เช้าวันต่อมา...
ท่านพยัคฆ์เมฆานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในเวลาเช้าตรู่ในห้องรับแขกใจกลางบ้าน เขาตื่นเช้าเป็นเรื่องปกติหยิบกาแฟร้อนขึ้นดื่มก่อนจะเหลือบสายตามองน้องเมียที่ตอนนี้กำลังเอาแจกันมาวางไว้ด้านใน
"คุณตื่นเช้านะดวงดารา"
"เรื่องของฉันค่ะ"
"ผมคุยกับคุณดีๆนะทำไมต้องเหวี่ยงใส่ขนาดนั้น"
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงไม่ยอมให้อภัยสักที หญิงสาวเชิดหน้าใส่หันไปยังประตูเจอหลานสาวใบหน้างัวเงียเดินเข้ามาก็ยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปหา
"ตื่นเร็วจังเลยลูก หิวเหรอคะ"
"ค่ะคุณน้าหนูหิวข้าวค่ะ ง่วงก็ง่วง"
หญิงสาวกุมมือน้าสาวของตัวเองไว้ก่อนจะพากันเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟา ท่านพยัคฆ์มองลูกสาวก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความเรียกให้กันต์ธีเข้ามาข้างใน และเมื่อชายหนุ่มเห็นข้อความก็ลงจากรถเดินเข้ามาข้างในคนเดียวไม่มีลูกน้องตามมาด้วย
"พวกนายรอที่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา"
"ครับนาย"
กันต์ธีเดินตรงเข้าไปในตัวบ้านและบังเอิญเป็นจังหวะที่พริ้งพราวลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหาน้ำเย็นดื่ม
"หนูไปเอาน้ำแป๊บหนึ่งค่ะ"
เธอเดินออกไปยังประตูก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเดินชนกับใครคนหนึ่งแทบจะหงายหลัง ดีนะที่เขารับเธอไว้ทันไม่อย่างนั้นหัวฟาดพื้นไปแล้ว
"อร๊ายยยยย"
"เห้ย!"
กันต์ธีดึงหญิงสาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทั้งสองคนมองสบตากันเนิ่นนานเพราะยังตกในภวังค์ของกันและกัน โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นิ่งค้างมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาสวยมากเพียงแค่สบตาก็รู้สึกถูกใจอย่างประหลาด
"จะมองอีกนานป่ะ ปล่อย! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ"
พิราสินีสะบัดตัวออกจากชายหนุ่มทันทีที่ได้สติ เธอไม่ชอบให้ผู้ชายหน้าไหนมาแตะตัวทั้งนั้น ผู้หญิงอย่างเธอถ้าจะต้องมีใครมาใกล้สักคนคงจะเป็นคนที่เธอรักเท่านั้น และตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายที่รักเธอเลยสักคน คงเพราะนิสัยเอาแต่ใจและถือตัวพอควรจึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลยสักคน
"ขอโทษครับคุณหนู"
"นายเป็นใครฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ลูกน้องพ่อเหรอ"
หญิงสาวใช้สายตามองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปร่างดีใบหน้าผิวพรรณไม่น่าเป็นลูกน้องพ่อเลยแต่ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาใกล้หรือแตะต้องตัวทั้งนั้น
"บอดี้การ์ดคนใหม่ของลูกไง พี่เค้าชื่อกันต์ธี"
"ห๊ะ! บอดี้การ์ดคนใหม่งั้นเหรอคะ หนูบอกแล้วไงว่าไม่เอาบอดี้การ์ดพวกนี้ไร้ความสามารถไม่ได้เรื่องเห็นแล้วรำคาญค่ะ"
"ผมไม่เหมือนบอดี้การ์ดคนก่อนๆของคุณหรอก"
กันนภัทรมองหญิงสาวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พอจะรู้แล้วว่าทำไมท่านพยัคฆ์ถึงบอกว่าลูกสาวดื้อมากเอาแต่ใจตัวเองขั้นสุด เพียงแค่เขาเห็นครั้งเดียวก็รู้เลยว่าเธอร้ายขนาดไหน แต่เขาเชื่อว่าตัวเองกำราบได้สบายมาก เธอก็แค่เคยตัวเพราะถูกตามใจแต่เนื้อแท้ไม่น่าจะร้ายขนาดนั้น
"เหรอ... ก็บอดี้การ์ดเหมือนกันมันจะต่างกันได้ยังไง"
"เดี๋ยวก็รู้ครับว่าบอดี้การ์ดคนใหม่ต่างจากคนเก่ายังไง แล้วคุณหนูพริ้งพราวอย่าเรียกร้องหาคนเก่าล่ะ"
เขาพูดจบก็เดินเข้าไปหาคุณพ่อของเธอทันที พริ้งพราวเดินไปผลักหลังชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้กล้าดียังไงมาใช้น้ำเสียงท้าทายเธอแบบนี้
"พริ้งพราวทำอะไร!"
"หมั่นไส้คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาพูดแบบนี้ คนอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาดูจาแบบนี้กับฉัน"
"พริ้งพราวอย่ามาทำนิสัยต่ำๆแบบนี้"
ท่านพยัคฆ์ชี้หน้าด่าลูกสาวด้วยใบหน้าโกรธจัด ถึงจะเป็นบอดี้การ์ดแต่กันนภัทรเป็นลูกชายของเพื่อนและเขาไม่โอเคมากๆที่ลูกสาวทำกริยาแบบนี้ใส่คนอื่น
"ทำไมคะทำไมหนูจะทำไม่ได้"
"ไม่เป็นไรครับคุณท่านเดี๋ยวผมจัดการเอง"
กันต์ธีมองสบตาท่านพยัคฆ์เพื่อให้เขาหยุดดุลูกสาว เรื่องนี้เขาจะเป็นคนจัดการเองเพราะฉะนั้นท่านไม่ต้องออกหน้าเยอะไม่อย่างนั้นจะทะเลาะกันเปล่าๆ
"ฝากด้วยนะจะทำอะไรทำได้เลย"
"ครับท่าน"
"ไปกินข้าวเถอะดวงดาราผมพาไป"
พูดจบเขาก็ดึงมือหญิงสาวให้ตามออกไป ดวงดาราตาโตเล็กน้อยพยายามจะดึงมือของตัวเองออกแต่เขาจับแน่นเกินไปจึงไม่สามารถต่อต้านได้
พิราสินีจ้องหน้ากันนภัทรอย่างเอาเรื่อง เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านพยัคฆ์ใครหน้าไหนจะมาออกคำสั่งกับเธอได้ไม่มีหรอก แม้กระทั่งพ่อยังทำอะไรเธอไม่ได้เลย
"วันนี้คุณหนูจะไปไหนมั้ยครับ"
"จะไปช็อปปิ้งข้างนอกแต่นายไม่ต้องไปนะฉันไม่อยากเห็นหน้าเข้าใจป่ะ"
"ถ้างั้นคงจะไม่ได้ไปครับ ถ้าผมไม่ได้ไปด้วยคุณหนูก็ห้ามออกบ้านเด็ดขาด ใครอยู่ข้างนอกมั้ยเข้ามาหน่อย"
พิราสินีมองชายหนุ่มอย่างไม่ชอบขี้หน้าและยิ่งเขาทำตัววางอำนาจในบ้านก็ทำให้เธอรู้สึกเกลียดหนักเข้าไปใหญ่
"ค่ะ... มีอะไรคะคุณกันต์"
"เอากุญแจรถของคุณหนูทุกคันมาให้ผม และถ้าจะไปไหนต้องได้รับอนุญาตจากผมเท่านั้น"
"นี่นาย! นายมีสิทธิ์อะไรมาเอากุญแจรถของฉันไป แล้วมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉันไม่ให้ทำนั่นทำนี่ พ่อฉันยังไม่ออกคำสั่งเลยนะ"
พิราสินีกำมือแน่นอย่างโกรธจัดเดินไปทุบตีชายหนุ่มอย่างระบายอารมณ์จึงถูกเขาปัดมือออกไม่แรงมากนัก
"ถ้าอยากจะไปผมจะพาไป แต่เงินค่าช็อปปิ้งวันนี้ต้องไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าทำได้จะพาไปแต่ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ที่บ้านครับ"
แม่บ้านที่เดินออกไปเอากุญแจรถของคุณหนูก็เดิินถือเข้ามาพร้อมกันสามพวง พิราสินีตาโตรีบเดินเข้าไปแย่งแต่ไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้กุญแจอยู่ในมือของบอดี้การ์ดหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
"เอาคืนมานะ!"
"สองหมื่นบาทพอช็อปปิ้งมั้ยครับ"
"มันจะไปพออะไรเงินแค่สองหมื่นบาท รองเท้าข้างหนึ่งยังไม่ได้เลย"
หญิงสาวกอดอกจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง กันต์ธียักไหล่เล็กน้อยเก็บกุญแจรถของเธอเอาไว้ก่อนจะยิ้มออกมา
"งั้นวันนี้ดูหนังอยู่ในห้องนอนแล้วกันนะยังไม่ต้องออกไปไหน"
"ไม่! ฉันจะไป"
"หารถไปเองแล้วกัน อ่อ เงินสองหมื่นอยู่ที่ผมนะส่วนบัตรของคุณโดนตัดไปเรียบร้อยแล้ว"
"อะ...อะไรนะ!"
พิราสินีอ้าปากค้างอย่างตกใจเดินออกจากห้องรับแขกเดินตรงไปหาคุณพ่อในห้องอาหาร และเมื่อเจอผู้ให้กำเนิดเธอก็โวยวายทันที
"คุณพ่อมันหมายความว่ายังไงที่บัตรของหนูโดนตัด"
"ก็ตามที่กันต์บอกนั่นแหละแกใช้เงินเยอะเกินไปพ่อก็เลยจำกัดเงินรายวันแกไง"
"พ่อ! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
"อยากใช้เงินเยอะก็ต้องทำงานครับคุณหนู ถ้าไม่ทำก็มีให้ใช้แค่นี้แหละ ถ้าอยากช็อปปิ้งก็โทรมานะครับเบอร์นี้นะผมขอตัวก่อน ผมไปธุระก่อนนะครับท่านพยัคฆ์"
"ขอบคุณมากนะกันต์ ไปเถอะ"
กันนภัทรยิ้มมุมปากมองหญิงสาวอย่างเจ้าเล่ห์ส่งเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองไปให้หยิบกุญแจของเธอมาหมุนเล่นอย่างยั่วยวนก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที พิราสินีกำมือแน่นอย่างโกรธจัดร้องกรีดออกมาอย่างระบายอารมณ์จนคนเป็นพ่อถึงกับเอามือปิดหูไว้
"กรี๊ดดดด ไอ้บอดี้การ์ดบ้า พ่อดูหมอนั่นสิ"
"พ่อช่วยไม่ได้หรอกนะแกดื้อเองนี่ ต่อจากนี้ไปพ่อให้สิทธิ์ในการดูแลแกกับกันต์ธีแล้ว ถ้าอยากไปไหนอยากใช้เงินไปขอที่บอดี้การ์ดแกโน่น"
"พ่อ! หนูไม่ชอบหน้าหมอนั่นเลยนะ กรี๊ดดดดด หนูไม่ยอมจริงด้วย"
พิราสินีปาหนังสือบนโต๊ะใส่ประตูด้วยความหงุดหงิด เกิดมาไม่เคยมีใครขัดใจเธอขนาดนี้มาก่อนเขาเป็นคนแรกที่กวนประสาทเธอมากขนาดนี้ และพ่อบังเกิดเกล้ายังให้ท้ายเขาอีก
"อย่ากรี๊ดพ่อหนวกหู"
"กรี๊ดดดดดดด!"