-5-
แรกพบ
เธอยืนอยู่หน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ ในมือคือแฟ้มเอกสารรายงานตัวที่ต้องยื่นภายในวันนี้ กลิ่นของฝนที่เพิ่งตกหมาดๆ ทำให้อากาศสดชื่น บรรยากาศแห่งการเริ่มต้นใหม่เต็มไปด้วยพลังงานอันมีชีวิตชีวา
ซูซือเหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน กระโปรงสีดำยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อย รองเท้าสีขาวเป็นรอยโคลนเล็กน้อย เธอในวัยสิบแปดปีมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตซึ่งมีแพขนตาหนาล้อมกรอบเหมือนพัด คิ้วโก่งสวย จมูกโด่ง กลีบปากสีพีชน่าสัมผัส ทว่าแว่นตาสี่เหลี่ยมบนใบหน้านั้นเหมือนเป็นเกราะป้องกันความสวยงามของเธอ หญิงสาวมีปัญหาทางด้านสายตาและไม่สามารถมองแสงโดยตรงได้ หมอบอกว่าเกิดจากกรรมพันธุ์ เพราะคนในครอบครัวซูล้วนแต่มีปัญหานี้กันทั้งนั้น แต่เมื่ออายุราวยี่สิบห้าก็จะกลับมาเป็นปกติ
ผมของซูซือเหยียนยาวตรงและสีดำสนิทเหมือนกำมะหยี่
ใครบางคนมักจะหยอกล้อว่าเธอเหมือนสโนว์ไวท์เพราะผิวขาวจัดของเธอ แต่ว่าเธอกลับไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
ซูซือเหยียนเรียนเอกคอมพิวเตอร์ ความถนัดของเธอทำให้ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์มากกว่าสิบชั่วโมงต่อวัน สาเหตุที่ผิวของเธอขาวจัดอาจเป็นเพราะเธอไม่ค่อยออกไปข้างนอกบ้านนัก หลังจากที่สอบติดมหาวิทยาลัย S จึงเป็นครั้งแรกที่เธอออกมาสู่โลกกว้าง
ใบหน้าของเธออาจถูกมองว่าเป็นใบหน้าที่สวยงาม แต่ซูซือเหยียนเริ่มมีปัญหาการแพ้สารเคมีเมื่อเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ สิวที่น่าเกลียดนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง สุดท้ายแล้วซูซือเหยียนก็เลือกหนทางแห่งความสบายใจ นั่นก็คือไม่แคร์สายตาคนนอก เธอมักจะสวมแว่นตา เลิกแต่งหน้าและเป็นผู้หญิงที่ตกแฟชั่น
ยังดีที่ซูซือเหยียนเป็นคนรักเส้นผมมาก เธอจึงดูแลมันเป็นอย่างดีเพราะมันคือของขวัญที่สวรรค์ประทานให้ อย่างน้อยเพื่อนก็ยังล้อเธอว่าผู้ชายอาจจะมองผมของเธอก่อนที่จะมองหน้าของเธอ
หญิงสาวรู้ว่ามันเป็นตลกร้าย แต่เธอภาคภูมิใจกับมัน
หลังจากละล้าละลังว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ซูซือเหยียนก็สังเกตเห็นป้ายชมรมบาสเกตบอลซึ่งมีคนนับร้อยยืนต่อคิวกันอยู่
แม่ของเธอบอกว่าเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยให้เลือกเข้าชมรมที่มีคนเยอะๆ เธอจะได้หาเพื่อนได้ง่ายขึ้น อีกอย่างเผื่อว่าจะมีผู้ชายหลงผิดมาจีบเธอ คนในตระกูลซูจะได้เลิกเป็นห่วงว่าเมื่อซูซือเหยียนเรียนจบมาจะขึ้นคาน
หญิงสาวไม่ถือเป็นจริงเป็นจังนัก แต่ว่าชมรมบาสเกตบอลเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจของเธอ
ซูซือเหยียนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตร เคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนเมื่อตอนมัธยม ฝีมือของเธอไม่เรียกว่าเป็นมือโปร แต่ก็ยังถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเล็กๆ คนหนึ่ง
“ต่อแถวทางนี้แล้วลงชื่อก่อน โอกาสสามครั้ง ย้ำ! โอกาสสามครั้ง ชู้ตเข้าได้ก็เข้าชมรมได้เลย ชมรมบาสเกตบอลของเราไม่ต้องการคนที่ไร้ประโยชน์” เสียงประกาศผ่านโทรโข่งนั้นดังกลบเสียงโวยวายของบรรดาหนุ่มสาวที่ยืนออกันได้ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ามีสิวเล็กน้อย แต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนที่ดูดีคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาว ดูเหมือนว่าจะเป็นประธานชมรม
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งแทรก ผมรู้ว่าพวกคุณต้องการเข้าชมรมของเรา แต่ว่าพื้นที่มีจำกัด เราไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์”
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่เข้าหัวของคนอื่นเท่าไร ไม่มีใครสนใจเพราะหวังแต่จะเริ่มการทดสอบไวๆ
“อยากเข้าชมรมบาสเหมือนกันเหรอ” ผู้ชายคนหนึ่งอยู่ๆ ก็ถามขึ้น ซูซือเหยียนหันไปมอง เธอรู้สึกตาพร่าเล็กน้อยเมื่อเห็นออร่าของเขา
‘ต้าเสิน[1]’คุณมาจากไหนกัน
ซูซือเหยียนมองเขาด้วยสายตางุนงง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ออร่าที่แผ่ออกมาทำให้รัศมีโดยรอบเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสว่างไสว เขาเหมือนสายลมในยามค่ำคืน สง่างาม น่าค้นหาและชวนให้ผู้คนวางใจ
“ฉัน...ฉันกำลังคิดอยู่” เธอตอบโดยอัตโนมัติ
“คิด? เธอไม่ได้มีเป้าหมายเหมือนคนพวกนั้นเหรอ” เขาถาม สายตาไม่ได้มองเธอ แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความขบขัน
เหมือนมองเรื่องตลก
ซูซือเหยียนขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกๆ “เป้าหมายอะไร”
“เดาสิ?” เขาหลุบสายตามองเธอ
ซูซือเหยียนเห็นขนตาของเขาแล้วอดชื่นชมไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ตาสวยจัง
“ถ้าเป็นสาวๆ อาจตามมาเพราะผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผู้ชายคงอยากเข้าเพราะไอดอลละมั้ง”
“อืม”
“หือ...” เธอมองเขา รู้สึกตลกเล็กน้อย “จริงเหรอ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “แล้วเธอล่ะอยากเข้าไปทำไม”
อยากเข้าชมรมบาสเกตบอล แน่นอนว่าต้องชอบบาสเกตบอล ต้องมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ “ฉันอยากเข้าชมรม ต้องมีเหตุผลอะไรอีก”
เขาดูแปลกใจ “เธอเล่นบาสฯ เป็น?”
ซูซือเหยียนพยักหน้า “พอได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญไปทดสอบ”
“แต่ว่าคนเยอะมาก บางทีคนอาจจะเต็มก่อนที่จะได้ทดสอบ” ซูซือเหยียนกระตุกยิ้ม ไม่ได้สนใจอีก สายตามองไปยังป้ายของชมรมศิลปะที่อยู่ไม่ไกล แต่คนดูหร็อมแหร็ม “บางทีเข้าชมรมอื่นก็ไม่น่าเบื่อมากนัก”
“ต้าเฉา มีคนจะทดสอบ” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูด เขาตะโกนเรียกคนชื่อต้าเฉาแล้วผลักเธอไปที่หน้าแป้นบาสฯ “ผู้หญิงคนนี้เล่นบาสฯ เป็น”
“อ๊ะ” ซูซือเหยียนตกใจจนเกือบล้ม แฟ้มในมือของเธอถูกผู้ชายคนนั้นแย่งไปถือ เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าเขาชี้นิ้วไปยังแป้นบาสอย่างวางอำนาจ เธอฉุนเล็กน้อย เดิมทีคิดจะเดินหนี แต่ว่าต้าเฉากลับคว้าแขนเธออย่างรวดเร็วพร้อมกับทำสายตาเหมือนพบเจอสมบัติ
“คุณผู้หญิง เชิญทดสอบ!” เขากวัดมือให้คนโยนลูกบาสมาให้
“เอ่อ รุ่นพี่คะ แต่ว่ามีคนรอต่อคิวอยู่นะ” ซูซือเหยียนรู้สึกเหมือนกำลังโดนสายตาขู่ฆ่าจากผู้หญิงส่วนใหญ่
ต้าเฉาจิ๊ปาก “พวกนี้ไม่มีใครเล่นบาสเป็นกันเลย ที่เห็นเยอะๆ คือคนที่ทดสอบไม่ผ่านแล้วมาทดสอบใหม่ น้องสาวได้โปรดลองทดสอบดูหน่อยเถอะ”
“อะไรกันรุ่นพี่ พวกเราทดสอบตั้งหลายรอบ ให้ผู้หญิงคนนั้นทดสอบก่อนได้ยังไง” ผู้หญิงคนหนึ่งโวยวาย
“แต่ว่าเธออาจจะไม่ผ่านก็ได้นะ”
“นี่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีแต่ขี้เลื่อยในสมองเหมือนพวกเธอนะ” พวกผู้ชายมองผู้หญิงเหล่านั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม “วิ่งตามผู้ชายเหมือนหมาบ้า”
“คนขี้เหร่อย่างพวกนายสามารถด่าคนอื่นได้ด้วยหรือไง ไม่ดูตัวเอง!” พวกผู้หญิงโมโห
บรรยากาศระหว่างชายหญิงเริ่มมาคุ ต้าเฉารีบสั่งให้คนในชมรมไปห้ามปราม “น้องสาว ไม่ต้องคิดมา พวกนี้มาห้ารอบ ชู้ตไม่เข้าห้ารอบ ฉันหมดหวังแล้วล่ะ”
ซูซือเหยียนยิ้มแห้ง ไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ อีก หญิงสาวจับลูกบาสในมือ สูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสมาธิ สายตาของเธอมีแต่แป้นบาสตรงหน้า
การชู้ตลูกโทษค่อนข้างเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนสามารถทำได้หากมีสมาธิและการฝึกซ้อมเพียงพอ
สวบ!
“เห้ย! เข้าแล้ว น้องสาวชื่ออะไร ลงชื่อเร็วๆ” ต้าเฉากระโดดดีใจเหมือนคนถูกแจ็กพ็อต
“เอ่อ...”
ผู้หญิงที่เหลืออ้าปากค้าง “เป็นไปไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นเล่นบาสฯ เป็นหรือไง”
ชายหนุ่มทั้งหลายมองซูซือเหยียนเหมือนเห็นของแปลก “น่าแปลก ผู้หญิงส่วนใหญ่ในมหา’ลัย S ไม่ค่อยมีคนเล่นบาสเกตบอล”
“นั่นสิ”
ซูซือเหยียนงุนงงเล็กน้อย ลงชื่อเข้าชมรมแต่โดยดี ต้าเฉาเห็นชื่อและคณะของเธอแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ “โอ้...สาขาคอมพิวเตอร์”
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่มีอะไร แปลกใจที่ภาควิชานี้ไม่ค่อยมีผู้หญิงน่ะ”
“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“อาทิตย์หน้าเป็นวันเปิดชมรม พวกเราจะแจ้งใน wechat นะ”
“ได้ค่ะ”
[1] ท่านเทพ,มหาเทพ,คำอวยไอดอล