“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะไม่จ่ายเราก็ไม่มีทางเลือก อีกอย่างจ่ายแค่นี้ก็ยังดีกว่าจะต้องให้คุณปู่ยกสมบัติให้มูลนิธิไม่ใช่เหรอ เราทำได้ดีที่สุดก็คงจะแค่นี้ล่ะลูก”
สาลินีมีท่าทีเหนื่อยหน่าย ทำเอาทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งเงียบไปตามๆ กัน คุนอัญชลีเห็นแล้วให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย จึงทำลายบรรยากาศอันย่ำแย่ลง
“อย่าไปคิดมากเลย เงินทองเราก็มีเยอะแยะ ถือซะว่าทำบุญให้สัตว์ผู้ยากไร้ก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันดีกว่าแม่สา พ่อวีด้วยตามย่ามา”
ปวีย์รีบลุกขึ้นไปช่วยพยุงคุณอัญชลีอย่างคนรู้หน้าที่ และนี่ก็เป็นคะแนนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขามักจะได้จากคนในครอบครัวนี้เสมอมา จานข้าวของเขา จึงมักจะมีคนนั้นคนนี้ตักอาหารมาใส่ให้เวลาอยู่ในโต๊ะอาหาร และเขาก็มักจะรู้ว่า ไม่ควรจะอยู่บ้านว่าที่คู่หมั้นให้ดึกดื่นนัก เมื่อดื่มชาหลังมื้อเย็นแล้วเขาจึงลากลับ
“ว่าไงล่ะตาวี ได้ข่าวว่าฝ่ายโน้นเรียกซะหนักเลยเหรอ แม่ได้ยินแล้วลมแทบจับ”
เข้าบ้านได้ อรปรียา อัครเสวี คุณแม่วัยกลางคน ร่างอวบจนเกือบจะเป็นอ้วนในแซ็กยาวย้วย ก็ทักทายด้วยเรื่องที่เขายังไม่ได้เอ่ยบอกด้วยซ้ำ ถ้าเดาไม่ผิด แม่ก็คงจะได้ข่าวจากสาลินีนั่นเอง
เขาทรุดตัวลงนั่งชุดรับแขกด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย ทั้งเรื่องงานและเรื่องปัญหาของบ้านว่าที่คู่หมั้น ก่อนจะหันไปตอบแม่ด้วยท่าทีไม่ใคร่จะยินดียินร้ายนัก
“ก็ตามนั้นล่ะครับคุณแม่ ทำไงได้ครับ ในเมื่อเราต้องง้อเขานี่ จะเรียกมากกว่านี้ ก็จะต้องยอมจ่ายอยู่ดี”
“เห็นคุณสาว่าแม่เมียเก่าคุณสงครามไม่เท่าไหร่ แต่แม่ลูกสาวนี่สิแสบไม่เบา เจ้าจี้เจ้าการเรียกเงินฉอดๆ ท่าทีก็คงจะยะโสไม่เบา แก่แดดแก่ลมด้วยละมั้ง ไม่งั้นคงไม่กล้าขนาดนี้หรอก สงสัยจะอดอยากปากแห้งมานาน บ้านก็อยู่ในสลัม มีแต่กลิ่นน้ำคลำเหม็นคละคลุ้งไปหมดเลยนี่ ยี้!!! ไม่รู้มันพากันอยู่มาได้ยังไง”
“เห็นคุณน้าว่าเป็นแหล่งชมชนน่ะครับคุณแม่”
ปวีย์หันไปมองหน้าผู้แม่ที่บริพาทอีกฝ่ายเพียงเพราะได้ยินคำบอกเล่าจากปากคนอื่น เขาเชื่อแน่ว่าคนเล่าคงไม่ได้บอกอะไรมากมายขนาดนี้ แม่ต่างหากที่เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยความมีอคติ
แต่จะว่าไปแล้วเขาเองก็ค่อนข้างจะมองฝ่ายโน้นในทางลบเข้าให้แล้ว นับตั้งแต่ได้ยินเรื่องการขูดรีดเงินสิบล้าน ซึ่งเขาเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรที่จะทำอย่างยิ่ง
เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาเชื่อแน่ว่าคุณสมควรจะไม่นิ่งดูดายแน่ หากรู้ว่าหลานสาวกับคนรอบข้างกำลังเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ หรือแม้กระทั่งเงิน
อีกอย่างผ่านสามปีไป ฝ่ายโน้นก็จะได้สมบัติอยู่แล้วตั้งครึ่งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท ไม่เห็นต้องหน้าเงินรีบเรียกร้องอะไรให้เสียเครดิตไปเปล่าๆ เลย
“เอ่อ! วี คุณสาฝากบอกแม่มา ว่าถึงวันที่จะต้องไปฟังคำตอบจากฝ่ายโน้น จะขอให้วีไปช่วยเป็นสักขีพยานด้วย เพราะกลัวจะเล่นแง่ขอเงินอีกสิบยี่สิบล้านขึ้นมาน่ะ แม่ก็เลยรับปากแทนวีไปแล้วล่ะ วีคงจะไม่ว่าอะไรนะ”
ผู้แม่เพิ่งจะคิดขึ้นได้ เลยรีบบอกทันที ส่วนผู้ลูกก็ไม่รู้จะทำอะไรได้อีกในเมื่อแม่รับคำไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงหันไปส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนตอบ
“ครับ งั้นผมขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ จะได้ลงมานั่งตรวจงานก่อนเข้านอนหน่อย”
บ้านเดี่ยวสองชั้นหลังกระทัดรัด บนเนื้อที่ร้อยกว่าตารางวา ตั้งอยู่เบื้องหน้าทั้งห้าชีวิต ที่ยืนชื่นชมอยู่นอกรั้ว โดยไม่มีใครคิดจะก้าวเข้าไปด้านใน หากพนักงานขายไม่เป็นฝ่ายเชื้อเชิญก่อน
เฟอร์นิเจอร์ครบชุด ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ เพราะเป็นบ้านตัวอย่างของโครงการ ที่หทัยชนกเอ่ยปากถามราคาทันที เมื่อเช็คเงินสดที่ได้มาไม่ติดสปริง
เพราะฝันมานานแล้ว ว่าจะซื้อบ้านสวยๆ ให้แม่และลุงกับป้าได้อยู่แทนบ้านเช่าเท่ารูหนู ในย่านชุมชนแออัด แวดล้อมด้วยมลพิษรอบด้าน
“ห้าล้านถ้วนค่ะ ถ้าจ่ายเป็นเงินสดทางเราจะลดให้พิเศษค่ะ”
พนักงานขายแจ้งราคาคร่าวๆ อิงอรรีบสะกิดแขนลูกเอาไว้แทบไม่ทัน ด้วยกลัวว่าลูกจะตัดสินใจซื้อทันที โดยไม่ได้ไปดูที่อื่นไว้เปรียบเทียบก่อน แต่ทุกคนก็ค่อยหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย เมื่อหทัยชนกขอไปสำรวจทำเลอื่นๆ ต่อ วันทั้งวันของห้าคนจึงหมดไปกับการตระเวนดูบ้าน
แต่จนแล้วจนรอด ทุกคนก็พยักหน้าสนับสนุนให้ตกลงใจซื้อบ้านหลังแรกที่ไปดู เพราะถูกใจกว่าหลังอื่นๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขำ
“แล้วตกลงจะเอายังไงกับทางโน้นล่ะลูก พรุ่งนี้จะถึงกำหนดแล้วนะ”
เมื่อกลับเข้าบ้านแล้ว ก็อดกังวลในจุดนี้ไม่ได้ เพราะอ่านใจลูกไม่ออกว่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ รู้แต่ว่าลูกโกรธเกลียดครอบครัวของปู่ย่าไม่น้อย ที่ไม่เคยมาชายตาแล หรือถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเลย นับตั้งแต่หนีออกจากบ้านมา
หทัยชนกหันมองแม่แล้วยิ้มหน้าบานให้ ก่อนจะเคลื่อนกายไปใกล้ๆ แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักแม่ อยู่กับระเบียงไม้หน้าบ้านเช่าหลังน้อย ที่อีกไม่นานก็จะย้ายออกไปแล้ว
“อย่าเพิ่งคิดเลยจ้ะแม่ รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตักแม่นุ่มจัง ขออ๋อนอนแป้บนะแม่นะ วันนี้เป็นสารถีพาทุกคนตระเวณดูบ้านใหม่หลายที่เหนื่อยจะแย่”
ว่าแล้วคนพูดก็หลับตาปี๋ลง เพื่อหลีกหนีการถูกซักไซ้ของแม่เอาดื้อๆ แต่ในใจนั้นใช่ว่าจะสงบอย่างสีหน้าและท่าทาง เพราะกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่แม่ถามอยู่นั่นเอง ว่าจะจัดการกับปัญหายังไงดี จะหาทางรับมือกับกลุ่มคนที่เธอไม่เคยอยากจะญาติดีด้วยยังไง