หลังจากวันนั้นก็กลายเป็นว่าคนที่ฉุนเฉียวง่ายที่สุดในจวนของผู้ตรวจการเมืองแห่งนี้ไม่ใช่นายหญิงของจวนแล้ว แต่กลับเป็นหลินซานซานต่างหาก ทุกครั้งที่มีใครพูดถึงพี่สะใภ้ หลินซานซานก็มักจะทำหน้าบึ้งตึงทุกครั้ง ทำเอาทุกชีวิตภายในจวนนั้นรู้กันถ้วนหน้าว่าความสัมพันธ์ของนางกับนายหญิงของจวนเบนไปในทางที่ไม่ดีแล้ว
ไม่เว้นแม้แต่หลินจิ้นฝูเองที่รับรู้เรื่องนี้ แต่เขาก็หากระทำสิ่งใดได้นอกจากจะบอกกับหลินซานซานว่า...
‘เห็นใจพี่สะใภ้ของเจ้าหน่อยเถิด นางตัวคนเดียว หากไร้ซึ่งเจ้าแล้วก็ไม่มีสหายใดในเมืองหลวงนี้ ใจดีกับนางหน่อย’
หลินซานซานก็อยากจะใจดีด้วยอยู่หรอกถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่มาดูแคลนนางน่ะ!
แต่ก็จริงอย่างที่พี่สะใภ้พูด เพราะนางเป็นห่วงหลินจิ้นฝูมากเกินไป ทำให้สอดมือเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง อีกทั้งยังวางตัวประหนึ่งว่าเป็นฮูหยินของหลินจิ้นฝูเสียเอง การกระทำของนางอาจจะทำให้พี่สะใภ้ไม่พอใจถึงได้ถูกค่อนแคะให้เจ็บใจเช่นนี้ ทางที่ดีนางควรจะไปขอโทษและวางตัวใหม่ให้สมกับฐานะญาติผู้น้องจะดีกว่า
เพราะคิดเช่นนั้น วันนี้จึงหมายจะไปขอโทษอีกฝ่ายถึงที่เรือนหลังจากที่ไม่สบอารมณ์กับคำพูดของพี่สะใภ้มาแล้วถึงสามวัน แต่กว่าที่หลินซานซานจะตัดสินใจไปขอโทษได้ก็ผืนฟ้าเปลี่ยนสีเป็นมืดสนิทแล้ว
สองเท้าก้าวย่ำไปบนทางเดินปูก้อนหินกรวด ก่อนจะมาหยุดที่หน้าเรือนของพี่สะใภ้ บ่าวรับใช้ประจำตัวของจางอี้ซวนออกมาด้านนอกห้องจังหวะเดียวกับที่หลินซานซานไปถึงพอดี ทำให้นางรีบย่อคำนับผู้มาใหม่
“พี่สะใภ้ล่ะ”
“อาบน้ำอยู่ด้านในเจ้าค่ะ”
หลินซานซานพยักหน้ารับ เวลานี้ไม่แปลกที่จะอาบน้ำเพราะได้เวลาใกล้เข้านอนแล้ว แต่ทว่า...
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปช่วยนาง?”
ปกติแล้วเวลาชำระล้างร่างกาย หลินซานซานมักจะมีบ่าวรับใช้ขนาบข้างคอยช่วยเหลือตลอด แต่พี่สะใภ้ของนางกลับไล่คนรับใช้ออกมารออยู่ด้านนอกหลังจากตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เสร็จ เป็นเช่นนี้ไม่แปลกหรอกหรือ
“นายหญิงสั่งไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้าไปข้างในจนกว่านางจะเรียกเจ้าค่ะคุณหนู”
“ทำไมล่ะ”
“นายหญิงไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายอยู่ข้างๆ ตัว หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่เรียกผู้ใดไปใช้งานเลยเจ้าค่ะ แม้แต่ข้าน้อยเอง นานๆ ครั้งก็จะถูกเรียกตัวเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนอาบน้ำ สั่งห้ามเด็ดขาดเลยว่าห้ามผู้ใดเข้าใกล้เจ้าค่ะ”
หรือเป็นเพราะนางอยู่ชายแดนมานานถึงได้ระแวงผู้คนว่าจะสวมรอยเป็นคนใช้มาทำร้ายกัน?
หญิงสาวทึกทักเอาเองแล้วว่าเป็นเช่นนั้น สะใภ้ของนางเกิดในตระกูลแม่ทัพ เหล่าแม่ทัพล้วนมีศัตรูรอบด้าน หากจะระแวดระวังตนกับคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แวบหนึ่งที่หลินซานซานเกิดเห็นใจพี่สะใภ้ของตนขึ้นมา ทั้งที่ตบแต่งสามี มีชีวิตสุขสบายแล้วแท้ๆ แต่นางกลับดูโดดเดี่ยวเสียเหลือเกิน ถึงนางจะพูดจาร้ายกาจให้หลินซานซานได้ช้ำใจ แต่หลินซานซานก็อดอยากทำดีด้วยไม่ได้ จากที่ตั้งใจว่าจะไม่สนใจนางแล้ว นอกจากจะมาขอโทษเท่านั้นก็กลายเป็นว่าอยากเอาอกเอาใจ อย่างน้อยการทำให้จางอี้ซวนอารมณ์ดีก็คงจะทำให้ความบาดหมางทุเลาลง ญาติผู้พี่ของนางก็จะได้สบายใจด้วย
“ถ้าอย่างนั้นประเดี๋ยวข้าจะดูแลนางเอง เจ้าไปเถิด”
“แต่นายหญิงสั่งไว้ว่าห้าม...”
บ่าวรับใช้จะพูด หลินซานซานจึงถลึงตาแล้วออกคำสั่งอีกครั้ง
“ข้าบอกให้ไปก็ไปเถิดน่า หากผู้ใดจะลงโทษเจ้า ข้าจะช่วยเอง”
ปฏิเสธนางไม่ได้จึงจำต้องรับคำแล้วผละจากไป ปล่อยให้หลินซานซานยืนอยู่หน้าห้องนอนของจางอี้ซวนครู่หนึ่ง ก่อนนางจะยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ
“พี่สะใภ้...”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ หลินซานซานจึงเคาะไปอีก
“ซานเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ เปิดประตูให้หน่อย”
ยังคงไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ ตอบกลับมาอยู่ดี หลินซานซานย่นคิ้วยู่
“พี่สะใภ้ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”
ไร้เสียงตอบรับอีกระลอก คราวนี้หลินซานซานตัดสินใจผลักบานประตูแล้วก้าวเข้ามา หันไปปิดประตูอย่างเงียบเชียบแล้วก็มุ่งตรงไปยังฉากหลังที่กั้นอาบน้ำ
เสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่ค่อยๆ ดังเข้ามาใกล้ปลุกให้คนที่แช่น้ำอยู่ในอ่างและผล็อยหลับไปเมื่อครู่ตื่นจากนิทรา เมื่อสัมผัสได้ว่ามีผู้บุกรุก มือข้างหนึ่งก็คว้าเอาผ้าที่พาดไว้บนฉากกั้นไว้ มืออีกข้างก็ดันตัวขึ้นจากอ่าง ก่อนที่สองมือจะตวัดเอาผ้านั้นห่อหุ้มร่างกายตนอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!”
หยดน้ำกระจายไปทั่วพื้น หลินซานซานที่เห็นร่างของอีกฝ่ายพุ่งพรวดออกจากอ่างน้ำร้องด้วยความตกใจ น้ำในอ่างสะบัดขึ้นมาโดนใบหน้านาง ทำให้นางผงะถอยหลัง ก่อนที่เท้าข้างหนึ่งจะก้าวพลาดไปเหยียบเอาแอ่งน้ำบนพื้นจนลื่นหงายหลัง
ในจังหวะนั้นเอง มือของนางไขว่คว้าในอากาศหาที่ยึด ก่อนจะคว้าบางสิ่งได้
มันคือผ้าที่คลุมกายของจางอี้ซวน...
ผ้าผืนนั้นหลุดออกพร้อมกับร่างของดรุณีน้อยที่ล้มกระแทกลงไป หากแต่ความเจ็บปวดกลับไม่ได้ทำให้นางตกใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อสายตามองเห็นร่างกายเปล่าเปลือยของพี่สะใภ้อย่างชัดเจน ก่อนที่ ‘บางสิ่ง’ ซึ่งนางไม่มีจะปรากฏสู่ระดับสายตา
นะ...นั่นมัน...
พูดไม่ออก ปากและมือสั่นระริก ใบหน้าก็ร้อนวูบด้วยความอับอายระคนอัปยศ
นั่นมันเครื่องเพศของบุรุษไม่ใช่หรือ!?