"ว้าย! คุณ!!.."
ร่างบางร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อร่างสูงอุ้มเธอขึ้นแนบอกท่ามกลางสายตาลูกค้าในร้าน
"อยู่เฉยๆ จะพาไปทำแผล"
"ฉันเดินเองได้!"
"อย่าดื้อ"
หมอลูกครึ่งเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนอุ้มเธอขึ้นรถและพากลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อทำแผลให้
....
และเหตุการณ์ที่ทำให้ดาราสาวรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี คือเขาอุ้มเธอเข้าโรงพยาบาลฝ่าสายตามากมายที่มองด้วยความอยากรู้และสงสัย
ถึงจะผ่านกล้อง-การแสดงมาเยอะ แต่ครั้งนี้มันให้ความรู้สึกคนล่ะแบบ ไม่รู้ทำไมแต่ละออรู้สึกว่านี้เป็นครั้งแรกที่อายที่สุดในชีวิตตลอดยี่สิบเก้าปีที่เกิดมา
ต่างจากหมอลูกครึ่งที่ดูนิ่งและชิวมาก ยอมใจในความเป็นทองไม่รู้ร้อนของอีกฝ่ายจริงๆ
"เจ็บมากมั้ย?"
"ไม่ค่ะ โอ้ย! เบาๆสิคุณ!!"
ร่างบางร้องเสียงหลงและพยายามชักเท้าหนีเมื่อน้ำหนักมือที่กดบนแผลแรงขึ้น
แต่เขากลับยึดขาเธอไว้แน่นจนขยับไปไหนไม่ได้
นี้สรุปเขาจะรักษาให้ หรือจะทำให้เธอเจ็บมากกว่าเดินกันแน่ หมอบ้าอะไรมือหนักชะมัด
"อยู่นิ่งๆ"
หมอลูกครึ่งที่ทำแผลให้หันมาดุก่อนจะตั้งใจทำแผลให้เธอ ซึ่งครั้งนี้เขาเบามือกว่าครั้งแรกมาก ดาราสาวจึงเผลอมองอีกฝ่ายทำแผลให้อย่างเพลินๆ
"ขอบคุณค่ะ"
จู่ๆใจแกร่งเผลอเต้นแรงเมื่อร่างบางเอ่ยขอบคุณเสียงหวานกับรอยยิ้มใจละลาย ระยะห่างที่ไม่มากกับสัมผัสเรียวขาเนียนทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
ได้แต่มองหน้าคนตรงหน้านิ่งๆทั้งๆที่ในหัวคิดอยากดึงเธอเข้ามาจูบให้หน่ำใจ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้
ทำได้เพียงซ่อนความรู้สึกที่มีภายใต้บนหน้าเรียบเฉย
"ทายาและประคบเย็นให้แล้ว อาจจะมีปวดบวมนิดหน่อยเดียวจ่ายยาให้เอากลับไปกิน ถ้าถึงบ้านแล้วก็ควรประคบเย็นสัก 10-20 นาที มันจะช่วยลดอาการบวมได้"
หมอหนุ่มเอ่ยขณะเก็บอุปกรณ์ทำแผลไว้เป็นระเบียบตามเดิม
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ทำแผลให้"
ดาราสาวเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของหมอลูกครึ่ง แต่ร่างสูงกลับยืนนิ่งก่อนหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ
"..หรือจะเปลี่ยนจากจ่ายยาเป็นฉีดยาดี"
คำพูดล่อแหลมทำละออหายใจติดขัด ก่อนจะแกล้งเสียงดังใส่อีกฝ่าย
"ฉีดยาอะไรของคุณ! ฉันไม่ฉีด! ฉันกลัวเข็ม!"
"หึ"
หมอลูกครึ่งหัวเราะใส่หนึ่งที ก่อนเดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็นมาให้ร่างบาง
"จะว่าไป.. คุณก็ดูมีน้ำใจเหมือนกันนะคะ"
ดาราสาวเอ่ยชมอีกฝ่ายทำแผลให้โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ ตอนแรกก็นึกว่าเขาจะปล่อยผ่านไม่สนใจซะอีก
"อย่าเพิ่งคิดว่าฉันเป็นคนดี ถ้ายังไม่รู้จักฉันดีพอ ละออจันทร์"
คำพูดนั้นทำดาราสาวแปลกใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามอะไรก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่เขาใช้ทำงานดังขึ้น
"อืม เดียวฉันลงไป"
หลังรับสายเขาก็พูดไม่กี่คำ ก่อนหันมาพูดกับเธอ
"รออยู่นี้อย่าไปไหน เดียวฉันรีบกลับมา"
พูดจบเขาก็ออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ
ดาราสาวได้แต่มองตามทำตาปริบๆไม่เข้าใจว่าจะให้รอทำไม ในเมื่อตัวเองต้องทำงานและเธอก็อยากกลับบ้าน เพราะตอนนี้ร่างกายต้องการเตียงสุดๆ
แต่สุดท้ายดาราสาวก็เลือกจะนั่งรอหมอลูกครึ่งนานถึงสองชั่วโมงแต่เขาก็ยังไม่กลับมา ในขณะที่หนังตาเธอเริ่มไม่ไหวจึงเผลอหลับไปบนโซฟาตัวใหญ่ในเวลาต่อมา
-ด้านบาสเตียน-
หลังจากที่เขาเคลียร์เคสด่วนเสร็จ ก็รีบขึ้นมาหาร่างบางก่อนจะเห็นว่าเธอหลับอยู่
มุมปากหยักยกยิ้มก่อนเดินมานั่งลงข้างๆร่างบาง มือหนายกขึ้นปัดปอยผมสลวยออกจากใบหน้างามอย่างเบามือ
เผยให้เห็นความสวยงามยามหลับใหลของคนตัวเล็กจนเขาอดใจไม่ไหว ประทับริมฝีปากหนาบนพวงแก้มนุ่มอย่างอ่อนโยนด้วยกลัวว่าคนอีกคนจะตื่น
บาสเตียนไม่อยากให้ดาราสาวตื่นกลัว เขาจึงพยายามค่อยๆเข้าหาเธอทีละนิด
....
ดาราสาวลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ก่อนจะเห็นว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องทำงานหมอลูกครึ่ง แต่กลับเป็นรถของตัวเองโดยมีเขาเป็นคนขับพาเธอมาส่งถึงที่บ้าน
"ถึงแล้วทำไมคุณไม่ปลุกฉันคะ?"
น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถามหมอลูกครึ่ง ก่อนมองไปรอบๆตัวก็เห็นสูทสีเข้มห่มกายไว้อยู่
"ปลุกแล้วแต่ไม่ตื่น"
ร่างบางไม่ได้พูดอะไรนอกจากถอดเสื้อสูทคืนให้หมอลูกครึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับมองนิ่งๆไม่ได้ยื่นมือมารับกลับไป
"ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ส่วนนี้เสื้อคุณค่ะ"
"ใช้แล้วก็ควรซักแล้วค่อยคืนไม่ใช่หรอ"
"แต่มันก็ไม่ได้เปื้อนอะไรนี้คะ"
หญิงสาวพูดพร้อมมองสำรวจเสื้อเขาโดยละเอียดอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
พอมองหน้านิ่งๆของอีกฝ่ายก็เข้าใจว่าเสื้อมันถูกใช้แล้ว ก็คงอยากให้เธอซักแล้วเอามาคืน ตามสไตล์คนรักสะอาด
"เดียวฉันเอาไปซักให้ก็ได้ค่ะ"
มุมปากหนายกยิ้มพอใจ
แต่มันกลับทำให้ดาราสาวใจเต้นแรงจนเธอต้องเบือนหน้าหันหนีไปอีกทาง ไม่รู้เพราะอะไร แต่รอยยิ้มนั้นมันมีอิทธิพลต่อใจเธอไม่น้อย
-สามวันต่อมา-
ตลอดสามวันที่ผ่านมาหมอลูกครึ่งได้แวะมาตรวจดูอาการข้อเท้าเธอทุกวัน ทำให้เรื่องที่เรา(แกล้ง)เป็นแฟนกันรู้ถึงหูพ่อแม่เธอ
ในตอนแรกคุณพ่อคัดค้านไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่พอคุณแม่ดึงไปคุยเท่านั้นแหละ ปล่อยผ่านเฉยเลย
เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไปคุยกันอีท่าไหน คุณพ่อขี้หวงถึงยอมให้เธอมีแฟน (ถึงจะเป็นแฟนปลอมๆก็เหอะ) แน่นอนว่าเรื่องนี้ท่านไม่รู้
"มาหาทุกวันแบบนี้ คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรอคุณ"
ร่างบางที่เดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกเอ่ยแซวหมอลูกครึ่ง ส่งผลให้อีกคนนิ่งไม่ยอมตอบ
"ฉันล้อเล่นนะคุณ แหม~ทำหน้าจริงจังไปได้"
ดาราสาวรีบเอ่ยต่อทันที เมื่อเห็นอีกคนเงียบทำหน้าตึงใส่
หมอลูกครึ่งไม่ได้พูดอะไรทำเพียงตรวจดูข้อเท้าเธอตามปกติ ซึ่งต้องบอกว่ามันหายดีแล้วเพราะเธอสามารถใส่รองเท้าส้นสูงได้เหมือนเดิม
แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะมาทำไมทุกวันเพราะเธอไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลย
"ไปดูหนังมั้ย"
"นี้คุณชวนฉันไปดูหนังหรอ?"
ดาราสาวเอ่ยทวนคำชวนของอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู เพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยก่อน
"แล้วสรุปจะไปไหม"
เมื่อเห็นท่าทีเริ่มรำคาญดาราสาวจึงรีบตอบตกลง เพราะนี้จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้เธอได้สังเกตุพฤติกรรมของอีกฝ่าย
"ไปสิคุณ งั้นฉันขอไปเปลี่ยนชุดแปบ"
พูดจบก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนชุดทันที พร้อมในหัวนึกแผนการบางอย่างออกจึงยกโทรศัพท์หาผู้จัดการสาวทันที
"พี่ตังเม พี่ช่วยติดต่อเด็กในสังกัดให้มาแสดงละครหลอกๆกับละออหน่อยสิ"
[จะเอาไปหลอกใครอีกคะคุณน้อง]
เสียงอ่อนใจจากผู้จัดการสาวเอ่ยขึ้น ในขณะที่ดาราสาวยิ้มนัยน์ตาเจ้าเล่ห์
"เอาน่า ขอหนุ่มหน้าหวานสไตล์น่ารักตะมุตะมิน่าถะนุถนอม พอมีมั้ยพี่"
[ถ้าจะเอาไทป์นั้นก็มีน้องจิน เดียวฉันเอาเบอร์น้องเขาให้แล้วเธอไปคุยเอาเองนะ]
"ขอบคุณค่ะ"
หลังวางสาย ละออลอบมองหมอลูกครึ่งที่นั่งอยู่ในห้องรับรองแขกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า ไปดูหนังทั้งทีจะให้ไปเฉยๆก็น่าเสียดายแย่ คุณน้าอุตสาไว้ใจให้เงินมาตั้งเยอะ เธอก็ต้องทำให้เต็มที่สิ
---ツ---