“ถ้าผมจะตกลง ‘แค่ถ้า’ เท่านั้นนะ น้องคุณจะแลกได้แค่สร้อยที่คุณจำนำไว้ยี่สิบล้านอย่างเดียว ไม่รวมบ้าน เพราะผมเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะเอาเงินก้อนนั้นแลกกับความสาวบริสุทธิ์ ‘ที่อาจจะไม่หลงเหลือ’ ไว้ให้ผมแล้ว...”
“น้องผมเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว และถูกสั่งสอนมาให้รักนวลสงวนตัวไว้สำหรับชายที่จะแต่งงานด้วยเท่านั้น และท่านพ่อสั่งไว้ก่อนสิ้นว่าให้เกี่ยวดองกับราชนิกุลด้วยกันไม่ใช่สามัญชนอย่างคุณหรือไอ้หน้าไหนก็ตาม นั่นแปลว่าคุณได้ในสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของวงศ์ตระกูลเราด้วยซ้ำ คุณน่าจะรีบตะครุบไว้ ไม่ใช่มาเล่นแง่กับผมแบบนี้”
กันต์กวีรีบสวนกลับทันควันด้วยความเหลืออด สิงหรัฐเลยหยุดพูดและนั่งนิ่งทำท่าครุ่นคิดให้คนตรงหน้าเห็นอยู่ครู่ใหญ่ๆ ถึงตัดสินใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มั่นอกมั่นใจออกไป
“เอาเป็นว่าผมจะลองเก็บไปคิดดูก่อน และถ้าผมตกลงจริงๆ น้องคุณจะแลกได้แค่สร้อยเส้นเดียวเท่านั้น ส่วนบ้านคุณต้องหาเงินมาไถ่ภายในหกเดือน ถ้าเลยนั้นผมจะยึดทันที นี่เป็นข้อเสนอของผม”
“แล้วถ้าผมมีเงินไปไถ่บ้านก่อนหกเดือนล่ะ คุณจะปล่อยน้องผมให้เป็นอิสระหรือเปล่า”
“ผมมั่นใจว่าในชีวิตไม่เคยจ่ายเงินให้นางบำเรอ หรืออีตัวคนไหนมากถึงเดือนละสามล้านกว่าหรอกนะ แต่ถ้าคุณหาเงินสี่สิบล้านได้จริงๆ ผมก็คิดว่าคงจะยอมได้ แล้วคุณแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอในเมื่อตอนนี้หาไม่ได้ ต่อให้อีกห้าปีผมก็คิดว่าคุณคงไม่มีปัญญาเหมือนเดิม พรุ่งนี้เย็นผมจะโทรไปให้คำตอบ ช่วยทิ้งเบอร์ไว้ที่เลขาผมด้วยก็แล้วกัน”
“แต่มันจะทำให้ผมเสียเวลารอคุณอีกหนึ่งวันเชียวนะ นั่นแปลว่าถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะไม่มีโอกาสไปหาเงินจากใครอีก”
“ผมจะต่อให้คุณอีกอาทิตย์หรืออีกเดือนก็ยังได้ ถ้าคำตอบของผมคือไม่! เชิญ!”
ไม่รู้ทำไมสิงหรัฐถึงอยากจะชักปืนในลิ้นชักโต๊ะทำงานที่เก็บซ่อนเอาไว้ขึ้นมาเล็งชายตรงหน้าแล้วลั่นไกไม่ยั้งให้หายแค้นแบบไม่มีสาเหตุ แต่แทนการกระทำอันบ้าคลั่งนั่น ที่เขาทำได้คือไล่ ‘ทางอ้อม’ ไปให้พ้นๆ หน้าในทันที
กันต์กวีเองก็ไม่คิดอยากจะอยู่ในนี้ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเจ้าของห้องไล่อย่างไร้มารยาท แต่จะคาดหวังอะไรล่ะ ในเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายจนตรอก จนต้องทำในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในหัวสมองเลย นั่นคือการ ‘เอาน้องมาขาย’ เพื่อแลกกับชีวิตแม่ที่ต้องสิ้นใจแน่ เมื่อรู้ว่าสร้อยที่เป็นตำนานของวงศ์สกุลตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
ด้วยสาเหตุที่ลูกชายคนเดียว และเป็นผู้จะสืบทอดนามสกุลต่อไป ติดการพนันงอมแงม ในข้ออ้างว่าอยากร่ำรวยให้ทัดเทียมเครือญาติที่ต่างล่ำซำขึ้นเรื่อยๆ แม้ที่มาของความร่ำรวยนั้นจะมีทั้งสีขาว สีเทา หรือสีดำก็ตาม
โชคดีสำหรับหนุ่มสูงศักดิ์อยู่บ้างที่เป็นวันอาทิตย์ จึงได้มีเวลานอนเอามือก่ายหน้าผากครุ่นคิดและรอคอยคำตอบจากเจ้าของเงิน ซึ่งต้องยอมรับกับตัวเองว่าเป็นห้วงเวลาที่ทรมานใจเหลือเกิน กว่าจะผ่านพ้นได้แต่ละนาทีแต่ละชั่วโมง
กระทั่งถึงเย็นย่ำก็ยังไม่มีวี่แววว่ามือถือจะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นแต่อย่างใด นั่นแปลว่าอีกฝ่ายไม่ตกลง มันมีทั้งความโล่งใจ และหนักใจปะปนกันอยู่อย่างกำจัดออกได้ยาก ด้วยไม่รู้ว่าจะหาเงินมากมายก่ายกองขนาดนี้มาจากที่ไหน
เจ้านายชั้นสูงที่เคยมีสายสัมพันธ์อันดีงามกับพ่อก็ส่ายหน้ากับจำนวนตัวเลขที่มากโข ญาติโกโหติกาที่มีเงินและพอจะช่วยได้เขาก็ไม่กล้าบากหน้าไปให้ดูถูกเหยียดหยาม นั่นจะเสียไปถึงนามสกุล หรือเรื่องอาจจะถึงหูแม่โดยไม่ได้เงินจากคนพวกนั้นแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็เป็นได้
วินาทีนี้เองที่เขาอยากเกิดเป็นผู้หญิงสวยๆ จะได้เอาตัวไปเสนอกับเจ้านายที่เป็นเ*******ูทั้งหลาย เขาจะยอมพลีกายถวายชีวิตให้พวกนั้นหาความสุข ถ้าจะได้มาซึ่งเงินไปไถ่ถอนสมบัติพ่อแม่กลับมาได้ แต่เขาก็ทำได้แค่คิด ในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
กายที่นอนอยู่อย่างหมดอาลัยตายอยากถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ มือถือก็สั่นสะเทือน ตามด้วยเสียงแหลมปี๊ด ที่เขาเห็นว่าช่างไพเราะเพราะพริ้งราวเสียงสวรรค์ เมื่อหน้าจอมีชื่อคนที่เฝ้ารอปรากฏให้เห็น
‘ผมตกลงแลกตัวน้องสาวคุณกับสร้อยแค่นั้น’
“ครับ”
‘ส่วนบ้านผมให้เวลาอีกหกเดือนระหว่างที่น้องคุณอยู่กับผม’
“ครับ”
‘ถ้าคุณหาเงินมาไถ่ได้ก่อน ผมยินดีปล่อยน้องคุณ ก่อนหกเดือน’
“ครับ”
‘พรุ่งนี้บ่ายพาไปพบผมที่สอยดาว เลขาผมจะบอกทางให้ กรุณาตรงเวลาเพราะผมไม่ชอบรอ’
“ครับ”
กันต์กวีกลับไปนอนเอาแขนก่ายหน้าผากอีกวาระเมื่ออีกฝ่ายตัดสายไปอย่างไร้มารยาท ก็จะไปหวังอะไรได้ล่ะ ในเมื่อตัวเองไม่หลงเหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีขนาดนี้ เรื่องที่กลัดกลุ้มหนักอกอีก นั่นคือจะบอกน้องยังไง จะพาตัวน้องไปประเคนให้เจ้าของเงินด้วยวิธีไหน
ชายชาติทหารผู้จนตรอกและหมดสิ้นซึ่งหนทาง ต้องนอนขบคิดเพื่อหาทางออกอยู่ในบ้านพักเพียงลำพัง นานเป็นชั่วโมงๆ ก็ยังคิดไม่ออก มือถือจึงกดไปหา ‘เยลหลี’ เจ้าประจำ ไม่นานสาวสวยจัดและเซ็กซ์จัดก็มาเคาะประตูบ้านแล้ว