ถ้าไม่เพราะข้าวต้มชามนั้นที่สาลินีให้ดวงยกมาให้ แม่ก็คงจะไม่หลับเป็นตาย แล้วตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเอง กลายเป็นผู้หญิงคบชู้สู่ชายกับคนสวนเป็นแน่ แม้จะไม่มีพยานหรือหลักฐานว่าเป็นฝีมือของสาลินี
แต่สองแม่ลูกก็มองไม่เห็นปัจจัยภายนอกด้านอื่นเลย ที่จะทำให้หลับเป็นตายได้ขนาดนั้น อิงอรจะชอบนอนกลางวันเลย แม้เวลาเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ยกเว้นต้องล้มหมอนนอนเสื่อนั่นล่ะถึงจะยอมหลับตาลงได้
“ก็มีแต่เครื่องครัวนั่นล่ะค่ะคุณลุง ฝากจัดการทีนะคะ เอาทุกอย่างให้ครบเพราะอ๋อจะทำกินเองค่ะ”
“อ้าว! จะเสียเวลาทำกันทำไมล่ะครับ ให้ครัวบนตึกยกมาก็ได้”
คุนสุจินต์ยั้งความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ จึงเอ่ยถาม หทัยชนกหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้
“ไม่ล่ะค่ะ อ๋อไม่อยากนอนหลับโดยไม่รู้ตัว แล้วตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนกอดคนสวนอยู่ เหมือนแม่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว จากนั้นคุณปู่กับคุณย่าก็คงจะไล่ตะเพิดอ๋อกลับบ้านแทบไม่ทันกันพอดี ฝากคุณลุงช่วยตรงนี้ด้วยนะคะ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว อ๋อกับแม่อยากจะไปไหว้อัฐิคุณพ่อหน่อยค่ะ คุณลุงพาพวกเราไปได้ใช่มั้ยคะ”
คุนสุจินต์ทำตามคำขอของหทัยชนกด้วยความเต็มใจ ก่อนจะนัดเจอกันที่ห้องคุนสมควรในวันรุ่งขึ้น แล้วแยกจากทุกคนหลังมื้อเที่ยงในร้านอาหารเสร็จสิ้นลง พีระก็แยกไปทำงานเช่นกัน
อิงอรจึงพาทุกคนไปจับจ่ายข้าวของเครื่องใช้เข้ามาไว้ในบ้าน หลังน้อยจนครบครัน แรกทีเดียวอิงอรตั้งใจจะกลับบ้าน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ห่วงลูกจนต้องนอนเป็นเพื่อนกันทั้งห้าคนตามเคย
สายๆ ของวันถัดมาถึงได้กลับไป หทัยชนกก็ขึ้นบนตึกพร้อมสุจินต์เพื่อไปหาคุนสมควรตามที่นัดไว้ แต่ไม่ใช่ที่ห้องรับแขก เพราะคุนสมควรไม่แข็งแรงพอที่จะออกมาเดินบ่อยๆ จึงขึ้นไปหาที่ห้องและเห็นห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์
ประหนึ่งโรงพยาบาลย่อยๆ เลยทีเดียว สาลินีที่แต่งตัวเตรียมจะไปทำงาน ก็เข้ามารอฟังการประชุมของครอบครัวด้วย คุนอัญชลีแทบจะไม่หันไปมองหน้าหลานสาวด้วยซ้ำ เมื่อเดินเข้ามาในห้องสามีเป็นคนสุดท้าย
“แล้วเราถนัดทำอะไรบ้างล่ะ ปู่จะได้สั่งคนจัดโต๊ะไว้ให้ หรืออยากทำตำแหน่งไหนเป็นพิเศษก็บอกปู่มาได้”
คนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเอ่ยถาม หลังจากที่ให้สุจินต์อ่านร่างพินัยกรรมให้ทุกคนฟังอีกครั้ง และความเงียบของทุกคนก็เป็นเสมือนการยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งแล้วในความคิดคุนสมควร
แม้จะรู้ดีว่าขัดใจเมีย ขัดใจสะใภ้อยู่มาก แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะเห็นว่าหนทางแก้ไขปัญหานี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรจะทำมากที่สุด
หทัยชนกหันไปมองหน้าสุจินต์กับทุกคนในห้อง เป็นการหยั่งเชิง ก่อนจะหันไปหาปู่เป็นคนสุดท้าย ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่กำลังจะบอกออกไปจะได้รับความเห็นชอบหรือไม่
แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามนี้ ก็พร้อมจะเดินหนีในทันที เพราะหาประโยชน์ไม่ได้ หากจะต้องมาอยู่ในบ้านหลังนี้ หรือทำงานบริษัทแล้วถูกครอบงำจากคนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างสาลินี
“ถ้าอ๋อบอกไปแล้ว คุณปู่จะยอมให้อ๋อทำตำแหน่งนั้นเหรอคะ”
ทุกคนต่างเงียบไปชั่วครู่ โดยเฉพาะคุนอัญชลีกับสาลินี ที่รู้จักฤทธิ์เดชในยกแรกมาแล้ว ต่างก็หวาดหวั่นไปตามๆ กัน ว่าตำแหน่งอันเป็นที่หมายปองนั้นจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน คุนสมควรหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนเอ่ย
“ก็บอกปู่มาก่อนสิว่าอยากทำตำแหน่งอะไร ปู่จะดูอีกทีว่าเราทำได้หรือไม่ได้”
หทัยชนกแอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อยู่สองสามครั้งก่อนจะบอกออกไปด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“อ๋ออยากทำตำแหน่งรักษาการประธานบริษัทค่ะคุณปู่”
ในห้องเงียบกริบ ประหนึ่งไม่มีใครอยู่ในนั้นก็ว่าได้ ทุกคนหันไปจ้องมองหทัยชนกเป็นตาเดียวกัน คุนอัญชลีส่งสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังไปหาหลานสาวคนแรกอย่างไม่ปิดบังใดๆ
แม้แต่สาลินี ก็เผลอแสดงความขุ่นเคืองใจผ่านสายตาออกมาไม่แพ้แม่สามีเลย เพราะเป็นตำแหน่งที่ตัวเองนั่งอยู่ นับตั้งแต่สงครามตายจากไป คุนสมควรจึงบังเอิญเหลือบไปเห็นเข้า
สาลินีถึงได้รู้ตัวว่าเผลอหลุดไป จึงพยายามปรับทุกอย่างให้เป็นปกติ
“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอยะ น้ำหน้าอย่างหล่อนจะทำอะไรกับใครเขาเป็น อย่าอวดดีกับฉันนะ หรือเห็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญซะเต็มประดา ถึงคิดมาเรียกร้องนั่นนี่”
คุนอัญชลีเห็นทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ เลยตัดความรำคาญด้วยการขึ้นเสียงด่า โดยไม่คิดจะเกรงใจสามีแต่อย่างใด หทัยชนกยิ้มให้อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะจีบปากจีบคอค้านออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นปกติมากที่สุด
“ตำแหน่งเดียวเอง ไม่มากไปหรอกค่ะคุณย่า ว่าไงคะคุณปู่ อ๋ออยากทำตำแหน่งนี้ล่ะค่ะ ถ้าคุณปู่ไม่ตกลงอ๋อคิดว่าคงจะทำตามพินัยกรรมคุณปู่ไม่ได้หรอกค่ะ”
คุนสมควรจ้องมองหน้าหลานสาว สลับกับหน้าสะใภ้ผู้เป็นเจ้าของตำแหน่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมเราถึงอยากทำตำแหน่งนี้ล่ะ ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆ ปู่ก็คงจะทำตามที่เจ้าขอไม่ได้หรอกนะ ไหนลองบอกปู่มาซิ”
หทัยชนกยิ้มบางๆ ออกมาก่อนจะบอกในสิ่งที่ตัวเองเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้
“อ๋อจบปริญญาตรีกับโท ด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยที่คนไม่เจ๋งจริง ก็เข้าเรียนไม่ได้ และกำลังจะต่อปริญญาเอกในอีกไม่ช้า ประสบการณ์ด้านบริหารก็มีถึงเจ็ดปี ภาษาอังกฤษก็ใช้ได้เพราะทำงานกับชาวต่างชาติตลอด อายุอ๋อก็ยังน้อย พละกำลังในการเรียนรู้งานก็มีมาก ครอบครัวที่จะมาคอยถ่วงหรือแย่งเวลางานไปก็ยังไม่มี
อ๋อเป็นลูกสาวคุณพ่อ เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของคุณพ่อ ของคุณปู่และคุณย่า ย่อมรักและหวังดีหรือเก็บเกี่ยวผลผลิตเข้ามาไว้ให้วงศ์สกุลเราอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกอย่างถ้าคุณปู่จะให้อ๋อมาเรียนรู้งานในบริษัท แล้วต้องให้อยู่ใต้อำนาจใคร อ๋อจะแสดงศักยภาพการทำงานออกมาเต็มที่ได้ยังไงคะ