Rainy 8

1312 คำ
Rainy 8 ช่วงสายของวันเดียวกันฉันแยกจากพี่เทียนฟ้าเสร็จก็กลับเข้าห้องพักทันที ข้าวของที่นำมาถูกจัดจนดูเป็นระเบียบมากขึ้น พร้อมกับป้าแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดห้องให้อีกครั้ง โดยที่ฉันเองก็ไม่ลืมแบ่งขนมให้พี่ ๆ คนงานไปกินด้วย คล้อยหลังที่ทุกคนเดินออกไปฉันก็จัดขนมไว้บนโต๊ะทำงานอย่างภูมิอกภูมิใจ ทั้งคุกกี้ ทั้งธัญพืช ส่วนแซนด์วิชฉันแบ่งให้พี่ ๆ ไปหมดแล้วรวมถึงคุกกี้อีกหนึ่งกล่อง จัดแล้วดูดีมากเลยล่ะ แท็บเล็ตถูกเปิดขึ้นมาเตรียมเปิดเพลงคลอเบา ๆ รวมถึง แล็ปท็อปที่เปิดเมลทำงานเอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มทำอะไร ฉันก็ตัดสินใจเดินถือแก้วกาแฟแบบใสที่หากพลาดทำหลุดมือคงได้แตกละเอียดทันทีทันใดอย่างแน่นอน และเป็นของขวัญที่พี่นรินทร์ซื้อให้ฉันในวันเกิดเมื่อสองปีก่อนและฉันยังใช้งานมาอย่างดี ตอนนี้ก็กำลังถือลงไปที่ห้องครัวของบ้านหลังใหญ่ “อ้าว คุณข้าวตังต้องการอะไรเพิ่มเหรอคะ?” ป้าแม่บ้านที่หันมาเจอฉันทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าห้องครัวถึงกับต้องรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คือ ข้าวอยากชงกาแฟค่ะ” เอ่ยตอบอย่างเกรงใจที่มาพักบ้านคนอื่นแบบนี้ ไหนจะมาขอชงกาแฟเองอีก ก็เขิน ๆ อยู่เหมือนกันนะ “อ้อ เชิญทางนี้เลยค่ะ อยากได้กาแฟอะไรคะเดี๋ยวป้าทำให้” “เดี๋ยวหนูทำเองก็ได้ค่ะป้า ขอบคุณนะคะ” เดินเข้าไปกระทั่งถึงมุมชงกาแฟที่ไม่ใช่เครื่องชงแต่เป็นเครื่องกาน้ำร้อนและผงกาแฟดำ รวมถึงกาแฟแบบสำเร็จรูป “มีนมอัลมอนด์นะคะ คุณข้าวอยากได้หรือเปล่าคะ” “อ้อ ไม่เป็นไรค่ะป้า เดี๋ยวข้าวกินกาแฟดำค่ะ แต่ป้ามีน้ำแข็งไหมคะ?” “มีค่ะ มาค่ะเดี๋ยวป้าเตรียมน้ำแข็งให้” ป้าแม่บ้านอาสา ฉันถึงได้วางใจส่งแก้วคู่ใจตัวเองให้ไป จากนั้นก็ชงกาแฟให้ตัวเอง เปรียบ เสมือนทำอเมริกาโน่ให้ตัวเองทั้งที่ก็เป็นแค่กาแฟดำที่เติมน้ำเปล่า ไม่นานก็ได้กาแฟมาถือไว้ในมือ ก่อนกลับขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไม่ลืมขอบคุณป้าแม่บ้านและพี่ ๆ ที่กำลังทำงานบ้านกันอยู่อย่างขยันขันแข็ง เดี๋ยวฉันจะเริ่มดูแผนงานของสามเดือนต่อจากนี้แล้วล่ะ แล้วก็อาจจะนั่งคิดงานชิ้นใหม่ไว้ด้วย นั่งทำงานไปสักพักจนหลงลืมเวลา ตอนนี้แม้จะใกล้เป็นเวลาเที่ยงวันแต่ภายนอกนั้นยังมืดครึ้มทั้งยังมีลมพัดเอื่อยไปมา เชื่อไหมตั้งแต่ที่มาถึงจนถึงตอนนี้ฉันไม่ได้เปิดแอร์เลย มีเพียงพัดลมที่ตั้งอยู่มุมห้องที่กำลังเปิดใช้งานและส่ายไปมา หน้าต่างห้องพักถูกเปิดรับลมและอากาศเย็น ๆ เข้ามาภายในห้องอยู่เรื่อย ๆ ฉันเองก็นั่งทำงานไปสักพักใหญ่โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้ามา เป็นพี่นรินทร์ที่โทร.หาฉันตั้งแต่เริ่มต้นวัน “ค่ะพี่” ส่งเสียงทักทายพี่ชายเพียงคนเดียวที่เมื่อสัญญาณเชื่อมต่อสำเร็จก็เห็นว่าพี่กำลังนั่งอยู่ที่ห้องทำงาน และฉันนั้นสามารถมองเห็นพี่ชายได้เกือบครึ่งตัว (เป็นยังไงบ้าง โอเคดีไหม?) ทันทีที่เจอหน้ากันผ่านหน้าจอโทรศัพท์พี่นรินทร์ก็รีบถามพร้อมกับทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยแทบจะทันที “โอเคดีค่ะ บ้านคุณป้ามณีเหมือนบ้านเราเลย แล้วก็วิวสวยมากค่ะ” รีบอวดพี่ชายทันทีอย่างตื่นเต้น ปลายสายที่พอได้เห็นท่าทีผ่อนคลายของฉันถึงได้ถามต่อ (ลูกของคุณป้าโอเคไหม ถ้าอึดอัดพี่จะรีบหาที่พักอื่นให้) “โอเคค่ะ พี่ ๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำ แบบว่าแยกย้ายกันไปทำงานค่ะ ต่างคนต่างอยู่ หนูก็อยู่ในห้อง” รีบอธิบายให้พี่ชายได้ฟัง (จะเบื่อหรือเปล่า ให้พี่เช่ารถแล้วให้คนขับไปให้ไหม?) “ยังก่อนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าต้องการหนูจะจัดการเองค่ะพี่ไม่ต้องห่วงนะ” (แต่ถ้าทำไม่ไหวให้บอกพี่เลยนะรู้ไหม) “รับทราบค่ะ อ้อ หนูเห็นตารางประชุมแล้วนะคะ” เมื่อถามไถ่การเป็นอยู่ที่นี่เสร็จฉันถึงได้เกริ่นถึงเรื่องงานกับพี่ชาย ที่พอถูกชวนคุยเรื่องงานก็เปลี่ยนใจเป็นคุยงานกับฉันแทน จวบจนคุยทุกอย่างเสร็จพี่นรินทร์ถึงได้มีสติเอ่ยดุฉันอย่างงอแง (พี่ให้ไปพักผ่อนก็ยังจะชวนคุยเรื่องงาน มันยังไงกันนะยัยน้องคนนี้) “ฮ่า ๆ ๆ พี่อะ อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรอกค่ะไม่ชิน แต่จะนอนเยอะ ๆ เลยนะคะ” (ก็ดี พี่ต้องวางก่อนนะอย่าลืมกินข้าวล่ะ) “รับทราบค่ะ เอาไว้จะส่งรูปสวย ๆ ให้ดูนะคะ” (ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะ) “ค่ะพี่ริน” กาแฟที่ชงให้ตัวเองนั้นหมดแล้ว และหมดไปในช่วงเวลาเที่ยงของวันเช่นเดียวกัน หลังจากบันทึกงานเสร็จก็เก็บเอกสารและอุปกรณ์ทำงานให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็ขยับเข้าไปปิดหน้าต่างบานเลื่อนทั้งสองคู่ ตรวจทุกอย่างจนมั่นใจถึงได้หยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องนอน ฉันตั้งใจจะขอยืมรถของพี่ ๆ คนงานหรือป้าแม่บ้านเพื่อออกไปเล่นข้างนอกน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะมีให้ยืมไหมเหมือนกัน “จะไปไหน?” แต่จังหวะที่กำลังก้าวลงไปตามขั้นบันได ก็มีเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามฉันขึ้นมา มองไปตรงพื้นหน้าบันไดก็พบว่าเป็นพี่เทียนฟ้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นและกำลังมองมายังฉัน ทำไมถึงได้รู้สึกประหม่ากับสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองฉันมากขนาดนี้กันนะ “ว่าไงจะไปไหน?” เมื่อฉันยังไม่ยอมตอบอีกฝ่ายถึงได้ถามย้ำกลับมา “อยากจะออกไปข้างนอกค่ะ แค่ไปดูรอบ ๆ” “มีรถเหรอ?” พี่เทียนฟ้าถามอีกครั้งขณะที่ฉันก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าเขาบนพื้นระดับเดียวกัน ระยะห่างระหว่างเรามีพอสมควรแต่ฉันกลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นสูงเพียงแค่ปลายคางของเขาเท่านั้นเอง “ไม่มีค่ะ เดี๋ยวยืมรถของพี่ ๆ คนงาน” “ไม่ต้องยืม เดี๋ยวพาไปเองจะไปที่ไหน” เอ่ยจบคนตัวสูงก็เดินนำไปที่โต๊ะกินข้าว ฉันไม่ได้เดินตามเขาไปกระทั่งคนตัวสูงหยุดยืนข้างเก้าอี้ตัวที่ฉันนั่งเมื่อเช้าแล้วหันมามองหน้าฉันนิ่ง ๆ นั่นแหละ ฉันถึงได้รีบเดินตามเขาเข้าไป และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พี่เทียนเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันได้นั่ง “แค่ไปดูรอบ ๆ ใช่ไหม?” รอกระทั่งฉันนั่งเสร็จเรียบร้อยพี่เทียนก็เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉันและถามต่อเหมือนกับว่าอีกฝ่ายพยายามทำให้บรรยากาศระหว่างเรานั้นไม่อึดอัด “ใช่ค่ะ อยากดูร้านอาหาร ร้านของกิน” “โอเค กินข้าวเที่ยงก่อนแล้วจะพาไป” สิ้นประโยคป้าแม่บ้านและพี่คนงานคนอื่น ๆ ก็ทยอยยกกับข้าวขึ้นโต๊ะทันทีอย่างไม่ต้องการให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ไม่นานบนโต๊ะเบื้องหน้าก็มีอาหารหน้าตาน่ากินจัดวางอยู่ แต่ระหว่างมื้ออาหารมีเพียงเสียงช้อนที่กระทบกับจานเบา ๆ ไร้เสียงสนทนาระหว่างเราทั้งสองคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม