Chapter 3 บอดี้การ์ดคนใหม่

1472 คำ
เช้าวันต่อมา... ท่านพยัคฆ์เมฆานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในเวลาเช้าตรู่ในห้องรับแขกใจกลางบ้าน เขาตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติหยิบกาแฟร้อนขึ้นดื่มก่อนจะเหลือบสายตามองน้องเมียที่ตอนนี้กำลังเอาแจกันมาวางไว้ด้านใน "คุณตื่นเช้านะดวงดารา" "เรื่องของฉันค่ะ" "ผมคุยกับคุณดีๆนะทำไมต้องเหวี่ยงใส่ขนาดนั้น" เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงไม่ยอมให้อภัยสักที หญิงสาวเชิดหน้าใส่หันไปยังประตูเจอหลานสาวใบหน้างัวเงียเดินเข้ามาก็ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปหา "ตื่นเร็วจังเลยลูก หิวเหรอคะ" "ค่ะคุณน้าหนูหิวข้าวค่ะ ง่วงก็ง่วง" หญิงสาวกุมมือน้าสาวของตัวเองไว้ก่อนจะพากันเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟา ท่านพยัคฆ์มองลูกสาวก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความเรียกให้กันต์ธีเข้ามาข้างใน และเมื่อชายหนุ่มเห็นข้อความก็ลงจากรถเดินเข้ามาข้างในคนเดียวไม่มีลูกน้องตามมาด้วย "พวกนายรอที่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา" "ครับนาย" กันต์ธีเดินตรงเข้าไปในตัวบ้านและบังเอิญเป็นจังหวะที่พริ้งพราวลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหาน้ำเย็นดื่ม "หนูไปเอาน้ำแป๊บหนึ่งค่ะ" เธอเดินออกไปยังประตูก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเดินชนกับใครคนหนึ่งแทบจะหงายหลัง ดีนะที่เขารับเธอไว้ทันไม่อย่างนั้นหัวฟาดพื้นไปแล้ว "อร๊ายยยยย" "เห้ย!" กันต์ธีดึงหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทั้งสองคนมองสบตากันเนิ่นนานเพราะยังตกในภวังค์ของกันและกัน โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นิ่งค้างมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาสวยมากเพียงแค่สบตาก็รู้สึกถูกใจอย่างประหลาด "จะมองอีกนานป่ะ ปล่อย! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ" พิราสินีสะบัดตัวออกจากชายหนุ่มทันทีที่ได้สติ เธอไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหนมาแตะตัวทั้งนั้น ผู้หญิงอย่างเธอถ้าจะต้องมีใครมาใกล้สักคนคงจะเป็นคนที่เธอรักเท่านั้น และตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายที่รักเธอเลยสักคน คงเพราะนิสัยเอาแต่ใจและถือตัวพอควรจึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน "ขอโทษครับคุณหนู" "นายเป็นใครฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ลูกน้องพ่อเหรอ" หญิงสาวใช้สายตามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปร่างดีใบหน้าผิวพรรณไม่น่าเป็นลูกน้องพ่อเลยแต่ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาใกล้หรือแตะต้องตัวทั้งนั้น "บอดี้การ์ดคนใหม่ของลูกไง พี่เค้าชื่อกันต์ธี" "ห๊ะ! บอดี้การ์ดคนใหม่งั้นเหรอคะ หนูบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ดพวกนี้ไร้ความสามารถไม่ได้เรื่องเห็นแล้วรำคาญค่ะ" "ผมไม่เหมือนบอดี้การ์ดคนก่อนๆของคุณหรอก" กันนภัทรมองหญิงสาวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พอจะรู้แล้วว่าทำไมท่านพยัคฆ์ถึงบอกว่าลูกสาวดื้อมากเอาแต่ใจตัวเองขั้นสุด เพียงแค่เขาเห็นครั้งเดียวก็รู้เลยว่าเธอร้ายขนาดไหน แต่เขาเชื่อว่าตัวเองกำราบได้สบายมาก เธอก็แค่เคยตัวเพราะถูกตามใจแต่เนื้อแท้ไม่น่าจะร้ายขนาดนั้น "เหรอ... ก็บอดี้การ์ดเหมือนกันมันจะต่างกันได้ยังไง" "เดี๋ยวก็รู้ครับว่าบอดี้การ์ดคนใหม่ต่างจากคนเก่ายังไง แล้วคุณหนูพริ้งพราวอย่าเรียกร้องหาคนเก่าล่ะ" เขาพูดจบก็เดินเข้าไปหาคุณพ่อของเธอทันที พริ้งพราวเดินไปผลักหลังชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้กล้าดียังไงมาใช้น้ำเสียงท้าทายเธอแบบนี้ "พริ้งพราวทำอะไร!" "หมั่นไส้คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาพูดแบบนี้ คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาดูจาแบบนี้กับฉัน" "พริ้งพราวอย่ามาทำนิสัยต่ำๆแบบนี้" ท่านพยัคฆ์ชี้หน้าด่าลูกสาวด้วยใบหน้าโกรธจัด ถึงจะเป็นบอดี้การ์ดแต่กันนภัทรเป็นลูกชายของเพื่อนและเขาไม่โอเคมากๆที่ลูกสาวทำกริยาแบบนี้ใส่คนอื่น "ทำไมคะทำไมหนูจะทำไม่ได้" "ไม่เป็นไรครับคุณท่านเดี๋ยวผมจัดการเอง" กันต์ธีมองสบตาท่านพยัคฆ์เพื่อให้เขาหยุดดุลูกสาว เรื่องนี้เขาจะเป็นคนจัดการเองเพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องออกหน้าเยอะไม่อย่างนั้นจะทะเลาะกันเปล่าๆ "ฝากด้วยนะจะทำอะไรทำได้เลย" "ครับท่าน" "ไปกินข้าวเถอะดวงดาราผมพาไป" พูดจบเขาก็ดึงมือหญิงสาวให้ตามออกไป ดวงดาราตาโตเล็กน้อยพยายามจะดึงมือของตัวเองออกแต่เขาจับแน่นเกินไปจึงไม่สามารถต่อต้านได้ พิราสินีจ้องหน้ากันนภัทรอย่างเอาเรื่อง เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านพยัคฆ์ใครหน้าไหนจะมาออกคำสั่งกับเธอได้ไม่มีหรอก แม้กระทั่งพ่อยังทำอะไรเธอไม่ได้เลย "วันนี้คุณหนูจะไปไหนมั้ยครับ" "จะไปช็อปปิ้งข้างนอกแต่นายไม่ต้องไปนะฉันไม่อยากเห็นหน้าเข้าใจป่ะ" "ถ้างั้นคงจะไม่ได้ไปครับ ถ้าผมไม่ได้ไปด้วยคุณหนูก็ห้ามออกบ้านเด็ดขาด ใครอยู่ข้างนอกมั้ยเข้ามาหน่อย" พิราสินีมองชายหนุ่มอย่างไม่ชอบขี้หน้าและยิ่งเขาทำตัววางอำนาจในบ้านก็ทำให้เธอรู้สึกเกลียดหนักเข้าไปใหญ่ "ค่ะ... มีอะไรคะคุณกันต์" "เอากุญแจรถของคุณหนูทุกคันมาให้ผม และถ้าจะไปไหนต้องได้รับอนุญาตจากผมเท่านั้น" "นี่นาย! นายมีสิทธิ์อะไรมาเอากุญแจรถของฉันไป แล้วมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันไม่ให้ทำนั่นทำนี่ พ่อฉันยังไม่ออกคำสั่งเลยนะ" พิราสินีกำมือแน่นอย่างโกรธจัดเดินไปทุบตีชายหนุ่มอย่างระบายอารมณ์จึงถูกเขาปัดมือออกไม่แรงมากนัก "ถ้าอยากจะไปผมจะพาไป แต่เงินค่าช็อปปิ้งวันนี้ต้องไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าทำได้จะพาไปแต่ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ที่บ้านครับ" แม่บ้านที่เดินออกไปเอากุญแจรถของคุณหนูก็เดิินถือเข้ามาพร้อมกันสามพวง พิราสินีตาโตรีบเดินเข้าไปแย่งแต่ไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้กุญแจอยู่ในมือของบอดี้การ์ดหนุ่มเรียบร้อยแล้ว "เอาคืนมานะ!" "สองหมื่นบาทพอช็อปปิ้งมั้ยครับ" "มันจะไปพออะไรเงินแค่สองหมื่นบาท รองเท้าข้างหนึ่งยังไม่ได้เลย" หญิงสาวกอดอกจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง กันต์ธียักไหล่เล็กน้อยเก็บกุญแจรถของเธอเอาไว้ก่อนจะยิ้มออกมา "งั้นวันนี้ดูหนังอยู่ในห้องนอนแล้วกันนะยังไม่ต้องออกไปไหน" "ไม่! ฉันจะไป" "หารถไปเองแล้วกัน อ่อ เงินสองหมื่นอยู่ที่ผมนะส่วนบัตรของคุณโดนตัดไปเรียบร้อยแล้ว" "อะ...อะไรนะ!" พิราสินีอ้าปากค้างอย่างตกใจเดินออกจากห้องรับแขกเดินตรงไปหาคุณพ่อในห้องอาหาร และเมื่อเจอผู้ให้กำเนิดเธอก็โวยวายทันที "คุณพ่อมันหมายความว่ายังไงที่บัตรของหนูโดนตัด" "ก็ตามที่กันต์บอกนั่นแหละแกใช้เงินเยอะเกินไปพ่อก็เลยจำกัดเงินรายวันแกไง" "พ่อ! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ" "อยากใช้เงินเยอะก็ต้องทำงานครับคุณหนู ถ้าไม่ทำก็มีให้ใช้แค่นี้แหละ ถ้าอยากช็อปปิ้งก็โทรมานะครับเบอร์นี้นะผมขอตัวก่อน ผมไปธุระก่อนนะครับท่านพยัคฆ์" "ขอบคุณมากนะกันต์ ไปเถอะ" กันนภัทรยิ้มมุมปากมองหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์ส่งเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไปให้หยิบกุญแจของเธอมาหมุนเล่นอย่างยั่วยวนก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที พิราสินีกำมือแน่นอย่างโกรธจัดร้องกรีดออกมาอย่างระบายอารมณ์จนคนเป็นพ่อถึงกับเอามือปิดหูไว้ "กรี๊ดดดด ไอ้บอดี้การ์ดบ้า พ่อดูหมอนั่นสิ" "พ่อช่วยไม่ได้หรอกนะแกดื้อเองนี่ ต่อจากนี้ไปพ่อให้สิทธิ์ในการดูแลแกกับกันต์ธีแล้ว ถ้าอยากไปไหนอยากใช้เงินไปขอที่บอดี้การ์ดแกโน่น" "พ่อ! หนูไม่ชอบหน้าหมอนั่นเลยนะ กรี๊ดดดดด หนูไม่ยอมจริงด้วย" พิราสินีปาหนังสือบนโต๊ะใส่ประตูด้วยความหงุดหงิด เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจเธอขนาดนี้มาก่อนเขาเป็นคนแรกที่กวนประสาทเธอมากขนาดนี้ และพ่อบังเกิดเกล้ายังให้ท้ายเขาอีก "อย่ากรี๊ดพ่อหนวกหู" "กรี๊ดดดดดดด!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม