Rainy 4
ใช้เวลาจัดการงานเพียงแค่ห้าวัน เพียงหนึ่งอึดใจฉันก็มายืน
งง ๆ ท่ามกลางสนามบินน่านนคร ปลายทางของการพักผ่อนของฉันในครั้งนี้ เมืองเล็ก ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวสัญจรไปมาอย่างมากมาย ยืนรอกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบจนครบถึงได้ลากกระเป๋าทั้งสองใบเดินออกจากห้องพักผู้โดยสาร มือข้างหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพายเพื่อติดต่อไปยังคุณป้ามณี เพื่อนสนิทของแม่ทั้งยังเป็นคนที่จะพาฉันไปยังที่พักในวันนี้
แต่รอสายสักพักสัญญาณก็ถูกเชื่อมต่อพร้อมกับเสียงกุกกักดังมาให้ได้ยิน
“คุณป้ามณีคะ หนูข้าวตังนะคะคุณป้า” รีบแจ้งปลายสายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ฉันเคยเจอเพื่อน ๆ ของแม่มาบ้างแต่เพื่อนสนิทของ
แม่จริง ๆ อย่างคุณป้ามณีฉันเคยเจอไม่กี่ครั้งแล้วก็นานมากแล้วด้วยที่ได้เจอกัน
(หนูข้าว ป้ามีประชุมกับลูกน้อง แต่ให้พี่ ๆ เขาไปรับแล้วนะลูก)
“ใครเหรอคะคุณป้า”
(ลูกชายป้าเองลูก เดี๋ยวเรามาเจอกันที่ร้านอาหารก่อนนะป้า
จะรอ)
“ค่ะคุณป้า แล้วหนูจะติดต่อพี่ ๆ ยังไงคะ”
(อ้อ เดี๋ยวพี่เขาน่าจะโทร.หาหนูนะลูก)
“ค่ะคุณป้า” เพียงแค่วางสายจากคุณป้ามณีโทรศัพท์ฉันก็มีสายเรียกเข้ามาทันที
“สวัสดีค่ะ”
(ข้าวตังใช่ไหม?) ปลายสายทวนถามมาตามสาย
“ใช่ค่ะ ใช่ลูกคุณป้ามณีไหมคะ คือข้าวมาถึงแล้ว...”
(พี่กำลังเดินเข้าไป ใส่เสื้อสีอะไร?) ปลายสายรีบถาม ฉันจึงตอบจุดสังเกตของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้รวมถึงมองซ้ายขวาหาคนที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทแม่ กระทั่งเจอกับผู้ชายทั้งสามคนที่
โดดเด่นจนใครหลาย ๆ คนต้องมองตาม
(เจอแล้ว ๆ) ปลายสายรีบบอกฉันอย่างตื่นเต้น และตอนนี้ฉันทำได้เพียงแค่ภาวนาให้กลุ่มคนที่มารับไม่ใช่คนหน้าตาดีทั้งสามคนนั้น พวกเขาดูดีจนกลายเป็นจุดเด่นของสนามบินตอนนี้เลยก็ว่าได้
“ข้าวตังใช่ไหม?” แต่เหมือนสิ่งที่ฉันอ้อนขอจะไม่เป็นความจริงเมื่อหนุ่มหล่อทั้งสามคนเดินมุ่งตรงมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมกับถามชื่อ
“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ” แม้จะตกใจแต่ก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้ทั้งสามคน คุณป้าแทนตัวลูกชายท่านว่าพี่ ๆ นั่นหมายความว่าทุกคนจะอายุเยอะกว่าฉันแน่นอน แต่ถึงแม้จะไม่เยอะกว่าก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
แค่ยกมือไหว้เอง
“สวัสดีครับ พี่ชื่อแทนไทนะ ส่วนนี่แทนคุณแล้วก็ทิศเหนือ”
พี่แทนไทแนะนำตัวทั้งยังแนะนำพี่ ๆ อีกสองคนให้ฉันได้รู้จัก
“สวัสดีค่ะพี่ ๆ”
“เอาละ ไปขึ้นรถกันเถอะ” พี่ที่ถูกแนะนำว่าชื่อทิศเหนือเอ่ยบอกก่อนจะขยับเข้ามาช่วยฉันลากกระเป๋า ฉันเดินตามพี่ ๆ ทั้งสามคนไปที่รถ กระเป๋าทั้งสองใบถูกยกขึ้นไปเก็บไว้ท้ายรถก่อนที่พี่แทนไทจะทำหน้าที่ขับรถออกจากสนามบิน เบาะด้านหน้าข้าง ๆ คือพี่แทนคุณและคนที่นั่งเบาะด้านหลังข้าง ๆ ฉันคือพี่ทิศเหนือ
“คุณน้องไปอยู่ด้วยก็แวะเข้าไปดูน้องด้วยนะ”
“ได้”
“ไม่ก็พาน้องไปเล่นกับน้องสะใภ้”
“ดีนะ เดี๋ยวพาอิงไปค้างที่บ้านบ่อย ๆ” พี่แทนคุณตอบแต่น้ำเสียงขณะที่เอ่ยถึงชื่อใครบางคนดูมีความสุขอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
“ฝากดูเทียนฟ้าด้วยนะ ช่วงนี้เหมือนพายุจะเข้า”
“ครับ เดี๋ยวให้อิงมานอนที่บ้านด้วยเลย”
“อือ ดีแล้ว”
เสียงสองคนที่นั่งเบาะด้านหน้ายังคุยกันอยู่เบา ๆ ส่วนฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มแชตของครอบครัวบอกว่ามาถึงแล้วและกำลังจะไปหาคุณป้ามณี
“ข้าวมากี่เดือนนะ”
“พี่รินให้พักสามเดือนค่ะแต่คงไม่อยู่นานขนาดนั้น ข้าวเองก็เกรงใจ” ตอบคำถามของพี่ทิศเหนือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งยังใจดียื่นขนมมาให้ฉันกินด้วย เป็นแซนด์วิชไส้ทะลัก เพราะหน้าตาน่ากินทำให้ฉันยื่นมือรับมาอย่างง่าย ของกินเป็นสิ่งที่สามารถล่อซื้อฉันได้ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
“อยู่ได้นะ อยู่จนสบายใจก็ได้ไม่เป็นไรเราคนกันเองทั้งนั้น” พี่แทนไทบอกมาแบบนั้น
“ขอบคุณค่ะพี่” เอ่ยจบก็ลองชิมแซนด์วิชในมือ ที่พอได้ลองกัดชิมคำแรกก็ต้องหันไปมองคนที่ใจดีแบ่งของกินให้ตาโต
“อร่อยไหม?” พี่ทิศเหนือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามทั้งยังหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของฉัน ฉันรีบพยักหน้าส่งให้พี่เขาไปเพื่อยืนยันว่าแซนด์วิชนี้อร่อยมากจริง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวถึงร้านจะพาไปซื้อกลับไปกินที่ไร่” ฉันพยักหน้ายกนิ้วโป้งตอบพี่ทิศเหนือทันทีอย่างตื่นเต้น คนใจดีหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าฉันมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้กินของอร่อย ระหว่างการเดินทางไปที่ร้านอาหารของคุณป้ามณีไม่มีความอึดอัดเลยสักนิด พี่ ๆ คุยกันเองบ้าง ชวนฉันคุยบ้าง หรือบางครั้งก็แนะนำร้านอร่อยของที่นี่ รวมถึงร้านอร่อยที่บ้านของคุณป้าที่ฉันจะไปพัก ฉันเองก็จดจำและเตรียมไปตะลุยกินของอร่อยแล้ว