ความเงียบปกคลุมตั้งแต่ตอนที่คุยเรื่องนั้นกันจบกระทั่งรถเลื่อนเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายส่งเสียงแทรกขึ้นมาได้จังหวะพอดิบพอดี
"ยัยรสโทรมา รักขอตัวคุยโทรศัพท์กับน้องแป๊บนึงนะคะ" มีเพียงการพยักหน้าเบาๆ ของคนที่ดับเครื่องยนต์ ไม่นานเจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งก็เป็นฝ่ายเดินนำเข้าบ้านไปโดยที่ไม่คิดจะเอ่ยอะไรออกมาเลยสักคำ
เปี่ยมรักเผลอถอนลมหายใจออกมาเบาๆ แค่คิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่บึ้งตึงตลอดเวลา ยังมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าชีวิตคู่ของเธอมันจะเดินหน้าต่อไปยังไง
อย่างว่า คนไม่เคยรักเคยคบกันมาก่อนจะมาให้รู้สึกรักและพิศวาสกันเลยมันก็คงไม่ใช่
"อืม ว่า..."
[ ทำไมทำเสียงแบบนั้นอ่ะ ทะเลาะกับผัว? ]
"ยัยรส แก่แดด" ว่าไปพลางรั้งสายกระเป๋าขึ้นมาคล้องบ่า
"มีอะไรว่ามา"
[ ก็ไม่มีอะไรมาก รสแค่จะโทรไปถามว่าทะเลาะกับพี่ภูมิรึเปล่า ตอนจะกลับเห็นเขาทำหน้าตึงๆ อยู่นะ ]
"มันก็เป็นปกติของเขานั่นแหละ ยิ้มน้อยถึงน้อยที่สุด เถอะ อยู่ด้วยกัน เขายังไม่คิดที่จะยิ้มให้ฉันด้วยซ้ำ"
[ เอ้า เป็นงั้นอ่ะ เห็นกลับมาที่บ้านด้วยกันก็คิดว่าน่าจะไปกันได้สวย ]
"เขาก็คงทำตามหน้าที่ไปงั้นแหละมั้ง"
[ แล้ว...ส่งตัวเมื่อคืนเป็นไงบ้างอ่ะ แบบนั้นกันยัง ]
"ไอ้รส นับวันยิ่งแก่แดด"
[ เปล่าน่าพี่รัก แม่ให้ถาม ]
"แม่งั้นเหรอที่ให้ถาม"
[ อือ ก็อย่างที่รู้ๆ นั่นแหละ แม่ก็ไม่สบายใจกลัวผัวพี่รู้ว่าอยากให้พี่แต่งงานเพราะเหตุผลอะไร แม้ความจริงแม่จะไม่ได้คิดที่จะใช้พี่ปลดหนี้ก็ตาม ]
"แม่คงกลัวว่าถ้าเขารู้แล้วฉันจะโดนทิ้งสินะ"
[ พี่รัก แม่ก็แค่ห่วงแหละ ] คนฟังเงยหน้ามองฟ้า โตแล้วก็ควรเข้าใจอะไรง่ายๆ ได้แล้วนั่นแหละ
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ยอมโดนทิ้งแน่นอน" เปี่ยมรักละโทรศัพท์ออกจากหู ดวงตากลมโตเกลือกกลิ้งไปมา พยายามคิดหาทางออกว่าสิ่งไหนที่เธอควรทำ
"เจ้ คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอครับ" ภูพิงค์ทักทายเมื่อพี่สะใภ้ก้าวเข้ามาในบ้าน เปี่ยมรักยิ้มกว้างน้องชายของสามี แอบเห็นว่าเขานั่งทำหน้าเซ็งๆ อยู่ไม่ไกลกัน
"หอบอะไรเยอะแยะครับ"
"หนังสือนิยายน่ะ สนใจเอาไปอ่านสักเล่มไหมคะ"
"เจ้อ่ะ มาคะมาขาอีกแล้ว ไม่รู้รึไงว่าไอ้ภูแพ้คนพูดเพราะ"
"น่ารำคาญ" ภูมิรพีปรายตามองน้องเล็กที่ดี๊ด๊าจนออกนอกหน้า ถึงอย่างนั้นภูพิงค์ก็ยังไหวไหล่ไปมา
"เรียกภูเฉยๆ ก็ได้ครับ คะขาไม่ต้องนะครับ ภูใจสั่น" ภูพิงค์ขยิบตาให้พี่สะใภ้ ลึกๆ ในใจก็แค่แกล้งหยอกผู้ที่เป็นพี่ชาย
"โอเค งั้นเจ้เรียกภูเฉยๆ นะ"
"ครับผม อ้อ ข้าวเย็นเรียบร้อยกันทั้งบ้านแล้วนะครับ ก่อนหน้านี้ภูไลน์ถามเฮียภูมิแล้ว เห็นบอกว่าอยู่บ้านเจ้ มื้อเย็นเรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมครับ"
"เอ่อ..." เปี่ยมรักชะงักไปทันที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาบอกน้องชายของเขาว่าไปที่บ้านของเธอ
หรือเขาเข้าใจว่ามื้อเย็นคงได้ทานกันที่นั่น แต่เธอกลับเลือกที่จะตัดบทเขา ทั้งที่จริงแล้วเขาอาจจะไม่ได้เรื่องเยอะเรื่องมากแบบที่เธอคาดเดา
"กูขึ้นข้างบนก่อน ปวดหัวว่ะ" ภูมิรพีหยัดตัวลุกจนเต็มความสูง ไม่ได้มองคนตัวเล็กที่พึ่งจะหย่อนตัวลงนั่งด้วยซ้ำ
"อ้าวเฮียแล้ว..." ไม่ทันที่ภูพิงค์จะทันได้พูดจนจบประโยค ร่างสูงโปร่งตรงไปยังชั้นบนจนคนที่กำลังจะทักท้วงได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความงุนงง
"อะไรของเขา เฮียหงุดหงิดอะไรมาอ่ะเจ้ เหมือนโมโหหิว กินข้าวไม่อิ่มป่าว" คนถูกถามยิ้มแห้ง อดที่จะมองตามแผ่นหลังกว้างไม่ได้เลย
"พ่อกับแม่อยู่ไหนเหรอภู"
"ข้างบนครับ เขาถอยทีวีจอใหม่แบบที่ใหญ่กว่าเดิมอ่ะ แม่ติดละครยิ่งกว่าสาวๆ ซะอีก อย่างว่าแหละ พระเอกหล่อเหมือนภูเลย" คนฟังยิ้มกว้างเป็นการตอบรับ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ บ้าน เพียงแค่วันเดียวเธอยังไม่ชินจริงๆ
"คุณภพล่ะ คุณภพอยู่ไหม"
"เฮียภพยังไม่กลับครับ รายนั้นบ้างาน มืดค่ำไม่กลับ แบบนี้ประจำเดี๋ยวเจ้ก็ชิน"
"แล้วภูล่ะ วันนี้ไม่ได้ไปไหนเหรอ"
"อ๋อ ดึกๆ นัดดูบอลกับเพื่อนน่ะ ภูติดเพื่อนนิดๆ แฮ่" เปี่ยมรักอมยิ้มให้กับความเป็นกันเองของน้องชายสามี
ภูพิงค์ขี้เล่น คุยเก่ง แตกต่างจากสามีของเธอโดยสิ้นเชิง
ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้องหลังจากที่ก้าวขาเข้ามาในห้องนอนที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นของเครื่องปรับอากาศและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ได้กลิ่นครั้งแรกเมื่อคืนนี้
มองหาอยู่สักแป๊บก็แอบเห็นว่าผู้ที่เป็นสามียืนดูดบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียง
เปี่ยมรักปลดกระเป๋าสะพายออกจากบ่า เท้าเปลือยตรงไปยังระเบียงใช้มือเลื่อนประตูกระจกเบาๆ
"เฮีย..." แม้กลิ่นบุหรี่จะอบอวลฉุนแต่เปี่ยมรักก็ยังเลือกที่จะสู้
"มีอะไร" ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยที่พบว่าภรรยาหมาดๆ กล้าเข้ามาหาเขาในตอนนี้ทั้งที่เห็นอยู่ว่าเขากำลังทำอะไร
"รักมาตามลงไปกินข้าวค่ะ"
"กินข้าว?"
"ค่ะ ที่รักเดินขึ้นห้องช้าเพราะรักทำอาหารเย็นอยู่ค่ะ"
"ไม่ใช่ว่านั่งคุยกับไอ้ภูถูกคอ?"
"ภูพิงค์ไปดูบอลกับเพื่อนค่ะ ส่วนรักเข้าครัวไปทำอาหารเย็นให้สามี" คนตัวโตชะงักกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ยังเคืองที่เธอสบประมาทและตัดสินเขาล่วงหน้าไม่หาย ใครจะไปทันคิดว่าต่อมาเธอจะมาพูดดีทำท่าเอาอกเอาใจ
"มันเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันไม่..."
"รักก็อุตส่าห์ตั้งใจทำ" ขนตางามงอนกระพริบลง ลูกตาดำตวัดมองเลยออกไปอีกทาง
ท่าทีที่บอกว่าผิดหวังทำให้คนตัวโตร้อนรน
"มันน่าแปลกนะที่อยู่ดีๆ เธอก็มาเอาอกเอาใจฉัน"
"ก็ผัวเมียกัน รักแค่ทำหน้าที่ของรักเท่านั้นเอง" คนฟังหรี่ตามอง ไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวจะเอ่ยคำนี้ออกมา
"รักผัดคะน้าใส่หมู ในครัวมีแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ถ้าไม่มีคนลงไปกินด้วย งั้นรักก็จะอาบน้ำแล้วนอนอ่านหนังสือเลย" แวบหนึ่งที่เปี่ยมรักมองหน้าสามี คนตัวเล็กหมุนตัวกลับ เป็นจังหวะที่ได้ยินเสียงในลำคออย่างหงุดหงิดและคำพูดจากปากสามีหมาดๆ ที่ดังตามออกมาติดๆ
"กินก็กิน" คนฟังอมยิ้มเมื่อได้ฟัง ครั้นพอหมุนตัวกลับไปหาเขาอีกครั้ง รอยยิ้มหวานก็หุบลง
"ตกลงจะกินหรือไม่กินกันแน่คะ"
"เห็นว่าเธออุตส่าห์มาตาม ฉันจะกินเพื่อไม่ให้เสียมารยาทก็แล้วกัน"