เมื่ออี้หลันเดินไปที่ห้องโถงก็เห็นว่านอกจากสตรีร่างบางก็มีชายร่างสูงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเขาน่าจะมีอายุราวสามสิบต้นๆ ท่าทางสุขุมและดูเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ยิ้มกว้างแล้วพูดว่า "มากินข้าวกันเถอะ..."
ดูจากท่าทางก็พอจะเดาได้ว่าชายหญิงทั้งสองคือพี่ชายและพี่สะใภ้ของนางเอกนั่นเอง
“หลันหลัน ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือ" อี้คุน มองน้องสาวด้วยสายตาสงสัย
"พี่ใหญ่ วันนี้ข้าสบายใจขึ้นมาก ท่านอย่าได้ห่วงเลย"
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว" อี้คุนยิ้มออกมา และเมื่อเห็นว่าน้องสาวกินอาหารได้ยังเอร็ดอร่อย เขาก็พลอยเจริญอาหารตามไปด้วย
อี้หลันพึงพอใจกับชีวิตใหม่นี้มาก นางเอกของเรื่องเป็นคุณหนูบ้านรวยมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องทำงาน เพียงแค่มุ่งมั่นกับการบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุขึ้นเป็นเซียนบนสวรรค์ ครอบครัวของนางก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยจริงๆ อุปสรรคในชีวิตของนางมีเพียงอย่างเดียวก็คือชีวิตความรักที่สุดแสนจะรันทด กว่าจะสมหวังก็เล่นเอาบอบช้ำไปทั้งร่างกายและจิตใจ
แน่นอนว่าอี้หลันวันนี้จะไม่ยอมทุกข์ใจเหมือนกับนางเอกต้นฉบับแน่นอน นางจะต้องถอนหมั้นกับพระเอก และจะเป็นคนที่กำหนดชะตากรรมชีวิตรักของตนเอง
หลังจากที่ทั้งสามคนกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว อี้หลันก็พูดเรื่องถอนหมั้นขึ้นมา ซึ่งทำให้อี้คุนและภรรยาของเขาประหลาดใจยิ่งนัก "พี่ใหญ่ พวกเราไปจวนตระกูลจ้าวแล้วยกเลิกการหมั้นเถิดเจ้าค่ะ"
อี้คุนมองน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “หลันหลัน เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่"
เมื่อโอกาสมาถึงอี้หลันจึงบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนให้กับพี่ชายและพี่สะใภ้ได้ฟัง
“เจ้าเด็กตระกูลจ้าวช่างทะนงตนเองเหลือเกิน! ในเมื่อเขาแสดงออกว่าไม่ชอบเจ้ามากขนาดนั้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขาเช่นกัน!" น้ำเสียงของอี้คุนเต็มไปด้วยความโกรธ
"ท่านพี่พูดถูก…แต่ว่าหลันหลัน เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าอยากจะถอนหมั้นจริงๆ" ลู่เจียวถามเพื่อความแน่ใจ เพราะช่วงที่ผ่านมาน้องสาวของสามีชื่นชมชายหนุ่มจากตระกูลจ้าวผู้นั้นมาก
"แน่ใจเจ้าค่ะ ขอให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ โปรดส่งเสริมด้วย ข้าได้คิดทบทวนดูแล้ว ในเมื่อเขาไม่ได้ชอบข้า พวกเราทั้งคู่ก็ควรจะยกเลิกการหมั้นหมาย โลกภายนอกมีบุรุษดีๆ อีกมากมาย ข้าคิดว่าจะต้องได้เจอคนที่รักข้าและชื่นชอบในตัวข้าอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" อี้หลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ใบหน้าของนางไม่ปรากฏร่องรอยความเศร้าออกมาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของพี่ชายและพี่สะใภ้ คนทั้งคู่คิดว่านางพยายามทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าพวกเขา เห็นนางเป็นเช่นนั้นทั้งสองสามีภรรยาก็ยิ่งรู้สึกสงสารนางมากยิ่งขึ้น
"เมื่อวานนี้เขาทำให้ข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก พวกท่านรีบหาทางถอนหมั้นโดยเร็วเถิด ข้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว.…" อี้หลันอ้อนวอน เพราะต้องการขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับพระเอกของเรื่องให้ชัดเจน ในอนาคตไอ้คนสารเลวนั้นจะได้ไม่ต้องเข้ามาข้องแวะกับนางอีก!
"เรื่องนี้หลันหลันไม่ต้องกังวล พี่ชายจะจัดการทุกอย่างให้เอง ต่อไปเจ้าเด็กคนนั้นจะไม่มีทางได้มาข้องแวะกับเจ้าอีก" อี้คุนรับปากน้องสาว มือหนาลูบศีรษะของนางด้วยความเอ็นดู
……..
ที่จวนตระกูลจ้าว
“ไม่ได้เจอพวกเจ้าเสียนานเลย..." นายท่านจ้าวพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"หลันหลัน ป้าไม่ได้เจอเจ้ามาสักพักแล้ว คิดถึงยิ่งนัก” ฮูหยินจ้าวจับมืออี้หลันด้วยความเอ็นดู
อี้หลันไม่คุ้นเคยกับสัมผัสเช่นนี้ นางจึงยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไปเท่านั้น
อี้คุนเห็นท่าทางอึดอัดของน้องสาว เขาจึงพูดถึงเรื่องที่มาในวันนี้ “วันนี้ที่หลานมา ก็เพื่อหารือเรื่องการหมั้นหมายของจ้าวหมิงกับน้องสาวขอรับ"
"จ้าวหมิงอยู่ในห้องหนังสือเดี๋ยวป้าจะให้คนไปตามมาให้" ฮูหยินจ้าวรู้สึกแปลกใจกับท่าทีห่างเหินของคนตระกูลอี้ แต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และให้คนไปตามลูกชายมา
หลังจากนั้นไม่นาน อี้คุณก็เดินเข้ามาในห้องโถง “พี่ใหญ่อี้ พี่สะใภ้อี้" จ้าวหมิงทักทายคนทั้งสองด้วยท่าทางสุภาพ
เมื่ออี้คุนและภรรยาเห็นเขาคนทั้งสองก็มีสีหน้าเคร่งครึมขึ้น
ส่วนอี้หลันก็ถือโอกาสสำรวจมองใบหน้าของพระเอกในนิยายคนนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นบุรุษรูปร่างหน้าตาดี ไม่แปลกใจเลยที่นางเอกจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ
ฮูหยินจ้าวเห็นว่าบรรยากาศในห้องดูอึมครึมนานจึงรีบบอกลูกชายของตนเอง "เสี่ยวหมิง…ลูกทักทายหลันหลันด้วยสิ”
"น้องอี้หลัน..." น้ำเสียงของจ้าวหมิงเฉยชา ไม่ได้แสดงออกว่าดีใจที่เจอคู่หมั้นของตนเอง
"พี่จ้าวหมิง…" อี้หลันทักทายเขากลับท่าทางเฉยเมยเช่นกัน นางแทบไม่ได้มองหน้าของเขาด้วยซ้ำ
จ้าวหมิงเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อไม่กี่วันก่อนนางยังมองเขาด้วยความเขินอาย เหตุใดวันนี้ถึงได้เฉยเมยนัก หรือว่านางจะมีแผนการอันใดซ่อนอยู่
บรรยากาศในห้องดูอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม นายท่านจ้าวจึงถามถึงเรื่องที่พวกเขามาที่นี่ “เมื่อสักครู่นี้เจ้าบอกว่าจะมาหารือเรื่องน้องสาวของเจ้ากับเสี่ยวหมิงหรือ”
"ใช่ขอรับ” อี้คุนตอบรับ
"ความจริงอายุนามของพวกเขาก็ควรที่จะคุยเรื่องการแต่งงานได้แล้วเช่นกัน” นายท่านจ้าวคิดไปอีกทาง
แต่อี้คุนรีบพูดสกัดกั้นความคิดของเขาเสียก่อน
“วันนี้พวกเราไม่ได้มาคุยเรื่องการแต่งงานขอรับ แต่จะมาคุยเรื่องยกเลิกการหมั้นหมาย…"
เมื่อได้ยินเช่นนี้นายท่านจ้าวและฮูหยินจ้าวก็ตกตะลึง "เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงต้องยกเลิกการหมั้นหมาย!"
"ตอนที่ท่านพ่อหมั้นหมายน้องสาวของข้าให้กับบุตรชายของท่านลุงท่านป้า นางยังเล็กนักไม่รู้เรื่อง ความจริงควรจะถามความคิดเห็นของพวกเขาทั้งสองด้วย"
ฮูหยินจ้าวรีบหันไปถามอี้หลัน “หลันหลันไม่ชอบลูกชายของป้าหรือ” เมื่อก่อนเด็กคนนี้แสดงออกจากชัดเจนว่าพึงพอใจลูกชายของนาง
"ท่านป้า ข้ายังเด็กและโง่เขลา จึงไม่เข้าใจเรื่องความรักระหว่างชายหญิง ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่านับถือพี่จ้าวหมิงเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเจ้าค่ะ" อี้หลันพูดเสียงเบาด้วยท่าทางที่ดูน่าสงสาร
เมื่อเห็นเช่นนั้นฮูหยินจ้าวก็หันไปถามบุตรชายของตนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ "เสี่ยวหมิง เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร”
"ท่านพ่อท่านแม่ ในตอนนี้ข้าไม่ได้มีความรู้สึกแบบชายหญิงให้กับน้องอี้หลันเลยขอรับ" จ้าวหมิงขมวดคิ้วแน่นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเชื่องช้า
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ทั้งนายท่านจ้าวกับฮูหยินจ้าวก็ถอนหายใจ "ในเมื่อเด็กสองคนไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นให้กัน ก็ไม่เป็นการดีที่จะฝืนใจพวกเขา เช่นนั้นพวกเราก็ยกเลิกการหมั้นหมายเถอะ..." แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะพอใจว่าที่ลูกสะใภ้อย่างอี้หลัน แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังคงให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกชายมากกว่า
อี้หลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าการหมั้นหมายของนางและจ้าวหมิงถูกยกเลิก แต่นางไม่คิดเลยว่าท่าทางของตนเอง ตกอยู่ในสายตาของจ้าวหมิงทำให้เขารู้สึกสงสัยในตัวนางยิ่งนัก
แม้ว่าทั้งสองตระกูลจะไม่ได้เกี่ยวดองกันเหมือนเช่นเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ยังทำการค้าร่วมกันอยู่ นายท่านจ้าวจึงชวนอี้คุนสนทนากันต่อ
เมื่อเห็นว่าอีกนานกว่าจะได้กลับจวน อี้หลันรู้สึกเบื่อจึงออกไปเดินเล่นรอที่สวนดอกไม้
“หลันหลัน..." จ้าวหมิงเอ่ยเรียกชื่อนางอย่างเป็นกันเองครั้งแรก
อี้หลันหันไปมองเขาด้วยสายตาระแวง
"เมื่อวานนี้..." ก่อนที่จ้าวหมิงจะพูดต่อ
นางยกมือขึ้นขัดจังหวะอีกฝ่าย "ไม่ต้องอธิบายเรื่องเมื่อวาน" หญิงสาวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก
จ้าวหมิงเห็นว่าสายตาของนางไม่ได้มีความสนใจเขาแล้วจริงๆ “ข้าอยากจะขอบคุณเจ้า ที่เป็นฝ่ายมาขอถอนหมั้นก่อน"
"ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ทางที่ดีท่านควรจะอยู่ให้ห่างจากข้า ต่อไปพวกสหายในสำนักคนอื่นจะได้ไม่มาหัวเราะเยาะข้าอีก”
จ้าวหมิงรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้นางถูกมองเป็นตัวตลก เขาเห็นแล้วว่าเมื่อวันก่อนมีสหายในสำนักบางคนแอบหัวเราะนางลับหลัง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ "ข้า...ข้าขออภัย..."
อี้หลันยืนนิ่งฟังตั้งแต่ต้นจนจบ "ช่างเถอะ…เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษอีกแล้ว ต่อไปพวกเราน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง ต่างคนก็ต่างอยู่กันเถอะ " หลังจากพูดจบนางก็หันหลังและเดินจากไปโดยไม่รอเขาพูดอะไรออกมาอีก
จ้าวหมิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คิ้วเข้มขมวดแน่น ท่าทางที่แสดงออกของนางนั้นไม่มีความชื่นชอบเขาเหลืออยู่อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแม้ว่าจะรู้สึกโล่งใจ แต่ในใจลึกๆ เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังที่นางแสดงออกเช่นนี้ ราวกับว่าเขาได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป ซึ่งจ้าวหมิงไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองในเวลานี้เอาเสียเลย