ตอนที่ 4 หนีไม่พ้น 50%

2688 คำ
ตอนที่ 4 หนีไม่พ้น 50% แสงแดดอ่อนยามเช้าตรู่ ลอดผ่านรอยแยกม่านเนื้อดีเข้ามาปลุกสองร่างเปลือยเปล่าที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงกว้าง ศีรษะทุยสวยหนุนท่อนแขนแข็งแรง ใบหน้านวลงามซุกเข้ากับอกกว้างกระด้างหาความอบอุ่น โจรป่าที่รู้สึกตัวเมื่อสักครู่กดมุมปากหยักยิ้มอย่างมีความสุข นัยน์ตาคู่คมทอดมองอย่างเอ็นดู แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุกระด้าง ระหว่างนั้นนายหัวหนุ่มก็ไม่อยู่นิ่ง ยิ่งแม่คนขี้เซาดิ้นดุกดิกเขายิ่งมันเขี้ยว โน้มเสี้ยวหน้าคมหาซอกคอผ่อง กดปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายสาว ก่อนจะตวัดปลายลิ้นร้อนเลียติ่งหูนุ่ม เลาะลามมาถึง         กลีบปากรูปกระจับที่เผยอน้อยๆ “ฮื้อ... อย่ากวน...” ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างอุ่นร้อน ธัชชานนท์เห็นอาการแล้วครางจิ๊จ๊ะในลำคอ ‘ยั่วแต่เช้าเลยนะแม่คุณ’ ปลายจมูกโด่งกดแนบพวงแก้มใสแรงๆ แล้วเอ่ยชิดกลีบปากสวยเสียงกระเส่า “ถ้ายังไม่หายขี้เซา ฉันจะ ‘เอา’ เธอรับอรุณสักรอบสองรอบ” หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ มีเพียงกลีบปากสวยที่ขยับขึ้นลงบ่นพึมพำในลำคอ แต่ยังไม่ยอมตื่น นายหัวหนุ่มเห็นแล้วต้องขู่อีกครั้ง “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ขู่ แต่ทำจริง” พูดจบก้มลงหาก้อนเนื้อนุ่มทั้งสอง อ้าปากงับปลายยอดสีชมพูสวย มือร้อนสากระคายบีบตามฐานอวบสล้าง แล้วค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ สัมผัสหน้าท้องแบนราบ กดบีบกระตุ้นแม่คนขี้เซาที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม... “ฮื้อ...อ๊ะ...ซี๊ดส์...” เผลอครางกระเส่า ทำเอาพ่อคนความต้องการสูงต้องกัดฟันเสียงดังกรอดๆ พร้อมสบถดังลั่นเมื่อเจ้านั่น ‘ลุก’ ขึ้นตาม บ้าชะมัด! “อ๊ะ! ยะ อย่า” “สายไปแล้วคนสวย” พูดจบเคลื่อนกายหนาอยู่เหนือร่างบอบบาง แนบปากหยักกระด้างบดขยี้เรียวปากสวยอย่างเอาแต่ใจ มือใหญ่ร้อนกำลังจับขาเรียวสองข้างแยกห่างจากกัน ทว่า... “หยุดนะ” หุบขาเรียวฉับ ธัชชานนท์ถึงกับบดกรามจนเป็นสันนูนแล้วตวาดเสียงห้วนกร้าว  “ถ้าไม่อยากเสร็จฉัน ก็แต่งตัวซะ” นอกจากจะไม่รับเสื้อที่เขาส่งให้แล้ว เธอยังปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ทำให้คนที่กำลังสงบสติอารมณ์และความต้องการ ตวาดเสียงดังอีกครั้ง “ที่โยนทิ้งเพราะอยากออกไปข้างนอกแบบไม่ใส่อะไรใช่ไหม” “ฉันรังเกียจ รังเกียจทุกอย่างที่เป็นของแกไอ้โจรสารเลว” แม้จะเจ็บแปลบที่ได้ยินคำว่ารังเกียจ แต่มันก็แค่แวบเดียว ก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มแล้วพ่นวาจาเราะร้ายออกมา “รังเกียจอะไรล่ะ เมื่อคืนเธอยังร้องครางขอไอ้นั่นจากฉันอยู่เลย อย่ามาทำกระแดะแถวนี้ ใส่ซะ” พูดจบกระชากร่างบางมาใกล้ จัดการสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวบางใส่ให้อย่างรวดเร็ว “ไปทำกับข้าวให้ฉันกิน เดี๋ยวอีกชั่วโมงฉันกลับมา” สั่งหญิงสาวเสียงห้วนกระด้าง และไม่ทันที่เธอจะโต้ตอบ เจ้าของร่างหนาเดินกระแทกส้นเท้าออกไปนอกห้อง คนางค์นุชได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของคนที่พร่าผลาญพรหมจรรย์เธอไปจนสุดสายตา พร้อมกับหยดน้ำอุ่นใสที่ไหลอาบร่องแก้มสวย ‘ความสาว’ ที่เฝ้าเก็บไว้ให้คนได้ชื่อว่าเป็นสามีหมดสิ้นลงเพราะไอ้โจรป่าเถื่อนคนนี้ คนที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าชื่ออะไร แต่ครั้นจะให้มานั่งเสียใจก็คงเปล่าประโยชน์ เพราะมันไม่สามารถเรียกร้องกลับคืนมาได้   เสียแล้วเสียไป ถามว่าเสียดายไหม บอกเลยว่าเสียดายมาก แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อตอนนี้เธอตกเป็นเบี้ยล่างของเขา ตกเป็นเบี้ยล่างของไอ้โจรป่าเถื่อน แล้วมันจะทำการใดก็ย่อมได้ ในเมื่อพละกำลังของมันเหนือกว่าเธอเป็นหลายสิบเท่า!   ห้องครัวขนาดเล็กสำหรับทำอาหารนั้นอยู่ใต้ถุนเรือนไม้          มีอุปกรณ์ครัวครบครันแต่จะอยู่ในวิถีชีวิตเช่นชาวบ้านเพราะห้องครัว    ไร้เตาแก๊ส ยากถึงคุณหนูผู้ถูกเลี้ยงประดุจไข่ในหินมาตั้งแต่เกิดต้องตกระกำลำบากก่อไฟด้วยถ่าน ด้วยฟืนและที่สำคัญมันเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้   ไม้ขีดในการก่อเพลิงไฟ รู้ไหมว่าเธอนั้นขีดไม้ขีดเสียจนจะหมดตลับ กว่าจะติดเป็นถ่านไฟให้ใช้งานได้นั้นเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายเต็มใบหน้า มือเล็กเปื้อนถ่านสีดำยกขึ้นเช็ดจึงทำให้ใบหน้าดำมอมแมมไม่ต่างจากเนตรนารียามเข้าค่ายฐานแปลงกาย  แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เพราะที่ครัวมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าให้ จึงไม่ใช่ปัญหาวุ่นอีกประการ เพราะลำพังกับการก่อไฟและทำอาหาร คุณหนูคนสวยก็แทบจะร่ำไห้ สำลักควันไฟครั้งแล้วครั้งเล่า    น้ำหูน้ำตาไหลออกมาจนเปรอะเปื้อน  อาหารมื้อเช้าที่เขาไว้ใจและสั่งให้เธอมาทำนั้นเรียกได้ว่า           แทบจะ…นะ นึกภาพคนที่จะมากินข้าวแล้ว เธอก็เตรียมตัวเตรียมใจโดนต่อว่า ‘ก็คนมันทำไม่เป็นนี่ จะทำได้ดีอย่างคนเคยทำอย่างไรกัน’         หญิงสาวบ่นในใจ ขณะนั่งเฝ้ากระทะทอดไข่รอบที่ห้า คิ้วโก่งสวยขมวดมุ่น เมื่อจมูกได้กลิ่นไหม้คลุ้ง นัยน์ตาคู่งาม       เบิกกว้างเมื่อหันมองกระทะทอดไข่ตรงหน้า หลังจากที่สนใจแต่แผลที่โดนน้ำมันพืชกระเด็นใส่ตอนเทไข่ใส่กระทะ จนลืมไปว่าตนกำลังทอดไข่อยู่ เธอจึงรีบใช้ตะหลิวพลิกไข่กลับด้าน ทว่า... ไข่เจียวไหม้เกรียม... แต่ไข่เจียวที่กินได้และเธอเคยกินจะเป็น    สีเหลืองทอง แล้วไอ้ที่อยู่ตรงหน้านี่ล่ะ คืออะไร? “ว้า… อีกแล้ว ไม่เป็นไร เอาใหม่ๆ” พึมพำอยู่คนเดียว ก่อนจะลงมือตอกไข่ใส่ชามแล้วปรุงรสตามที่คิดว่าใช่ใส่ทุกอย่างที่วางบนโต๊ะ จนกระทั่งจังหวะที่เทน้ำมันพืชลงกระทะ “กรี๊ดดด!!” กรี๊ดร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เพราะจังหวะที่เทน้ำมันพืชใส่กระทะนั้นเธอเทในระยะที่สูงจนเกินไป จึงทำให้น้ำมันร้อนได้ที่กระเซ็นใส่ เรียกให้คนที่กำลังเดินมาถึงตรงรีบวิ่งเข้ามาดู พร้อมกับ เสียงเข้มคุ้นหูเอ่ยตำหนิเอา  “ระวังบ้างสิยัยโง่” มาถึงปุ๊ปด่าปั๊บนี่คือเอกลักษณ์ของโจรหน้าเถื่อน เท่านั้นยังไม่พอเพราะปากรกเหนาเครานั้นสบถคำหยาบตามหลังมาอีกนับไม่ถ้วน นอกจากหน้าเถื่อนยังมารยาททรามอีกนะ ไอ้โจร! คนางค์-นุชแอบต่อว่าอยู่ในใจ “ถ้าฉันรู้ว่าเธอด่าฉันในใจละก็ โดนแน่” คำขู่ของเขาทำเอาคนโดนคาดโทษตรงจุดอ้าปากค้าง  “ฉะ ฉัน” คนางค์นุชลิ้นพันกันขึ้นมาชั่วขณะ แต่ว่าคนหน้ารกเถื่อนหาได้ใส่ใจ เพราะสายตาชายหนุ่มจับจ้องอยู่กระทะ หลังจากเขาเทไข่ที่เธอปรุงรสไว้ลงไปเมื่อสักครู่ ก่อนจะหันมาถามทวงอุปกรณ์ครัวกับ คนที่ยืนเอ๋ออ้าปากค้าง “ตะหลิวอยู่ไหน เอามา” ไม่ทันจะยื่นตะหลิวให้ ไอ้โจรมารยาททรามยื้อแย่งทันที ทั้งยังบ่นต่อท้ายมาอีกว่า “ขืนฉันให้เธอทอดอีกนะ    มีหวังไม่ได้กินข้าวเช้าพอดี และถ้าพลาดคราวนี้นะ ฉันจะ ‘กิน’ เธอแทน” “บะบ้า” ต่อว่าเบาๆ ก่อนจะยืนมองเขาทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว คล่องกว่าเธอมากๆ หญิงสาวมองด้วยความทึ่ง เพราะนึกไม่ถึงว่าโจรป่าหน้ารก     อย่างเขา นอกจากจะปากร้ายใจร้าย แต่ก็ยังทำอาหารเป็น “ยืนบื้ออยู่ได้ ไปหยิบจานมาให้ฉัน”  เมื่อโดนสั่งร่างบางก็รีบวิ่งไปหยิบถ้วยใบใหญ่มาส่งให้อย่างรวดเร็ว  “อ๊ะนี่ ไอ้โจร” ยื่นถ้วยใบใหญ่ส่งให้ แต่ใบหน้าถอดสีเมื่อโดนตวาดเสียงดัง “ฉันสั่งให้หยิบจาน ไม่ใช่ถ้วย แหกตาดูหน่อยสิแม่คุณ”คนางค์นุชได้ยินเขาบอกถึงรู้ตัวว่าหยิบมาผิด ถามว่าอายไหมก็อายนะ เพราะว่า      มัวแต่เผลอละเมอไปกับพ่อครัวหน้าเถื่อน พวงแก้มใสสองข้างเปลี่ยนเป็นสีเรื่อ แต่ก็ไม่ได้ถกเถียงอะไร  “อะ อ๋อ” จากนั้นรีบวิ่งไปหยิบจานใบโตมาส่งให้ มองเห็นไข่ทอดที่เขาลงมือทำแล้วมันชวนกินกว่าเธอทำเป็นไหนๆ คนางค์นุชแทบจะไม่เชื่อสายตาว่าโจรป่าหน้าเถื่อนจะทำกับข้าวเป็น และยังทำได้น่ากินมากๆ          จมูกรั้นสูดดมกลิ่นหอมของอาหารตรงหน้าเหมือนเด็กสามสี่ขวบ ทั้งใบหน้ายังแปดเปื้อนคราบถ่านสีดำ โจรหนุ่มมองเห็นแล้วแอบยิ้มในใจ แต่มันก็ความรู้สึกแค่แวบเดียว ก่อนเขาจะตีหน้าขรึมสั่งเสียงเข้ม “ไปล้างหน้าล้างตา แล้วมากินข้าว” ไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวขา คนหน้าเถื่อนไม่รั้งรอลากร่างระหงตรงไปยังตุ่มน้ำขนาดเตี้ยที่อยู่ไม่ไกล ใช้กระบวยตักน้ำให้เธอล้างคราบเปื้อน...   “มองอยู่ได้ เมื่อไรจะตักข้าวใส่ปากห๊ะ” ก็แม่คุณนั่งพิจารณาอาหารอยู่นานหลายนาที จึงทำให้เขาโมโห และคราวนี้คนางค์นุช        ไม่โต้ตอบ เธอยังนิ่งและเงียบ จนคนจ้องมองอยู่ต้องชักสีหน้าใส่แล้วเอ่ยสั่งอีกครั้ง “รีบกินข้าวให้อิ่ม วันนี้ฉันมีงานให้เธอทำ” งานที่ว่าก็งานสบายๆ ไม่ได้ไปตากแดดตากลม แค่ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แต่กิริยาท่าทางของโจรหนุ่มนั้นตรงกันข้าม เพราะเขาทำนัยน์ตาแพรวพราว เจ้าเล่ห์ จนคนที่เสียสาวไปหมาดๆ ต้องร้อนรน และคิดว่างานที่เขาให้ทำคงเป็นงาน ‘อย่างว่า’ กลีบปากสวยกระจับรีบเผยอพ่นเสียงหวานเอ่ยถาม “งานอะไรอีกล่ะไอ้โจร ฉันเหนื่อย ฉันอยากพักผ่อนนะ ไม่มีเรี่ยวแรงไปทำงานให้หรอก!” ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงค่อนข้างอ่อนล้า ในขณะนั้นเดียวกันมือเล็กที่ถือส้อมก็เขี่ยข้าวสวยร้อนๆ ในจานเล่นพลางๆ   “กินข้าวให้หมดก่อน แล้วฉันจะบอกอีกที” นัยน์ตาคู่คมตวัดช้อนมองนัยน์ตาคู่งามแล้วพูดด้วยท่าทางเอาจริง “ถ้ายังเขี่ยข้าวเล่นอยู่แบบนั้น ฉันจะป้อนเธอเอง แล้วบอกเลยว่าฉันป้อนในแบบที่เธอลืมไม่ลงแน่ๆ” และธัชชานนท์ต้องแอบยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงสั่นโต้ตอบ “ฉะ ฉันกินเองได้ อะ ไอ้โจรนิสัยเสีย” พูดจบหญิงสาวก็รีบตักข้าวไข่เจียวใส่ปาก และบ่นอุบอิบตามนิสัย   “อย่าบ่น” โจรป่าดุออกไป แต่ไม่ใส่ใจเท่าไร เพราะเวลานี้เขาหิวจนตาลาย กว่าจะได้กินข้าวก็เหนื่อยพอดู เหนื่อยกับแม่เชลยจอมดื้อ     ที่ขยันสร้างเรื่องให้เขาต้องเหนื่อยไม่ขาดระยะ “โจรบ้า ชิ!” ธัชชานนท์ลุกขึ้นมาตักข้าวเพิ่ม โดยไม่ไม่สนใจเสียงบ่น มื้อนี้ต้องกินเยอะหน่อย แล้วที่กินเยอะนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเขาอยากจะนั่งกินข้าวกับหญิงสาวนานๆ มองเห็นใบหน้าสวยหวานแล้ว มีความสุข เพราะตั้งสองวันที่จะไม่ได้เจอเธอ เขาต้องไปทำธุระสำคัญ     ที่กรุงเทพฯ ส่วนคนางค์นุชก็ก้มหน้าก้มตาละเลียดข้าวลงท้อง เคี้ยวช้าๆ เนิบๆ ตามฉบับ ซึ่งธัชชานนท์เห็นแล้วก็อดครางจิ๊จ๊ะในลำคอไม่ได้ ที่แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เธอยังคงกินช้าๆ และกินน้อยเหมือนเดิม แบบนี้ล่ะถึงไม่ได้โตกับเขาเสียที ไม่ได้เจอมานานหลายปีก็ยังตัวเล็กเหมือนเดิม และที่สำคัญแม่คุณยังซุ่มซ่ามไม่แปรเปลี่ยน หาเรื่องให้เขาต้องดุด่าไม่ขาดระยะ และเธอก็ใช่จะเงียบนิ่ง โต้ตอบเขาทุกคำจนทำให้ยั้งใจ  ไม่อยู่ จึงจัดจูบหวานระคนดิบเถื่อนมอบให้ สาวเจ้าหน้าแดงเถือกลามไปถึงใบหูผ่อง เขิลมว้ากกกก! หลังจากกินข้าวอิ่มเรียบร้อย หน้าที่เก็บจานชามไปไว้คือเธอ และเขาก็ไว้ใจให้เธอยกไปเพียงคนเดียว ทว่า... เพล้ง!!! “กรี๊ดดด!!!”     “อะไรของเธออีกห๊ะ ยัยตัวปัญหาเอ๊ย!” ตะคอกถาม ตามมาด้วยคำสบถด่าอย่างไม่สบอารมณ์ และนับไม่ถ้วนว่าวันนี้แม่เชลยสาวก่อเรื่องให้เขาเดือดร้อนเป็นรอบที่เท่าไรตั้งแต่ตื่นนอน เขาใช้ให้เอาจานชามไปเก็บ แต่แม่คุณกลับดื้อและทำเกินคำสั่ง ด้วยการนำจานชามเหล่านั้นไปล้าง ทำให้จานกระเบื้องหลุดมือตกกระทบพื้นแตกกระจาย เศษแก้วกระเบื้องเกลื่อนพื้น มันน่านัก! “คะ คือ” มือไม้สะสั่น ในขณะเดียวกันหญิงสาวยังดื้อไม่เลิก     รีบย่อกายนั่งยองๆ หมายจะเก็บเศษกระเบื้องแต่ต้องร้องอุทานด้วยความเจ็บปวด “โอ้ยยย!!” ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาจากนิ้วเรียวสวย       ธัชชานนท์ในคราบโจรป่าเข้ามาเห็นต้องสบถอีกครั้ง    “ยัยโง่เอ๊ย! โง่แล้วยังไม่เลิกอวดเก่งอีก! หลีก!” มือใหญ่ผลัก     ร่างบางให้ออกห่างจากเศษกระเบื้องเหล่านั้น แล้วหันไปคว้าเอาไม้กวาดทางมะพร้าวพร้อมที่ตักผงมาปัดกวาดเศษเหล่านั้นไปทิ้งขยะ ส่วนคนางค์นุชมองโจรตัวใหญ่กวาดเศษจานไปทิ้งด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งเจ็บ ทั้งกลัวและที่สำคัญวันนี้ เธอทำให้เขาต่อว่าหลายหน แต่ช่างเหอะ!   เธอยืนมองเขาเก็บกวาดเศษเหล่านั้นจนเสร็จสรรพ และมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงเข้มห้วนตวาดดังลั่นใกล้ๆ หู “อยากตายหรือไง ทำไมไม่ไปทำแผล เธอนี่มัน!” นึกหาคำต่อว่าไม่ออก และเขาก็ไม่เข้าใจแม่คนตรงหน้าเช่นกัน ขนาดเจ็บแผล เลือดไหลซิกๆ แต่แม่คุณยังทนใจแข็งยืนมองเขาเก็บกวาดเศษกระเบื้องเหล่านั้นจนเรียบร้อย ไม่รู้คิดอะไรอยู่ “ปล่อยนะ” “เงียบ! แล้วนั่งเฉยๆ” เขาสั่งระหว่างพาเธอมานั่งแคร่ไม้ ในมือใหญ่มีกล่องพยาบาลสามัญประจำบ้าน  จากนั้นเขาก็เริ่มทำแผลให้ ใช้สำลีเช็ดแผลด้วยความระมัดระวัง น้ำหนักมือนั้นเบาหวิวจนหญิงสาวอึ้งหลายนาที ไม่คิดว่าโจรป่าเถื่อนปากร้ายจะทำเป็น และต้องร้องออกมาจนสุดเสียง เมื่อมือเบาหวิวเมื่อครู่กดเน้นแผลอย่างจงใจ(แกล้ง) “กรี๊ดดด! โอ้ย!!”    “ถ้ายังไม่เลิกสะดิ้ง แล้วนั่งนิ่งๆ นะ ฉันจะเย็บแผลให้เธอด้วยมือฉันเอง” แม้ว่าแผลจะเล็กนิดเดียว แต่ว่าลึกเอาการ “เงียบก็ได้” สิ้นเสียงหวาน ใบหน้านวลงามเบือนหนีไปทางอื่น  หลังทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็สั่งเธอนอนพักผ่อน ส่วนตัวเขานั้นหายเข้าไปข้างในห้องน้ำ ชำระล้างร่างกายเพราะอีกครึ่งชั่วโมงต้องไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน เนื่องจากมีธุระสำคัญ แต่เขาไม่ได้บอกเธอหรอกว่าจะไม่อยู่ภายใน 2-3 วันนี้ “ยัยบ้าเอ๊ย” บ่นให้แม่คนขี้เซาที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง หลังจากที่เขาเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายไม่กี่นาที ก็ผล็อยหลับไป นายหัวหนุ่มเดินเข้ามาหา มือหนาลากผ้าห่มที่ร่นกองอยู่สะโพกขึ้นคลุมจนชิดลำคอ เส้นผมนุ่มที่เคลียใบหน้านวลลออเขาก็ใช้นิ้วแกร่งเกลี่ยออกให้ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ข้างในหัวใจแยกไม่ออกระหว่าง ‘รักหรือแค้น’ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม