ชายหนุ่มยิ้มตอบ เขาไม่เอ่ยตอบทันใด ค่อยๆ เรียบเรียงคำพูด เพื่อที่จะได้ไม่กระทบถึงใครอีกคน ให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“วัยรุ่นป่วนเมืองนะครับ แต่โชคดี รปภ. เข้าไปช่วยทันไม่อย่างนั้นคงเจ็บหนักกว่านี้”
“ไปทำอีท่าไหนกันคะ ถึงถูกถลุงเสียอ่วมแบบนี้”
“ไม่รู้สิครับ!! คงไปขวางหูขวางตาเขาเข้าน่ะ” เขาเอ่ยยิ้ม
หลังซักถามจนได้ความกระจ่าง พวกเธอก็ยังปักหลักไม่ยอมถอยหนี จนรถตู้คันใหญ่ถอยเข้ามาจอดเทียบโดยคนขับรถยนต์สูงวัย ที่รัชนิลจัดการว่าจ้างไว้ให้ เธอเข้าไปคุยกับตรวจสอบเส้นทางการเดินทาง ก่อนจะร้องบอกทุกๆ คนเสียงใส
“รถมาแล้วค่ะ ขึ้นได้เลย ออกช้ากว่านี้แดดจะร้อน ยังต้องไปอีกไกล วันนี้เราจะขึ้นไปดูก่อน แล้วจะกลับมาพักที่โรงแรม แต่พรุ่งนี้เราจะเดินเท้าเปล่าขึ้นไปบนยอดดอย เพราะฉะนั้นของไม่จำเป็นช่วยฝากไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม ในเช้าวันพรุ่งนี้นะคะ”
ทุกคนรีบขึ้นประจำที่นั่งและเป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง รอบๆ ตัวตากล้องหนุ่มสาวๆ ต่างยื้อแย่งที่จะไปนั่งตรงจุดนั้นและรัชนิชลก็กลับมารู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มเหมือนเดิม เนื่องจากเขากลับยิ้มเฉยๆ ไม่ได้ห้ามหรือปฏิเสธเมื่อเกิดเหตุการณ์ชุลมุน แคสเตอร์กำลังเซ็งจนเขาลืมแม้กระทั่งตักเตือนกลุ่มสาวๆ เมื่อเธอยื้อยุดฉุดกระชาก พยายามที่จะนั่งด้านข้างเขา คนที่ต้องการให้มานั่งด้วย ไม่สนใจมองมาสักนิด คนที่ไม่ต้องการกลับพยามแก่งแย่งกันจนเขาเอือมสุดขีด
“ขอโทษครับ ผมขอไปนั่งกับคนขับดีกว่า เพื่อจะถามข้อมูลระหว่างทาง”
เสียงเบื่อหน่ายเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะผุดลุกจากที่นั่งมุดออกไปยืนนอกรถตู้หน้าตาเฉย สาวๆ ทีมงานอ้าปากค้าง เธอหุบปากฉับและพยายามจะแย่งกันลงมาจากรถเพื่อไปแย่งที่ด้านข้างชายหนุ่มเหมือนเดิม
“ลงมาทำไมกันอีกคะ!!? รถจะออกแล้ว ถ้าใครไม่ไปเก็บของเตรียมกลับบ้านได้เลยค่ะ เพราะน้ำค้างจะไม่รอคนที่ไม่มีความพร้อม”
เสียงดุๆ จากผู้หญิงร่างเล็ก แต่แววตาเธอเด็ดเดี่ยว เมื่อเธอเป็นผู้ประสานงาน เป็นตัวแทนของหนังสือพิมพ์สยามถิ่น และเป็นผู้จัดการทุกๆ เรื่อง
“เอ่อ...”
สาวๆ หน้าสลดลงใบหน้าเหลือแค่สองนิ้ว และต่างค่อยๆ ทยอยกลับขึ้นรถยนต์และเงียบเสียงคุยโดยปริยาย
แคสเตอร์แอบอมยิ้ม เขาชื่นชมความเด็ดขาดของรัชนิชล ที่สามารถสกัดความเจ้ากี้เจ้าการของพวกหล่อนได้อย่างชะงัดงัน มาโกโตะเพื่อนร่วมงานชายญี่ปุ่นอีกหนุ่มหนึ่งนั่งอมยิ้มเงียบ เขาไม่ได้หล่อคมเข้มเหมือนแคสเตอร์ แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่เขากลับไม่ได้รับความสนใจเท่ากับแคสเตอร์ เมื่อเขาสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน ในขณะที่แคสเตอร์สูงถึง185เซ็นและใบหน้าคมคายผิดกับสัญชาติเกิด
“คุณก็ขึ้นรถได้แล้วค่ะ ไม่ใช่นายแบบไม่ต้องมายืนโชว์ตัว!!”
“ผมจะขอนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับนะครับ มีข้อมูลอยากถามเขาอีกนิดหน่อย ได้ไหมครับ? คุณ”
“ตรงนั้นที่นั่งของฉันนะคะ คุณไปนั่งกับแฟนคลับคุณนั่นล่ะดีที่สุด!!”
“หึๆ ตามตรงเลยนะคุณผู้คุม ผมเบื่อคนรุมล้อม ขอผมพักสมองซักชั่วครู่ได้ไหม คุณช่วยไปนั่งแทนที่ผมทีสิ ได้โปรด!!”
แคสเตอร์วิงวอนเสียงอ่อน เขาส่งสายตาอ่อนเชื่อมให้รัชนิชล จนเธออดสงสารไม่ได้
“ก็ได้ค่ะ คุณแคสเตอร์ แต่จะไม่มีครั้งต่อไป!! ครั้งหน้าคุณจะต้องแก้ปัญหาตรงส่วนนั้นเอง เพราะฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ทุกครั้ง ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า “เสน่ห์คุณแรงเกินไป” ช่วยลดฟรีโรโมนในตัวลงหน่อยค่ะ มันจะช่วยให้คุณอยู่ได้สบายขึ้น” เธอกระแทกเสียงตอบใบหน้าหวานหงิกงอและดุดัน ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นรถตู้เพื่อรถยนต์จะได้ออกเดินทางตามกำหนดเวลาเดิม
แคสเตอร์ซ่อนรอยยิ้มไว้ใต้สีหน้าเรียบเฉย แม่เสือสาวซัดคำพูดใส่เขาจนหูชา แต่ทุกคำเป็นเพราะเธอเบื่อเรื่องราวชุลมุนที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เธอเอือมจนเหลืออด!! จึงเผลอตัวแสดงความเห็นในมุมมองของเธอให้เขารับรู้ไม่ได้ ชายหนุ่มขำขันเธอยิ่งนัก รัชนิชลเป็นคนเดียวล่ะมั่งที่ต้านทานเสน่ห์ของเขาได้ดี เธอไม่มีปฏิกิริยาสะเทิ้นอายให้เห็นซักกระผีกเดียว แววตาเธอสุดทน!! จึงจัดหนักเขาเสียเต็มที่ เห็นทีจะต้องลดการหว่านเสน่ห์ลงบ้าง เขาเองก็ไม่ได้ชอบวิธีแบบนี้เท่าไร แต่มันเป็นความเคยชิน เมื่อใช้แล้วเขามักจะได้รับความร่วมมือแบบไม่มีข้อต่อรองจนมันติดตัวเป็นนิสัย
“สวัสดีครับผมมาโกโตะ ยินดีที่ได้ทำงานกับคุณรัชนิชลครับ”
“ยินดีเช่นกันคะ เรียกน้ำค้างก็ได้นะคะ รัชนิชลมันเป็นทางการไป เราจะต้องผจญภัยร่วมกันอีกหลายวัน” รอยยิ้มสดใสเธอส่งให้หนุ่มตาตี่ จนแคสเตอร์ที่บังเอิญเห็นใจกระตุก ทีคนอื่นทำไม!! ถึงได้รับรอยยิ้มแบบนั้น แต่กลับเขาเธอพยายามหลบหน้าหลบตาตลอด
เสียงพูดคุยกันเบาๆ ของสองคนที่อยู่ด้านหลัง ทำให้แคสเตอร์สมาธิแตกซ่าน เขาขุ่นขวางไปตลอดการเดินทาง ยิ่งเธอหัวเราะยิ้มแย้มกับคนอื่น (โดยเฉพาะผู้ชาย) เขาก็ยิ่งขวางหูขวางตา มันรู้สึกไม่พอใจและอยากเข้าไปขว้างคนทั้งคู่เอาไว้ อยากเก็บรอยยิ้มแสนหวานนั้นไว้กับตัวเองแค่คนเดียว
“เชิญค่ะ เก็บรายละเอียดได้เต็มที่ ใครอยากสอบถามชาวบ้าน เดินลึกเข้าไปอีกหน่อย แต่เราจะมารวมตัวกันตรงนี้เวลาเที่ยงตรงนะคะ เพราะน้ำค้างจะเตรียมอาหารกล่องไว้ให้ ส่วนน้ำสะอาดอยู่หลังรถค่ะ หยิบไปได้เลยคนละขวด ออ...สองขวดก็ได้ค่ะ แต่อย่าเอาไปเยอะ เพราะมันจะหนักจนคุณอาจจะโยนทิ้งระหว่างทาง เพราะพวกคุณทั้งหมดจะต้องเดินเท้ารถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ วันนี้เราแค่ชิมลางกันก่อน แต่พรุ่งนี้ของจริงเพราะฉะนั้น ช่วยกรุณาแต่งกายให้รัดกุม น้ำค้างจะเตือนพวกคุณทั้งหมดเรื่องสัมภาระอีกครั้งตอนอาหารค่ำ”
รัชนิชลเอ่ยยาวเหยียด ชี้แจงให้ทุกๆ คนเข้าใจตรงกัน เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อน เธอหมุนตัวตรงไปยังกระท่อมหลังเล็กๆ เบื้องหน้า เพื่อเจรจาตั้งสิ่งของเหมือนกับที่เคยมาตระเตรียมไว้เมื่อครั้งก่อน
แคสเตอร์เดินตามคนตัวเล็กไปติดๆ เขากำลังจะเอ่ยปากถาม เธอก็หมุนตัวกลับมาพอดี
“มีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
“เปล่า!!? ผม...”
“คะ”
“คุณแคสเตอร์คะ ไปกันรึยัง ขบวนกำลังจะออกเดินแล้วนะ ลืมอะไรหรือเปล่าเอ่ย?”
ปราณีทีมงานสาวคนหนึ่งในกลุ่มของทีมงานที่ต้องช่วยแคสเตอร์รวบรวมข้อมูล และเธอก็เป็นแฟนคลับคนหนึ่งของแคสเตอร์ เธอวิ่งเข้ามาเกาะแขนเขา เอียงคอมองทั้งสองคนด้วยความสนใจ ดวงตาคมเฉียบเพ่งมองรัชนิชลก่อนจะหรี่ตามองเธอเสียใหม่ ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้สวยเฉียบบาดตาแต่หากพินิจพิจารณาดีๆ เธอก็สะสวยไม่น้อยหน้าใครๆ เมื่อรูปร่างสูงโปร่งอกอิ่มสะโพกผาย ที่สาวๆ ส่วนใหญ่อยากมี พยายามกันแทบเป็นแทบตายกว่าจะได้สัดส่วนยวนตาแบบนั้นมาแต่...ยัยผู้หญิงหน้าจืดตรงหน้า มีทุกสิ่งที่สาวๆ ทุกคนอยากมี แต่เธอกลับซ่อนความงามนั้นไว้ใต้เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ปิดบังอำพรางซ่อนไว้จากสายตาคนอื่นๆ แปลก!! นั้นคือสิ่งที่ปราณีไม่เข้าใจ
“จะไปกันแล้วรึ!! ไปก็ไปครับ เดี๋ยวสายแดดจะร้อนเปล่าๆ ผมไปนะน้ำค้าง”
“ค่ะ เดินทางระวังนะคะ อย่าแตกแถว ทางยังรกชันอยู่มาก หากคุณไม่ไปตามเส้นทาง อาจจะหลงออกจากลุ่ม” เธอเอ่ยเตือนชายหนุ่มแผ่วๆ เพราะมีไกด์นำทางให้ แต่เธอต้องคอยเตรียมอาหารมื้อกลางวัน จึงไม่สามารถตามไปอำนวยความสะดวกได้ หากเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน
“ครับ”
แคสเตอร์ยิ้มรับ ดวงตายาวรีหรี่ลง ก่อนจะค่อยๆ หลุบเปลือกตาปิดบังความไม่พอใจเก็บเอาไว้กับตัว ยังมีเวลาอีกหลายวันนับจากวันนี้ เขาและเธอคงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกว่าเก่า
รัชนิชลหมุนตัวกลับ เธอส่งเสียงทักทายสาวน้อยชาวเขาที่อาศัยอยู่ในกระท่อมด้วยเสียงร่าเริง เด็กสาวยิ้มรับเธอวางลูกน้อยใว้ในเปลผ้าข้าวม้าเก่าๆ ก่อนจะเดินออกมายังด้านนอก
“คุณมาแล้วเหรอคะ หนูเตรียมของไว้พร้อมแล้วค่ะ จะลงมือเลยไหมคะ!!?”