีอยู่คนหนึ่งที่แกพามา อุ๊ย” นางนฤมลถึงกับปิดปากตัวเองอย่างลืมตัว แล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้คนถาม
“คุณนันท์ก็อย่าหลอกถามป้าสิคะ ขืนคุณยุรู้เข้าป้าโดนดุแน่ ๆ ค่ะ” สีหน้าของคนพูดดูหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
“นันท์ไม่บอกใครหรอกค่ะป้าน้อย แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าแฟนเก่าของสามีตัวเองเป็นคนยังไง”
“แล้วทำไมไม่ถามคุณยุเลยล่ะคะ”
“ไม่อยากให้คุณยุเขาคิดมากค่ะ ว่าแต่ทำไมเขาถึงเลิกกันล่ะคะ” เมื่อเห็นว่านางนฤมลทำท่าจะเดินไปทำงานต่อ หญิงสาวรีบถามดักในทันที อย่างน้อยเธอควรรู้เรื่องราวในอดีตของสามีตัวเองนิดหน่อยก็ยังดี จะได้รู้เขารู้เราเอาไว้บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากรู้จักแฟนเก่าของเธอก็ตามทีเถอะ
“เอ่อ คือว่า”
“เล่ามาเถอะป้าน้อย นันท์สัญญาเลยค่ะไม่บอกใครแน่นอน” หญิงสาวชูสามนิ้วขึ้นข้างหู ดวงตาฉายแววมุ่งมั่นในคำตอบที่ต้องการ ทำให้นางนฤมลต้องยอมใจอ่อนในที่สุด
“แฟนคุณยุเธอไปมีคนอื่นค่ะ”
“คนอย่างคุณยุนี่นะคะถูกแฟนนอกใจ” พูดแล้วก็หรี่ตาเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไร เขาดูเพียบพร้อมทุกอย่าง ดูเป็นคนดีเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว
“ไม่ใช่ค่ะ ๆ ไม่ได้ถูกนอกใจ ถูกบอกเลิกเฉย ๆ ค่ะคุณนันท์” คนเล่าก็รีบแก้ต่าง
“อ้อ แล้วยังไงคะ มันก็ปกติของหนุ่มสาวทั่วไป รักได้ก็เลิกได้นี่คะป้าน้อย”