เซตนี้มีนิยายสองเรื่องคือ คุณอาเถื่อน และ คุณอาน่าหม่ำ
คุณอาเถื่อน
เมื่อเดินทางมาถึงศาลาวัดแห่งหนึ่ง ‘ลูกแก้ว’ สาวน้อยในวัยใกล้แตะยี่สิบ รู้สึกตัวเบาหวิว ในสมองของหล่อนโหวงๆ ใจหาย มือไม้อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ก้าวลงมาจากรถตู้พร้อมกับความรู้สึกสูญเสียที่ยากจะบรรยาย
“ฮือๆ… คุณพ่อคะ… คุณพ่อทิ้งแก้วไปกะทันหันแบบนี้แก้วจะอยู่กับใครคะ… ฮือๆ”
สาวน้อยร้องไห้จนตาแดงก่ำ เดินตรงไปยังโลงซึ่งฉาบเอาไว้ด้วยสีทองอร่าม สลักเสลาเป็นลวดลายเครือเถาและประจำยามวิจิตรบรรจง รอบๆ โลงศพประดับประดาไว้ด้วยดวงไฟเล็กๆ หลากสีสัน กระพริบพราวไปกับดอกกุหลาบสีขาว ประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงาม เคียงขนาบด้วยพวงหรีดมากมาย ตั้งเรียงรายออกไปทั้งซ้ายขวา
มีพวงหรีดดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ สะดุดตาของลูกแก้วเข้าอย่างจัง ตั้งไว้บริเวณด้านหน้าสุด ที่มุมด้านล่างคาดเฉียงไว้ด้วยตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีดำ มีข้อความเขียนเอาไว้ชัดเจนว่าพลตรี ‘เถื่อนทิศ’ นายตำรวจผู้เป็นเจ้าภาพของงานสวดพระอภิธรรมในคืนนี้
เถื่อนทิศยืนมองอยู่ห่างๆ รู้สึกสงสารหญิงสาวขึ้นมาจับใจ ‘ดาบยิ้ม’ พ่อของหล่อนเป็นลูกน้องของเขาที่ต้องมาจบชีวิตเพราะความผิดพลาดในการวางแผนจับกุมขบวนการยาเสพติดรายใหญ่
“แก้ว… ”
เถื่อนทิศเดินเข้ามาหา เรียกชื่อหล่อน หญิงสาวหันมายกมือไหว้
“ไม่ต้องร้องไห้นะลูก… ต่อไปอาจะเป็นคนดูแลหนูเอง”
หนุ่มใหญ่ ตัวใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตา กล่าวกับสาวน้อยที่ยังตกอยู่ในอาการเศร้าโศกไม่คลาย ด้วยก่อนตาย ดาบยิ้มบิดาของหล่อนได้สั่งเสียเอาไว้ ฝากให้เถื่อนทิศช่วยดูแลลูกสาวของเขาต่อไป เพราะว่าตอนนี้ลูกแก้วไม่มีญาติที่ไหน
“ขอบคุณค่ะคุณอา… ฮือๆ”
หญิงสาวโผเข้ากอดร่างกำยำเอาไว้แน่น แนบใบหน้าซุกอกกว้างในเครื่องแบบสีกากีสุดองอาจของนายตำรวจหนุ่มใหญ่
“คนดี… ไม่ต้องร้องไห้”
หนุ่มใหญ่โอบกอดร่างเล็ก ลูบหลังปลอบประโลมด้วยความสงสารลูกกำพร้าจับใจ ด้วยตอนนี้ลูกแก้วไม่มีทั้งพ่อและแม่
“หนูไม่คิดว่าคุณพ่อจะจากไปเร็วแบบนี้”
พูดแล้วน้ำตาของลูกแก้วก็ไหลออกมาอีก แม้ตอนนี้อยากจะกอดร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นบิดาสักแค่ไหน หากก็ทำได้เพียงก้มกราบด้วยธูปดอกเดียวในมือซึ่งสั่นน้อยๆ
ลูกแก้วไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าการได้เจอหน้าดาบยิ้มผู้เป็นบิดาเมื่อวานเย็น… จะเป็นครั้งสุดท้ายของการพบกัน
“อย่าร้องไห้เลยนะ คุณพ่อของหนูไปดีแล้ว… อาสัญญาว่าจะดูแลหนูตลอดไปให้ดีที่สุด”
อีกสามเดือนต่อมา
เถื่อนทิศตัดสินใจเกษียณตัวเองออกมาจากอาชีพตำรวจที่ทำด้วยความรักมาตลอดหลายปี ด้วยไม่อาจทนอยู่กับฝันร้ายที่มักจะผุดเข้ามาหลอกหลอน รบกวนจิตใจเขาอยู่เสมอทั้งในยามหลับนอน
เขายังไม่ลืมภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้น วันที่ตำรวจชั้นผู้น้อยหลายรายต้องมาเสียชีวิตลงเพราะการวางแผนจับกุมพ่อค้ายาเสพติดระดับชาติที่เกิดความผิดพลาด
ตำรวจเหล่านั้นมีลูกเมียให้ต้องดูแล แม้ว่าทางการจะช่วยเหลือเยียวยาด้วยการเลื่อนชั้นยศให้ผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่อาจลบล้างรอยแผลในใจของเถื่อนทิศ ในฐานะผู้สั่งการจู่โจม ด้วยประเมินศักยภาพของคนร้ายต่ำเกินไป หารู้ไม่ว่าพวกมันมีอาวุธสงครามราวกับคลังแสง สาดกระสุนตอบโต้ตำรวจจนเกิดการสูญเสียอย่างที่เห็น
ภายหลังอำลาจากชีวิตตำรวจ เถื่อนทิศตัดสินใจมาซื้อที่ดินหลายไร่ในจังหวัดเชียงรายเพื่อทำไร่กาแฟ
แม้ว่าทุกวันนี้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ได้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติด้วยเงินบำนาญโดยไม่ต้องทำงาน แต่เถื่อนทิศก็เลือกที่จะย้ายบ้านไปอยู่เชียงราย เขาอยากหนีอดีตเก่าๆ ออกไปให้พ้นจากความทรงจำเก่าๆ อยากมีบั้นปลายชีวิตเงียบสงบอยู่กับป่าเขาลำเนาไพร
สามเดือนที่ผ่านมา หลังจากเรื่องเศร้าๆ ในชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว สภาพจิตใจของเถื่อนทิศฟื้นฟูได้รวดเร็วมาก เช่นเดียวกับลูกแก้ว สาวน้อยที่ต้องมาอยู่ในความดูแลของเขา
ในเวลาต่อมา
“ป้าคำหล้าคะ… วันนี้อาเถื่อนยังไม่ลงมาหรือคะ”
ลูกแก้วเหลือบตามองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องนอนที่อยู่ชั้นสองของบ้าน เอ่ยถามกับ ‘ป้าคำหล้า’ แม่บ้านวัยเกือบหกสิบปีที่เถื่อนทิศจ้างมาทำงานบ้านพร้อมกับ ‘ลุงหนาน’ ผู้เป็นสามีของหล่อน มีหน้าที่ดูแลงานสวนและคนงานในไร่กาแฟ ลุงหนานเป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานขยันขันแข็งจนเถื่อนทิศไว้ใจให้เป็นหัวหน้าคนงานในไร่กาแฟ
“อ๋อ… วันนี้พ่อเลี้ยงออกไปไร่ตั้งแต่เช้าแล้วค่ะหนูแก้ว”
ป้าคำหล้าวางมือจากงานตรงหน้าชั่วขณะเพื่อหันมาตอบหญิงสาว
ผู้คนในไร่พากันเรียกเถื่อนทิศว่า ‘พ่อเลี้ยง’ เหมือนคำเรียกขานผู้เป็นนายของคนเหนือ ลูกแก้วก็พลอยเรียกตามไปด้วย
“หนูขอยืมจักรยานนะคะป้า”
ได้ยินที่ป้าคำหล้าบอก ว่าเป้าหมายของหล่อนอยู่ตรงไหน ลูกแก้วไม่รอรี รีบเดินไปคว้ารถจักรยานสีแดง จอดไว้ใต้ต้นมะม่วงข้างครัว ขึ้นคร่อมแล้วปั่นออกไปท่ามกลางประกายแสงแดดของยามเช้า มุ่งตรงไปยังทิศทางของไร่กาแฟในทันที
“หนูแก้วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งสวย… แม่คุณเอ๊ยหน้าตายังกับนางฟ้าในไร่กาแฟ ทรวดทรงยังกับนางแบบแน่ะ”
ป้าคำหล้าหันมากล่าวกับสามี ตามองตามหญิงสาวขี่จักรยานจนแล่นลับไปจากสายตา
“ใช่… เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งสวย ข้าว่าถ้าเป็นแบบนี้โคแก่อย่างพ่อเลี้ยงเถื่อนจะตกหลุมรักหญ้าอ่อนอย่างหนูแก้วเข้าสักวัน”
ลุงหนานแสดงความเห็น
“นั่นสิ… ดูสายตาของหนูแก้วตอนมองพ่อเลี้ยงสิ… ฉันว่ามันเป็นสายตาของผู้หญิงมองผู้ชายชัดๆ… ไม่ใช่สายตาของเด็กสาวที่มองผู้ปกครองเลยสักนิด”
ป้าคำหล้าช่างสังเกต มองว่าการที่พ่อเลี้ยงเถื่อนทิศเอาลูกแก้วมาอยู่ร่วมชายคา มันเหมือนกับการเอาน้ำตาลมาไว้ใกล้มด เอาน้ำมันมาวางไว้ใกล้ไฟ… จะสปาร์คกันวันไหนก็ไม่รู้