หมับ~
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ลูกตาดำเกลือกกลิ้งไปมาก่อนจะตวัดขึ้นมองคนตัวโตเจ้าของมือหนาที่คว้าหมับที่เอวคอดกิ่วแล้วรั้งเข้าไปประชิดลำตัวอย่างรวดเร็ว
ขนตางามงอนกระพริบปริบ ปากเอิบอิ่มที่ขยับดูลังเล เหมือนกำลังครุ่นคิดว่าจะตั้งคำถามดีไหมส่งผลให้คนที่เหลือบมองใบหน้างดงามเช่นกันหลุดความพอใจเล็กๆ ออกมา
"กลัว?" คนตัวเล็กส่ายหน้า กลีบปากนุ่มบดเบียดเข้าหากันแน่นจนคนตัวโตนึกเสียดาย
"แต่เท่าที่เห็น เหมือนว่าเธอกำลังกลัวฉันนะ"
"มะ ไม่ได้กลัวค่ะ"
"แล้วทำไมต้องตัวสั่นด้วยล่ะ จมูกแดง หูก็แดง มือก็ไม่นิ่ง"
"รักแค่รู้สึกตกใจ อยู่ดีๆ คุณ อ่า อยู่ดีๆ เฮียภูมิก็วางมือลงมา"
"งั้นเหรอ" คิ้วหนาขมวดขึ้นเล็กน้อย เจ้าสาวหมาดๆ เลือกที่จะก้มหน้าลงทิ้งสายตาไว้ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตที่เธอกำลังอาสาติดให้เขาแทน
ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา
"เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ"
"เรื่องอะไรเหรอคะ แล้วถ้าเราหายออกมานานๆ คนอื่นจะไม่มองหาเรา..."
"เราแต่งงานกันแล้วนะ จะหายไปไหนด้วยกันนานแค่ไหนก็คงได้ หรือคิดว่ามีใครกล้าว่า"
"...ไม่มีค่ะ รักเองก็ลืมไปว่าตอนนี้เราแต่งงานกันแล้ว" เจ้าของคำพูดยิ้มแห้ง ท่าทางนิ่งเฉยที่ไม่สามารถอ่านอะไรเขาได้เลยทำหญิงสาวรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาที่คุยกัน
"ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเราคุยกันได้ใช่ไหม"
"เฮียภูมิอยากคุยเรื่องอะไรเหรอคะ"
"เรื่องของเรา" เป็นจังหวะที่หญิงสาวติดกระดุมให้เขาครบทุกเม็ดพอดี อยากที่จะผละตัวออกห่าง ทว่าคนตัวโตกลับไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
จะดันมือเขาออกแล้วก้าวขาถอยออกมาเองมันก็คงไม่งามเท่าไร อย่างน้อยๆ การแตะนิดแตะหน่อยในตอนที่แต่งงานกันแล้ว มันก็ไม่ได้ผิดอะไร
"รู้ใช่ไหมว่าคุณแม่อยากมีหลาน" ประเด็นที่ถูกตั้งทำใบหน้างดงามร้อนผ่าว สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกที่จะตอบคำถามของเขาด้วยการพยักหน้าเบาๆ
"หมายความว่าต่อจากนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร หมายถึง ต่อให้จะไม่เคยคบกันมาก่อนก็ยังทำหน้าที่...ได้ใช่ไหม" ภูมิรพีจงใจเว้นช่องว่างของประโยคอย่างจงใจ
รู้ว่าการตั้งคำถามแบบนี้มันตรงเกินไป แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็มองว่า มันเป็นเรื่องที่ควรทำ
"รักรู้ค่ะ"
"ดี หวังว่าเธอจะทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องนะ"
"แต่ว่าตอนนี้เราควรลงไปด้านล่างก่อนไหมคะ แขกกำลังทยอยกลับก็จริง แต่บางส่วนยังอยู่"
"หึ..." ภูมิรพีเปล่งเสียงในลำคอ ถึงอย่างนั้นก็ยอมปล่อยเอวคอดกิ่วให้เป็นอิสระตามด้วยการพยักหน้าลง
เปี่ยมรักเผลอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ จะให้พูดยังไงดีล่ะ เธอน่ะ แม้ภายนอกจะดูสดใส ร่าเริง เข้ากับคนง่าย แต่เธอก็ไม่ได้ง่ายเรื่องแบบนั้น แม้อายุจะปาไปยี่สิบหกย่างยี่สิบเจ็ด แต่เธอยังสดและยังซิง ไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนไหนมาก่อน
นั่นแหละ ต่อให้การแต่งงานในครั้งนี้แม้ผู้ใหญ่จะรู้อยู่แก่ใจว่าฝ่ายเจ้าสาวหวังปลดหนี้ ขณะที่ฝ่ายชายอยากมีหลาน อย่างน้อยๆ สะใภ้ของท่านอย่างเธอ และภรรยาของเขาอย่างเธอก็สะอาดและไม่เคยผ่านมือใคร จริงอยู่ว่าบางครั้งเรื่องนี้บางคนอาจจะไม่ได้มองและให้ความสำคัญเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ คุณค่าของเธอที่เก็บรักษาไว้ไม่เคยให้ใคร ก็เขานั่นแหละที่จะเป็นคนได้มัน
"หายไปไหนกันมาล่ะลูก โอ้! เปลี่ยนเสื้อใหม่" เบญญาอมยิ้มพลางหรี่ตามองบุตรชายคนโต เรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองทันที
"อะ เอ่อ พอดีว่าเสื้อเฮียเปียกค่ะแม่เบญ"
"อ้าวเหรอ หายขึ้นไปด้านบนด้วยกันตั้งนานสองนาน ไปเปลี่ยนเสื้ออย่างเดียวเหรอลูก" เสียงอ่อนเสียงหวานของเบญญาส่งผลให้สะใภ้สาวเบิกตากว้าง
เคยคิดมาก่อนว่าผู้ใหญ่คงไม่ชอบอะไรที่ประเจิดประเจ้อ มีความรักหากอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ก็คงต้องวางตัวให้เหมาะสม ทำไมสิ่งที่คิดเอาไว้ถึงผิดคาด ท่านใส่คำถามแบบไม่ยั้ง เลยกลับกลายเป็นเธอที่ไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง
"ไปเปลี่ยนเสื้อยะ..."
หมับ~
เสียงหวานขาดห้วงเมื่อมือหนาของภูมิรพีสอดเข้ามารั้งที่มือบาง เปี่ยมรักเลิกคิ้วอ้าปากค้าง เขากระตุกมือเบาๆ ร่างเล็กของเธอก็เซเข้าไปอยู่เคียงข้างตัวเขาแทน
"ฮะ เฮีย..."
"เรื่องของผัวเมียไม่จำเป็นต้องเอามาอธิบายต่อหน้าคนอื่น" แม้จะกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น ทว่าทำเอาใบหน้าสวยร้อนผ่าว สุดท้ายภูมิรพีก็เลือกที่จะดึงสายตากลับไป
"วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมกับรักอยากขอตัวพักผ่อนก่อนน่ะครับ" แม่ของทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม
"แม่ฝากภูมิดูแลน้องด้วยนะลูก หากยัยรักทำอะไรไม่ถูกไม่งาม ภูมิปรามน้องบอกน้องนะ"
"ครับแม่ดา" ดารินยิ้มกว้าง มือข้างหนึ่งกุมมือของมารดาฝ่ายชาย ซึ่งในตอนนี้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"กลับ"
"กลับเลยเหรอคะ แต่ว่าคนอื่นๆ ยัง..."
"ทุกคนเข้าใจดี" น้ำเสียงที่หนักแน่นถือเป็นอันสิ้นสุด เปี่ยมรักลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนักๆ ตอนแรกคิดว่าเธอสามารถยื้อเวลาที่จะอยู่กับเขาตามลำพังได้ แต่ไหนกลับกลายเป็นว่า เท้าแตะที่พื้นชั้นล่างได้ไม่กี่นาทีเท่านั้น เธอกับเขาก็ต้องกลับไปอยู่ในที่ที่มีแค่กันและกันตามลำพัง
"จะพาเมียขึ้นห้องนอนแล้วเหรอเฮีย"
"เออ" เสียงตอบรับสั้นๆ ส่งผลให้ภูพิงค์ยกยิ้มที่มุมปาก
หมั่นไส้ไอ้คนหน้าหล่อที่เขาเรียกว่าเฮียชะมัด!
ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ แค่ตามใจพ่อกับแม่ แต่เท่าที่เห็น ไม่ค่อยจะเหมือนตามใจคนอื่นเท่าไหร่
"พูดไม่เพราะเลยว่ะ เจ้กล่อมเฮียหลับแล้วลงมาดื่มกับภูต่อนะครับ"
"ไอ้ภู" ภพนิพิฐเตะเข้าที่หน้าขาของผู้เป็นน้อง ทว่ารายน้องกลับทำเฉย ไม่ได้สะทกสะท้านกับการที่พึ่งจะกลั่นแกล้งผู้ที่เป็นพี่ชายออกไปเลย
"อะไรกันล่ะเฮียภพ ก็เฮียภูมิง่วง คนแต่งงานใหม่แต่บังเอิญง่วงไว มีเหตุผลเดียวคือให้เมียขึ้นไปกล่อมนอน"
"กูเป็นพี่มึง!" ภูมิรพีถลึงตากลับ ภาพที่พี่กับน้องพูดจาหยอกล้อกันพลอยทำให้คนกลางอมยิ้มออกมา
"ฝันดีนะครับเจ้ เฮียยิ้มไม่หล่อเท่าภูหรอก เจ้แอบฝันถึงภูแทนเฮียได้นะ" คราวนี้เปี่ยมรักหลุดขำ และมันก็เป็นจังหวะที่สามีป้ายแดงตวัดสายตามองมาที่เธอพอดี
"อะ เอ่อ..."
"ฝันถึงคนอื่นที่ไม่ใช่สามี แบบนั้นเขาเรียกเล่นชู้ในฝัน"
"หาา..." คนฟังอ้าปากค้าง ไม่ทันมีโอกาสได้พูดอะไรต่อจากนั้น คนตัวโตก็เดินนำ โดยที่มือของเขายังประสานอยู่กับมือของเธอ
"ปัดโถ่เอ้ย! เฮียนะเฮีย แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเสียสละนี่หว่า"
"อะไรของมึง" ภพนิพิฐเลิกคิ้วก่อนจะมองตามสายตาของผู้ที่เป็นน้องชายซึ่งเห็นว่ากำลังมองตามร่างของพี่ชายคนโตพร้อมทั้งภรรยาของเขาที่กำลังก้าวขาขึ้นชั้นบน
"เอ้า ก็ที่เฮียบอกว่าจะเป็นผู้ที่เสียสละตามใจพ่อกับแม่เป็นคนแรกไง พ่อกับแม่อยากให้แต่งงาน และยังแต่งกับคนที่ไม่เคยคบกันมาก่อนแบบนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่นะเฮียภพ ไอ้เราก็เข้าใจมาตลอดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ ผมว่าไม่ใช่ เจ้าสาวของเฮียภูมิน่ะ นั่นมันสเปคเฮียชัดๆ!”