“ใช่ กูจะจีบคุณขนมหวาน”
คำตอบของผู้กองหนุ่มทำเอาเพื่อนชายอย่างอาเรสเกิดความสงสัย โชติกรณ์ไปรักไปชอบขนมหวานตอนไหน เท่าที่เขาจำได้สองคนนี้ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว หรือยังมีอะไรที่เขาไม่รู้ อาเรสคิดก่อนจะหรี่ตาจับผิดเพื่อนที่กำลังอมยิ้มหลังจากคิดถึงใบหน้าของขนมหวาน
“มึงไปชอบเขาตอนไหน กูไม่เห็นรู้เลย”
“กูชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
“แต่กูไม่ให้จีบ ขนมหวานควรเจอผู้ชายที่ดีกว่ามึง”
“กูบอกมึงเฉย ๆ ไม่ได้ขออนุญาตมึง เข้าใจไว้ด้วย”
“ยังไงมึงก็จะจีบขนมหวานให้ได้”
“ถูกต้อง กูจะจีบคุณขนมหวานตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป”
คุณผู้กองสุดหล่อเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น น้ำเสียงจริงจังกว่าตอนที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายเสียอีก ชายหนุ่มรู้สึกชอบหญิงสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เธอมาแจ้งความเรื่องมือปืนพร้อมกับอาเรส แต่ตอนนั้นเขากำลังคุยอยู่กับสาวคนหนึ่งจึงไม่ได้สนใจจะจีบขนมหวานจริงจัง ไม่เหมือนตอนนี้ที่เขาโสดสนิทพร้อมจะหยุดที่ใครสักคนและเขาก็เชื่อว่าขนมหวานคือผู้หญิงคนนั้น
“ว่าแต่คุณขนมหวานมีแฟนไหมว่ะ”
“โสด โสดแบบสนิทเลย”
“มึงรู้ได้ไงว่าเขาโสดสนิท”
“เลขาของกู ทำไมกูจะไม่รู้”
“ก็ดี ถ้างั้นกูจะจีบเธอ”
“แล้วแต่ อยากจีบก็จีบ แต่บอกไว้ก่อนนะโว้ย มึงต้องไม่ทำให้เขาอึดอัดใจ”
ไม่ได้ขู่แต่พูดจริง หากโชติกรณ์ทำให้ขนมหวานเกิดความลำบากใจเขาจัดการแน่ คุณผู้กองจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังและตั้งใจเอาไว้ว่า หากจีบแล้วเธอไม่เล่นด้วยตนเองก็จะยอมถอยไม่ทำให้ฝ่ายหญิงลำบากใจแน่นอน
“ครับคุณเพื่อน ถ้าคุณกูจีบเขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย คุณกูก็จะถอย”
“ถ้ามึงจีบเขาติด มึงต้องไม่ทำให้เขาเสียใจ”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างกูรักใครรักจริง”
“ดี สัญญาลูกผู้ชาย”
“กูสัญญา ว่าแต่มึงเถอะ ไม่คิดจะจีบคุณเลขาแข่งกับกูใช่ไหม”
“ไม่แน่นอน กูเป็นพวกสมภารไม่กินไก่วัด ยิ่งไก่วัดจืด ๆ แบบขนมหวานยิ่งไม่มีทาง”
“จำคำของมึงไว้นะ ถ้าวันไหนมึงกลืนน้ำลายตัวเอง กูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย”
“ไม่มีวันนั้นแน่นอน”
อาเรสเอ่ยด้วยความมั่นใจก่อนจะกระดกไวน์เข้าปากแล้วยิ้มมุมปาก คนอย่างเขาไม่มีทางเอาลูกน้องมาเป็นแฟน อีกอย่างผู้หญิงอย่างขนมหวานไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ตนเองชอบ
ผู้ชายอย่างอาเรสต้องสวยเซ็กซี่ขยี้ใจเท่านั้น อยู่ ๆ ภาพที่เธอใส่ชุดสวยจนเขาตกตะลึงก็แล่นเข้ามาในหัวจึงส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อไล่ภาพพวกนั้นออกไป
“เป็นอะไรวะกู ไปคิดถึงยัยแม่ชีทำไม”
“มึงส่ายหัวทำไม เป็นอะไร เมาแล้ว”
“เปล่า ๆ กูว่าจะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีประชุม”
“เออ กูก็จะกลับเหมือนกัน พรุ่งนี้จะไปจีบสาว”
“เชิญ”
สองหนุ่มแยกย้ายกันกลับแม้งานจะยังไม่เลิกก็ตาม ระหว่างทางกลับบ้านอาเรสก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่ผู้กองโชติกรณ์จะไปจีบขนมหวาน
ใจหนึ่งก็อยากเตือนเธอให้อยู่ห่าง ๆ จากเพื่อนคนนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ตนเองต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่เตือนแต่จะดูอยู่ห่าง ๆ แทน หากโชติกรณ์ทำให้ขนมหวานลำบากใจละก็มีเรื่องแน่
เช้าของวันต่อมาขนมหวานแสดงสีหน้างง ๆ เมื่อเห็นช่อดอกไม้วางอยู่บนโต๊ะทำงานและมีการ์ดแนบมาด้วย บอกว่าดอกไม้งามช่อนี้มาจากผู้กองโชติกรณ์ เป็นจังหวะเดียวกับที่อาเรสมาถึงที่ทำงานพอดี
เธอจึงเดินเข้าไปขวางเจ้านายพร้อมกับตั้งคำถาม ถ้าจำไม่ผิดคนที่ส่งดอกไม้มาให้ตนเองคือเพื่อนของอาเรส
“บอสเดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องจะถาม”
“คุณมีอะไรจะถามผม คุณเลขา”
“ผู้กองโชติกรณ์ คือเพื่อนของบอสใช่ไหม”
“ใช่ครับคุณเลขา ทำไม มีอะไร”
“แล้วเขาส่งดอกไม้มาให้ฉันทำไม”
“จีบคุณ”
อาเรสเอ่ยตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อมพลางสังเกตสีหน้าของลูกน้องไปด้วย เขาเชื่อว่าขนมหวานต้องไม่ดีใจแน่ที่มีคนมาจีบ เพราะเธอบอกอยู่ตลอดว่าไม่อยากมีครอบครัวอยากแก่ตายไปคนเดียว และมันก็เป็นจริงหลังจากที่หูทั้งสองข้างได้ยินคำตอบ หญิงสาวถึงกับตาโตตกใจอีตาผู้กองโชติกรณ์ส่งดอกไม้มาจีบเธอเหรอ
“ฮะ! จีบฉันเนี่ยนะ”
“ใช่ มันอยากจีบคุณ มันบอกผมเมื่อวาน”
“ไม่เอาค่ะ ฉันฝากบอสเอาดอกไม้ไปคืนเขาด้วยนะคะ ฝากบอกด้วยว่า ฉันไม่อยากมีแฟน”
ปฏิเสธอย่างเดียวไม่พอ เธอยังยัดช่อดอกไม้งามใส่มือของเจ้านายอีกต่างหากประหนึ่งเป็นของต้องห้าม ขนมหวานส่ายหน้าพรืดไม่เอาดอกไม้และไม่ต้องการให้ใครมาจีบตนเองทั้งนั้น เธอใช้ชีวิตโสด ๆ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ
อาเรสเห็นอาการของเลขาก็อดพึงพอใจไม่ได้จึงยิ้มน้อย ๆ ตรงมุมปากก่อนจะตั้งคำถามราวกับหยั่งเชิง
“แน่ใจนะว่าคุณจะไม่เสียใจทีหลัง”
ดอกไม้ที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ควรไปอยู่ตรงไหนดี บนโต๊ะหรือถังขยะ เขาคิดในขณะรอคำตอบจากปากของคุณเลขาแม่ชี
“แน่ใจค่ะ บอสช่วยจัดการหน่อยนะคะ” หญิงสาวพยักหน้ามั่นใจกับคำตอบ
นัยน์ตาของเธอไม่มีความลังเลทำให้อาเรสรู้สึกพึงพอใจโดยไม่รู้ตัว มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลง ช่วยเลขาแม่ชีจัดการดอกไม้ที่อยู่ในมือ และมันก็จะไปอยู่ในถังขยะในอีกไม่ช้าไม่นาน
“ก็ได้ ผมจัดการให้เอง คุณมีอะไรอีกไหม”
“ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะบอส นอกจากหล่อแล้วยังใจดีอีกต่างหาก”
"เราทำงานมาด้วยกันหลายปี ผมเพิ่งเห็นความฉลาดของคุณก็วันนี้แหละ"
ชายหนุ่มเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเท้าเข้าห้องทำงานพร้อมช่อดอกไม้อย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ลูกน้องสาวยืนกะพริบตาปริบ ๆ เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายปากปีจอ แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยเขาเป็นเพื่อนกันคงคุยกันรู้เรื่องแหละ เธอคิดเพื่อความสบายใจ จากนั้นในความคิดของขนมหวานก็มีแต่เรื่องงาน หากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้นที่มีผู้ชายหล่อ ๆ มาจีบ
ทางด้านอาเรสหลังจากเข้ามาในห้องทำงานเรียบร้อย ก็เอาดอกไม้ไปทิ้งถังขยะตามที่คิด และอดจะเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมาไม่ได้ ก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแล้วส่งให้เพื่อนดู
ฝ่ายโน้นจึงไม่รอช้าต่อสายกลับมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมดอกไม้สวย ๆ ถึงได้ไปอยู่ในถังขยะ ขนมหวานไม่ชอบดอกไม้หรือยังไง
อาเรสจึงเล่าให้เพื่อนฟังอย่างละเอียดยิบ บอกทุกคำที่ขนมหวานฝากมาไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว แต่ผู้กองโชติกรณ์กลับไม่รู้สึกเสียใจออกจะชอบด้วยซ้ำ บอกตามตรงเขาไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเลยตั้งแต่เกิดมา ขนมหวานคือคนแรก
“ไม่เป็นไร ยาก ๆ แบบนี้แหละกูชอบ”
“มึงยังจะจีบเขาอีกเหรอ”
"เออ กูจะจีบจนกว่าคุณขนมจะใจอ่อน ตอนเที่ยงเจอกันกูจะไปกินข้าวกับลูกน้องของมึง"
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ผู้กองโชกุนวางสายไปหลังจากพูดจบ
"ไอ้โชเดี๋ยวก่อน โธ่ไอ้บ้านี่มึงจะเอาให้ได้เลยใช่ไหม"
อาเรสวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างแรงก่อนจะถอนหายใจตามหลัง ขนมหวานเจองานยากเข้าให้แล้ว คนอย่างโชติกรณ์ตื๊อเก่งมาก อยากได้อะไรก็ต้องได้ เห็นทีเขาต้องบอกให้เธอเตรียมรับมือกับความหน้าหนาของเพื่อนคนนี้เอาไว้ให้ดี ๆ จะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำง่าย ๆ