บทที่ 1.3-1.4 ข้ากลายเป็นนางร้าย

1941 คำ
บทที่ 1.3 ข้ากลายเป็นนางร้าย หวังเฟยเฟิ่งหลับตาวางศีรษะลงบนขอบอ่างอาบน้ำ กลิ่นหอมละมุนของน้ำมันหอมระเหยลอยอบอวลรอบๆ ตัว ทำให้ใจที่ว้าวุ่นของนางค่อยๆ สงบลง ตอนนี้ให้รู้สึกไม่ยินยอมก็ต้องยอมรับแล้วว่าตนคือ... หลี่เหิงเย่ว บุตรีลำดับที่ห้าของเสนาบดีหลี่ ผู้ที่ถูกนักเขียนกำหนดให้เป็นนางร้ายในนิยาย และตกตายอย่างทรมานในคืนวันเข้าหอกับบุรุษในดวงใจ เดี๋ยว! ตายอย่างทรมานอย่างนั้นหรือ ดวงตาที่ปิดสนิทของหวังเฟยเฟิ่งเปิดออกอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับสาวใช้ชุนหรงลี่ “ลี่ลี่ ไปตามอาสุ่นมาพบข้า เดี๋ยวนี้!” อาสุ่น ตัวประกอบที่นักเขียนสร้างขึ้นมาให้เป็นบ่าวชายคนสนิทของหลี่เหิงเย่ว ทั้งเก่งกาจ ทั้งภักดี ขอเพียงเป็นคำสั่งของคุณหนูห้า บ่าวชายผู้นี้แม้ตายก็ยินดีทำตามโดยไม่โต้แย้ง “แต่กัวมามากำลังรอคุณหนูอยู่ที่ห้องโถงนะเจ้าคะ” ชุนหรงลี่เอ่ยค้านผู้เป็นนายด้วยความหวาดกลัว “ให้กลับไปก่อน” “แต่อีกหนึ่งเดือนคุณหนูก็ต้องขึ้นเกี้ยวแต่งเข้าตำหนักบูรพาแล้ว หากไม่เข้ารับการอบรมจากกัวมามา บ่าวเกรงว่า...” “ข้าไม่สบายอยู่เจ้าลืมไปแล้วหรือไง แจ้งไปว่าวันนี้ข้าไม่สบายไม่พบใครทั้งนั้น เสร็จแล้วก็รีบไปทำตามที่ข้าสั่ง” หวังเฟยเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้ม พร้อมกับตวัดสายตาดุ สาวใช้ตรงหน้าพลันเม้มริมฝีปากเก็บวาจาแล้วรีบออกไปทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายในทันที หวังเฟยเฟิ่งถอนหายใจยาว ปกตินางไม่ชอบข่มขู่คน แต่สถานการณ์ตอนนี้วิธีข่มขู่กดดันเช่นนี้คล้ายจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากอ่างน้ำสวมใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามที่แสนยุ่งยากด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย หากไม่เพราะนางเคยรับบทบาทนางร้ายในยุคโบราณ เสื้อผ้าแสนยุ่งยากพวกนี้ใช้เวลาทั้งวันก็คงสวมไม่เสร็จแน่ๆ หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าที่แสนรุ่มร่ามเสร็จแล้ว นางก็เดินออกมานั่งที่หน้ากระจกเงา ทอดสายตามองภาพสะท้อนเบื้องหน้า หลี่เหิงเย่ว ผู้นี้มีใบหน้าเหมือนนางราวกับคนเดียวกัน หรือว่าตอนเขียนนิยายนักเขียนจะเอานางเป็นภาพลักษณ์ของตัวร้ายผู้นี้กัน ผ่านไปราวหนึ่งเค่อสาวใช้ชุนหรงลี่ก็พาชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามา หวังเฟยเฟิ่งประเมินดูก็คาดเดาได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคงเป็นอาสุ่น มือสังหารที่นางร้ายหลี่เหิงเย่วจะสั่งการให้เขาไปสังหาร หวังอวี้หลัน คนรักของรัชทายาทฟ่งเฟยเทียนแน่นอน ดวงตาเรียวคมส่งสายตาไล่ชุนหรงลี่ให้ออกไปจากห้อง ก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นดื่มวางท่าร้ายกาจเอ่ยเสียงเยือกเย็น “อาสุ่น ก่อนหน้านี้ข้ามีคำสั่งลับให้เจ้า เจ้าจัดการเรียบร้อยหรือยัง” “คุณหนู เรื่องนี้...” เมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของคนตรงหน้า ในใจของหวังเฟยเฟิ่งก็ยังมีความหวังว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ลงมือ เช่นนั้นชีวิตนี้นางก็คงรักษาไว้ได้แล้ว ทว่าแม้ในใจจะลิงโลดยินดี ทว่าเบื้องหน้าหวังเฟยเฟิ่งก็ยังคงวางท่าทางเยือกเย็นโหดเหี้ยม “ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว” “คุณหนู เรื่องนี้ขอท่านทบทวนอีกครั้งด้วยเถิดขอรับ” “ทบทวน! ทบทวนอะไรกัน อาสุ่น ไหนเจ้าลองทวนคำสั่งของข้าอีกทีซิ” “สังหารองครักษ์อวี้หลันขอรับ” “เพียงแค่สังหารองครักษ์คนหนึ่ง เหตุใดข้าต้องทบทวนให้มากความ” “คุณหนู แต่นางเป็นคนขององค์รัชทายาท” หวังเฟยเฟิ่งพลันปาถ้วยชาในมือลงพื้นด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด โดยเว้นระยะห่างไม่ให้น้ำร้อนกระเด็นโดนคนตรงหน้า แน่นอนว่าท่าทางพวกนี้ล้วนเป็นบุคลิกของหลี่เหิงเย่ว ที่นางต้องแสร้งแสดงไม่ให้ถูกจับได้ “ข้าคือว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท คนขององค์รัชทายาท คำนี้มีเพียงข้าที่สมควรครอบครอง” “ข้าผิดไปแล้ว คำสั่งของคุณหนูข้าจะเร่งไปจัดการเดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นท่าทางมุ่งมั่นของคนตรงหน้าหวังเฟยเฟิ่งก็รีบยกมือห้ามปราม ก่อนจะตีสีหน้านิ่งบึ้งตึง เอ่ยวาจาเกรี้ยวกราด “เห็นแก่เจ้าที่อุตส่าห์เอ่ยร้องขอแทนนาง เรื่องนี้ไม่ต้องจัดการแล้ว” “ไม่ต้องจัดการแล้ว! คุณหนู ท่านพูดจริงหรือขอรับ” ท่าทางยินดีเป็นอย่างยิ่งของคนตรงหน้า ทำให้คิ้วเรียวของหวังเฟยเฟิ่งขมวดเข้าหากันเอ่ยเสียงราบเรียบ หากแต่แข็งกระด้าง “อาสุ่น เจ้าจงจำไว้ เจ้าเป็นคนของข้า ภายหน้าหากกล้าขอร้องแทนผู้อื่น ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า” คนของข้า ประโยคนี้ของคุณหนูทำให้หัวใจของบ่าวตรงหน้าสั่นสะท้านขึ้นมา หากแต่เมื่อตระหนักได้ถึงสถานะของตน สองมือของอาสุ่นก็ประสานกันยกขึ้นขานรับคำเสียงหนักแน่น “อาสุ่นทราบแล้ว ชีวิตนี้ของอาสุ่นเป็นของคุณหนู อยู่เพื่อคุณหนู ตายเพื่อคุณหนู” หวังเฟยเฟิ่งมองร่างสูงกำยำที่เอ่ยขานหนักแน่นก็พยักหน้ารับคำ ก่อนจะส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายออกไป และทันทีที่แผ่นหลังกว้างออกไปจากเรือนหวังเฟยเฟิ่งก็ถอนหายใจยาว ในอดีตชีวิตของนางรับบทนางร้ายมามากมาย หากแต่ครั้งนี้กลับรู้สึกยากเย็นและเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ผ่านไปหนึ่งชั่วยามชุนหรงลี่ก็เปิดประตูเข้ามา ด้านหลังมีสาวใช้อีกสี่คนถือถาดอาหารมาวางเรียงบนโต๊ะกลมกลางห้อง หวังเฟยเฟิ่งมองท่าทางหวาดกลัวของบรรดาสาวใช้แล้วถอนหายใจยาว วางถ้วยชาในมือลง เคร้ง! “บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้สี่นางทรุดตัวลงคุกเข่าโดยพร้อมกันทันทีที่ได้ยินเสียงถ้วยชากระทบจาน ยกมือขึ้นเหนือศีรษะโค้งตัวลง “หยุด!” หวังเฟยเฟิ่งย่อมมองออกว่าพวกนางกำลังจะโขกศีรษะลงกับพื้น ในใจของนางเวลานี้เริ่มโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ บ่าวไพร่พวกนี้เอะอะคุกเข่า เอะอะโขกหัว หวาดกลัวราวกับนางเป็นปีศาจกินคน “ออกไปให้หมด!” ชุนหรงลี่มองท่าทางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายของคุณหนูห้าแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้อีกฝ่าจะเกรี้ยวกราดดุดันเช่นเดิม แต่ไม่รู้เพราะอะไรชุนหรงลี่กลับรู้สึกได้ถึงความเมตตาในแววตาของผู้เป็นนาย “เที่ยงแล้วคุณหนูรับอาหารเถิดเจ้าค่ะ” หวังเฟยเฟิ่งพยักหน้ารับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารกวาดสายตาดูอาหารที่ไม่คุ้นตาตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก เมื่อมีของกินอารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้าก็เบาบางลง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง ยามที่ชุนหรงลี่จะคีบอาหารให้หวังเฟยเฟิ่งก็เอ่ยปฏิเสธ “เที่ยงแล้ว เจ้าเองก็ไปกินข้าว” “แต่บ่าวต้องคอย...” เมื่อบอกดีๆ ไม่ฟังหวังเฟยเฟิ่งก็วางตะเกียบตวัดหางตา เอ่ยเสียงดุดัน “เกะกะ น่ารำคาญ ไสหัวไป!” ชุนหรงลี่พลันถอยเท้าทรุดตัวลงคุกเข่าด้วยท่าทางหวาดหวั่น หวังเฟยเฟิ่งปรายตามองอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงหงุดหงิดอีกรอบ “อาหารสามจานตรงนั้นข้าไม่ชอบ เจ้าเอาไปกินให้หมด” “เจ้าค่ะ” ชุนหรงลี่เม้มริมฝีปากบาง ความหวาดหวั่นก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเทิดทูน นับถือขึ้นมา ทั้งที่คุณหนูห้าใจดีถึงเพียงนี้เหตุใดผู้คนถึงได้หวาดกลัวนางกัน เมื่อชุนหรงลี่ออกไปแล้ว ในห้องจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หวังเฟยเฟิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารบนโต๊ะใส่ปาก ดวงตาเรียวเปล่งประกายเมื่อสัมผัสรสชาติอาหารที่กลมกล่อมกำลังดี ไม่ทันรู้ตัวก็เติมข้าวไปถึงสามถ้วย อ่า...แย่แล้วน้ำหนักของข้าต้องขึ้นแน่ๆ .............................................. บทที่ 1.4 ข้ากลายเป็นนางร้าย อ่า...แย่แล้วน้ำหนักของข้าต้องขึ้นแน่ๆ หวังเฟยเฟิ่งลูบท้องน้อยๆ ของตนแล้วบ่นในใจ จะอย่างไรนางก็เป็นนักแสดงที่ขึ้นชื่อว่าหุ่นดีที่สุดในปีนี้เชียวนะ หากน้ำหนักนางเพิ่มขึ้นนางจะสั่งโบยแม่ครัวของจวนตระกูลหลี่เสีย โทษฐานที่ทำอาหารอร่อยเกินไป เมื่อคิดถึงความร้ายกาจอันไร้เหตุผลนี้ของตนแล้วหวังเฟยเฟิ่งก็ส่ายหน้าไปมาอย่างขบขัน เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้นึกทบทวนเรื่องราวในวันนี้อีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่านางจะหลุดเข้ามาในนิยาย ที่แม้แต่ชื่อเรื่องนางก็จำไม่ได้ ‘แต่อีกหนึ่งเดือนคุณหนูก็ต้องขึ้นเกี้ยวแต่งเข้าตำหนักบูรพาแล้วนะเจ้าคะ’ นึกถึงประโยคนี้ของชุนหรงลี่แล้วหวังเฟยเฟิ่งก็ถอนหายใจยาว แหงนหน้าวางท้ายทอยไว้บนพนักเก้าอี้ ดวงตาหวานมองเพดานเรือนนอนด้วยความกังวล ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่นางต้องตกตายด้วยน้ำมือของรัชทายาทคลั่งรักนั่น ก็ยิ่งพานให้รู้สึกหงุดหงิดเป็นทบทวี หลี่เหิงเยว่เอ๋ย...หลี่เหิงเยว่ ช่างเป็นสตรีที่โง่งมนัก เพราะหลงรัก รัชทายาทฟ่งเฟยเทียนจนโงหัวไม่ขึ้น หมายใจครอบครองเขาเพียงผู้เดียว ดังนั้นขอเพียงสามารถกำจัดสตรีที่เข้าใกล้องค์รัชทายาทได้ แผนการร้ายกาจใดๆ หลี่เหิงเยว่ผู้นี้ล้วนไม่ลังเลที่จะลงมือ คิดแล้วหวังเฟยเฟิ่งก็ได้แต่ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ในขณะที่กำลังหนักใจกับชะตาชีวิตของตนเอง หวังเฟยเฟิ่งก็คล้ายจะนึกบางสิ่งได้ หลี่เหิงเยว่ในตอนนี้ก็คือนาง...หวังเฟยเฟิ่ง ในเมื่อยังไม่ได้ก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว อีกทั้งยังยับยั้งแผนการร้ายกาจของเจ้าของร่างเดิมไปแล้ว เช่นนั้นเส้นทางสู่ปรโลกนี้ เหตุใดนางยังต้องเดินตามเล่า มุมปากของหวังเฟยเฟิ่งยกขึ้นเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นคลายออก ในเมื่อ ข้ากลายมาเป็นนางร้ายในนิยาย เรื่องนี้แล้ว ชะตาชีวิตของนางร้ายหลี่เหิงเยว่ผู้นี้ ข้าหวังเฟยเฟิ่งจะลิขิตเอง ...................................................................... หวังเฟยเฟิ่งนั่งทอดสายตามองตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้า ผ่านมาร่วมเดือนแล้วที่นางมีชีวิตในฐานะหลี่เหิงเยว่ นับดูแล้วตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น เกี้ยวเจ้าสาวก็จะมาเยือนหน้าประตูตระกูลหลี่ นิ้วเรียวเคาะเบาๆ บนโต๊ะไม้เนื้อดีอย่างใช้ความคิด พลางทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันแต่งงานของหลี่เหิงเย่วกับรัชทายาทฟ่งเฟยเทียน ในนิยายบรรยายเอาไว้ว่า รัชทายาทคลั่งรักผู้นี้ ในวันแต่งงานของเขาเกี้ยวเจ้าสาวเกี้ยวหนึ่งถูกบังคับจำใจส่งออกไปและหยุดที่หน้าประตูตระกูลหลี่ อีกเกี้ยวเต็มใจส่งออกไปด้วยความยินดีและหยุดที่หน้าประตูตระกูลหวัง หนึ่งวันแต่งสองชายา หวังอวี้หลันแม้มีศักดิ์เป็นชายารอง แต่การก้าวเข้าตำหนักบูรพาพร้อมกันกับผู้เป็นชายาเอก ทำให้นางมีเกียรติและศักดิ์ไม่น้อยกว่าหลี่เหิงเย่วผู้เป็นชายาเอก หวังเฟยเฟิ่งนึกถึงบทบรรยายนี้ทีไรก็เกลียดชังรัชทายาทผู้นี้ยิ่งนัก เพื่ออำนาจเขาหลอกใช้หลี่เหิงเย่วอย่างเลือดเย็น เพื่อหญิงที่รักเขาไม่ลังเลที่จะเหยียบย่ำทำร้ายนางจนตกตายอย่างทรมาน ......................................................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม