ดาราสาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจในคำพูดนั้น ต่างจากแววตาคมที่เปล่งประกายระยับแฝงเล่ห์กล
"แกล้งเป็นแฟนฉัน"
"ห๊ะ!!"
เกิดความเงียบขึ้นสักพักเมื่อดาราสาวได้ฟังแบบนั้น เธอไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ และไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดสุดโต่งแบบนี้
ดาราสาวตกอยู่ในห้วงความคิด จนไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูของร่างสูง
"ฉันรู้ว่าแม่ฉันคงไม่ได้ให้เธอมาช่วยฟรีแน่ๆ และฉันยินดีจ่ายให้มากกว่าสองเท่า"
สองเท่า!! ...เท่ากับ... ยี่สิบล้าน!!!
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากอย่างเก็บอาการไม่อยู่ ถ้าเธอแกล้งเป็นแฟนเขาตบตาแม่เขา ก็ได้เงินมาใช้ฟรีๆตั้งยี่สิบล้าน!!
แต่เดียวนะ..! มันจะง่ายไปป่ะ.. แค่แกล้งเป็นแฟนเขาจะได้เงินมาใช้ฟรีๆจริงหรอ? มันดูไม่ชอบมาพากลอยู่นะ
ละออคิดทบทวนในหัวอย่างชั่งใจ ถึงในใจลึกๆ เธอจะเอนเอียงไปทางเงินแล้วก็เหอะ แต่ความมีเหตุผลของตัวเองมันกำลังค้านอยู่ลึกๆให้เธอคิดดีๆ
"การแกล้งเป็นแฟนฉันไม่ใช่เรื่องง่าย และถ้ามันสามารถกลบข่าวลือไร้สาระปัญญาอ่อนพวกนั้นได้ สำหรับฉันถือว่าคุ้ม เพราะฉันไม่ชอบความวุ่นวายและไม่ชอบให้ใครเข้าใจผิด"
ร่างสูงเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าดาราสาวกำลังคิดอะไร
"แต่แม่คุณให้ฉันมาตั้งสิบล้านเลยนะคะ คุณจะไหวหรอ?"
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก"
"งั้นฉันตกลงค่ะ"
ร่างบางตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่ออีกฝ่ายดิวตัวเงินมาแบบนั้น จะความไม่ชอบมาพากลอะไรก็ช่างเหอะตอนนี้เงินสำคัญที่สุด
และเธอถือคติที่ว่า 'เงินมางานเดิน' ถ้าอีกฝ่ายพร้อมจ่าย เธอก็พร้อมทำงานให้แบบไม่ติดขัด
....
ก่อนที่เขาจะพาเธอมายังห้องทำงานของตัวเอง เพื่อร่างสัญญาการเป็นแฟนปลอมๆ ของพวกเรา
ที่ต้องร่างสัญญาก็เพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตของเราทั้งคู่ ว่าอีกฝ่ายจะทำตามสัญญาและไม่ละเมิดข้อตกลงเด็ดขาด
ซึ่งรายละเอียดคร่าวๆก็จะเป็นเรื่องการทำหน้าที่แฟน ซึ่งเธอและเขาจะต้องทำหน้าที่เหมือนคู่รักทั่วๆไปแบบไม่เปิดเผยแต่ก็ไม่ปิดปัง ห้ามยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ห้ามล้ำเส้น ห้ามมีมือที่สามในความสัมพันธ์เพราะมันดูเป็นการไม่ให้เกียรติทั้งสองฝ่าย
"เพิ่มข้อห้ามแตะเนื้อต้องตัวของอีกฝ่ายด้วยสิคุณ"
คิ้วหนาเข้มขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินแบบนั้น
"เธอบ้ารึเปล่า เป็นแฟนแต่ไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอคิดว่าคนอื่นจะเชื่อมั้ย ถามจริง..เป็นนักแสดงได้ไง"
ดาราสาวได้ฟังก็ยิ้มแห้งๆเพราะเธอลืมไป ว่าเป็นแฟนกันต้องมีเรื่องแตะเนื้อต้องตัวกันเป็นธรรมดา
"ถ้างั้นก็เปลี่ยนเป็นห้ามล่วงละเมิดทางเพศล่ะกัน"
มือที่กำลังร่างสัญญาชะงักกระตุกยิ้มมุมปาก แววตาแวววิบสะท้อนความรู้สึกบางอย่างทำเธอร้อนๆหนาวๆ
"กลัว?"
"ไม่ได้กลัวค่ะ แต่คุณต้องรู้จักให้เกียรติผู้หญิงด้วย ต่อให้คุณมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ทำอะไรแบบนั้น แต่ฉันก็อยากให้มันเป็นลายลักษณ์อักษร"
ดาราสาวพูดเสียงเข้มใส่อีกฝ่าย เพราะเธอไม่ได้ไว้ใจเขาขนาดนั้น ถึงจะเป็นลูกชายคนรู้จักและผู้ว่าจ้างแต่เธอเพิ่งเจอเขา ที่สำคัญดูเจ้าเล่ห์และไม่ธรรมดา
"หึ"
ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะใส่เธอ แต่ก็ยอมเขียนข้อห้ามอย่างที่ต้องการลงในสัญญาเธอจึงสบายใจไปเปราะหนึ่ง
เมื่อสัญญาร่างเสร็จเขาก็ทำการโอนเงินมาให้ ก่อนที่เราทั้งสองคนจะลงชื่อในสัญญาเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
"ระยะเวลาการแกล้งเป็นแฟนปลอมๆคือหนึ่งปี หวังว่าเธอจะไม่ผิดสัญญานะ ละออจันทร์"
"ฉันเป็นคนรักษาคำพูดค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง"
ละออเอ่ยอย่างหมายมั่น เพราะเธอเป็นคนที่รักษาสัจจะยิ่งกว่าอะไร แถมแกล้งเป็นแฟนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรกับนักแสดงมากความสามารถอย่างเธอ เหมือนงานนี้เธอได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
....
"ตอนนี้ผมกับละออเป็นแฟนกันแล้วนะครับ"
หลังจากที่เราสองคนตกลงทำดิวลับกันมาเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาเธอมาเปิดตัวกับแม่เขาทันที ทำหญิงวัยกลางคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
"เป็นแฟนกันแล้ว? ..เรื่องจริงหรอหนูละออ??"
คุณน้าไอวี่หันมาถามเธออย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดลูกชาย
"จริงค่ะคุณน้า ละออคุยกับคุณบาสเตียนแล้วเราเห็นตรงกันว่าขอศึกษานิสัยของกันและกันก่อน"
ดาราสาวยิ้มหวานให้คุณน้าไอวี่ ก่อนเดินมาควงแขนแกร่งแบบที่อีกคนไม่ทันตั้งตัวเพื่อแสดงความใกล้ชิด
"ละออก็เลยขอคุณบาสเตียนเป็นแฟนเมื่อกี้เลยค่ะ ใช่มั้ยคะคุณบาสเตียน"
ดาราสาวจงใจพูดเสียงหวานเชื่อมใส่คนตัวโต พร้อมรอยยิ้มน่ารัก ทำทั้งสองคนต่างตกใจในความหมายคนล่ะแบบ
"อ อืม"
"นี้ก็หมายความว่า ..บาสเตียนชอบผู้หญิง!"
ดาราสาวทำเพียงกระพริบตาเป็นสัญลักษณ์ยืนยันคำพูดนั้นที่คุณน้าและเธอเข้าใจกันสองคน
บรรยากาศข้าวเย็นวันนั้นเต็มไปด้วยความดีใจและยินดีของคุณน้าไอวี่ ซึ่งเธอคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
ก่อนดาราสาวจะมองไปยังหมอลูกครึ่งที่คงท่าทีเหมือนเดิม ไม่ยินดียินร้ายอะไร จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเขาทำท้้งหมดนี้ เพื่อกลบข่าวลือที่เขาไม่ชอบผู้หญิงจริงๆ หรือไม่ชอบผู้หญิงแต่เอาเธอมาเป็นไม้กันหมากันแน่?
แต่ไม่ว่าจะทางไหนก็ยังมีเวลาให้เธอพิสูจน์อีกมาก เพราะอย่างที่บอกไป เธอไม่ได้ไว้ใจเขาขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่โกหกได้เนียนมากก็ได้
"การที่ละออเป็นแฟนกับคุณบาสเตียน ก็เพื่อพิสูจน์ด้วยนะคะว่าเขาชอบผู้หญิงจริงๆรึเปล่า"
ดาราสาวกระซิบข้างหูหญิงวัยกลางคน ในขณะที่ท่านและหมอลูกครึ่งเดินมาส่งเธอขึ้นรถทำดวงตาคุณน้าเบิกตากว้าง
"หมายความว่าไงลูก?"
"ตอนนี้ละออต้องเล่นไปตามแผนก่อนนะคะคุณน้า ระหว่างที่ละออคบกับพี่บาสเตียน ละออจะช่วยสแกนให้อีกแรงค่ะ อย่างน้อยๆก็เพื่อความชัวร์"
หญิงวัยกลางคนทำหน้างงในตอนแรกก่อนพยักหน้าเข้าใจ
เด็กคนนี้ละเอียดรอบคอบดีจริง
"จ้ะ น้าเชื่อใจหนูละออนะ"
ละออยิ้มอย่างภูมิใจ เพราะใช้ข้อเสนอของชายหนุ่มให้เป็นประโยชน์ เธอไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรใครง่ายๆต่อให้คำพูดนั้นจะมีน้ำหนักแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง เธอถึงจะพูดได้เต็มปาก
....
หลังจากที่ดาราสาวสวยกลับบ้านแล้ว คนเป็นแม่ก็รีบขึ้นมาหาลูกชายถึงที่ห้องทำงานด้วยความอยากรู้ใจแทบขาด
"เป็นยังไงบ้างลูก ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย?"
"ครับ เรียบร้อยดี"
หญิงวัยกลางคนที่ได้ยินก็ยิ้มดีใจ เธอกลัวแทบตายว่าจะทำแผนพัง แต่ดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี
"แต่ดูเหมือนน้องจะจำเราไม่ได้นะ ขนาดแม่พูดว่าเคยไปญี่ปุ่นน้องเหมือนจำไม่ได้เลย"
"ยังมีเวลาอยู่ครับ ผมเชื่อว่าน้องยังจำผมได้"
หมอลูกครึ่งเอ่ยอย่างหมายมั่นก่อนมองบางสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ที่เขาเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นของที่มีค่ากับเขามาก
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบแล้วน่ะ แม่อยากอุ้มหลานแล้ว"
"ผมปล่อยน้องให้วิ่งเล่นมานานแล้วครับ ถึงเวลาที่น้องต้องหยุดที่ผมสักที"
ปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเขาคิดถึงดาราสาวผู้กุมหัวใจเขามานับสิบปี
หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าเขาต้องอดทนมานานแค่ไหนกว่าจะได้ทำตามใจตัวเอง ที่ผ่านมาเขาปล่อยให้เธอได้มีอิสระใช้ชีวิตเต็มที่ แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ข้างกายเขาสักที
---ツ---