Rainy 3
“หนูไม่อยู่ ก็จีบเลขาฯ หนูสักทีเถอะค่ะ ชัดเจนหน่อย”
“พี่จีบอยู่ตลอดเถอะ เลขาฯ เราใจแข็งจะตายยกให้พี่อยู่นู่นเลยบนหิ้ง ไม่เคยจะมองเป็นผู้ชายคนหนึ่งเลย” พี่นรินทร์ตัดพ้ออย่างน่าเห็นใจ แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกอยากจะหัวเราะกับใบหน้าง้ำงอของเขามากขนาดนี้กันนะ หมดกันภาพลักษณ์เจ้านายสุดขรึมของทุกคน
“ก็เข้าหาเขาในฐานะผู้ชายคนหนึ่งสิคะ พี่เข้าหาพี่ฟ้าทีไรมีแต่เอาเรื่องงานมาอ้างอะ”
“นั่นสินะ ขอบใจมากเด็กน้อย เที่ยงนี้ชวนเลขาฯ เราไปกินข้าวด้วยกันล่ะ แม่เองก็อยากเจอ” ก่อนเดินออกจากห้องทำงานฉันไป
พี่นรินทร์ไม่ลืมหันกลับมาย้ำทั้งยังขยิบตาส่งให้ฉันอย่างกวน ๆ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูชวนเอง”
“ขอบคุณครับ”
ช่วงเช้าฉันนั่งเคลียร์เอกสารทุกอย่างจนเสร็จก่อนจะเรียกคน
ในทีมตัวเองเข้าประชุมย่อยเพื่อแจ้งและแบ่งงานต่าง ๆ ให้รับรู้โดยที่
ไม่ลืมแจ้งให้ทุกคนในทีมของตัวเองรู้ว่าฉันจะไม่อยู่สามเดือน แต่จะ
คอนเฟอเรนซ์คุยงานทุกสัปดาห์แทน พอถึงช่วงเวลาพักเที่ยงก็ต้องออกไปกินข้าวกับแม่
“พี่ฟ้าตอนเที่ยงไปกินข้าวด้วยกันนะคะ” ไม่ลืมหันไปบอก
เลขาฯ คู่ใจตัวเองไว้ ทั้งยังส่งยิ้มให้อย่างตื่นเต้น
“ค่ะคุณข้าว” เลขาฯ ตอบรับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ใบหน้าสวยของคนตรงหน้าทำให้ฉันเริ่มที่จะเข้าใจบ้างแล้วว่าอะไรที่ทำให้พี่ชายฉันหลงรักเลขาฯ ของฉันมานานเกือบห้าปีแบบนี้ แต่รักมานานแค่ไหนเขาก็ให้เป็นแค่เจ้านาย น่าสงสารจริง ๆ พี่ชายฉัน
“ข้าว ไปพร้อมพี่” พี่นรินทร์เอ่ยบอกในจังหวะที่ฉันเปิดประตูห้องทำงานออกมาพอดีหลังจากที่เดินเข้าไปเก็บของที่ห้องทำงาน
“ได้ค่ะ พี่ฟ้าไปกัน” เอ่ยบอกเลขาฯ ที่ตอนนี้ก็เหมือนจะพร้อมออกไปกินข้าวเที่ยงข้างนอกด้วยกันแล้วเช่นเดียวกัน
“ค่ะคุณข้าว”
เราทั้งสามคนเดินเข้าลิฟต์ไปด้วยกัน กระทั่งถึงรถพี่ชายเปิดประตูด้านหน้าให้ฉันขึ้นไปนั่งรวมถึงเปิดประตูด้านหลังให้เลขาฯ คู่ใจของฉันเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณค่ะ”
“ครับ” เสียงทั้งสองคนโต้ตอบกันเบา ๆ ฉันขยับขึ้นไปนั่งเรียบร้อยก็รัดเข็มขัดนิรภัยรอ เมื่อพี่นรินทร์กลับเข้ามานั่งบนเบาะประจำที่นั่งคนขับ อีกฝ่ายก็สตาร์ตรถ
“ฟ้า”
“ค่ะคุณนรินทร์” เลขาฯ ขานรับเมื่อถูกพี่ชายฉันเรียกชื่อเจ้าตัวเสียงเบา
“คิก ๆ เรียกห่างเหินเชียว” อดใจไม่ไหวที่จะแซวพี่ชาย แล้วพอแซวไปแบบนั้นพี่นรินทร์ถึงกับยื่นมือมายีผมฉันด้วยความมันเขี้ยว
“ชอบแซว” พี่ชายของฉันตอบกลับพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เครียดอะไรมากขนาดนั้น
“มีรองเท้าไม่มีส้นอยู่ด้านหลัง ลงจากรถแล้วค่อยเปลี่ยน”พี่นรินทร์บอกคนสวยที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง ฉันยกยิ้มมุมปากอย่าง
พึงพอใจ ที่พี่ชายใส่ใจพี่คลื่นฟ้ามากขนาดนี้ ช่วงนี้พี่คลื่นฟ้าเจ็บข้อเท้าเพราะสวมรองเท้าส้นสูงน่ะแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ที่พี่นรินทร์จะเตรียมรองเท้าแบบไม่มีส้นมาด้วยแบบนี้ น่ารักจังเลยนะพี่ชายกับเลขาฯ คนสวยของฉันน่ะ
“ถึงแล้วครับ” นั่งรถมาด้วยกันสักพักก็มาถึงห้างสรรพสินค้าที่เรามากินข้าวด้วยกันครั้งก่อน แต่วันนี้มีเลขาฯ ของฉันมาด้วย เมื่อลงจากรถ พี่นรินทร์ก็เดินไปเปิดท้ายรถเพื่อหยิบกล่องรองเท้าแบบไม่มีส้นมาให้เลขาฯ ของฉันได้เปลี่ยนก่อนจะเก็บรองเท้าคู่เดิมไปเก็บไว้ท้ายรถ จากนั้นถึงได้เดินเข้าไปไปภายในห้องฯ เพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่แม่นัดเราไว้