EP 13

1167 คำ
“ค่ะท่านป้า ขอบคุณที่สละเวลาฟังหลาน แล้วหลานจะรอค่ะ” หม่อมราชวงศ์กัญญ์รวีวางมือถือลงอย่างคนหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เมื่อความหวังสุดท้ายที่คาดว่าจะช่วยได้ต้องดับสูญลงด้วยคำปฏิเสธที่ยากจะเชื่อได้ว่า ‘ป้าไม่มีหรอกจ้ะหญิงฟ้า เงินตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ป้าจะลองโทรไปถามท่านชายเอื้องให้นะจ๊ะ แล้วจะโทรไปบอกนะ’ และรู้ดีว่า ไม่มีทางที่พี่สาวแท้ๆ ของพ่อจะโทรกลับมา หรือถ้าให้เดาตอนนี้ก็คงจะโทรไปเมาส์กับบรรดาเครือญาติอื่นๆ ในเรื่องที่คนในตระกูล รัตนนาวีผู้เย่อหยิ่ง และรักศักดิ์ศรียอมเอ่ยปากขอหยิบยืมเงินมากถึงหกสิบล้าน “พี่หญิงเป็นอะไรไปคะ” กัญญาวีร์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นพี่หน้าซีดเผือดและมีท่าทีอ่อนแรง “ไม่มีอะไรหรอกหญิง พี่เพิ่งวางสายจากท่านป้าพึ่งน่ะจ้ะ” “พี่หญิงคิดว่าญาติๆ เราจะยอมช่วยเหรอคะ เงินตั้งหกสิบล้านด้วย หรือต่อให้แค่ล้านเดียวเราก็ไม่เคยคาดหวังอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ท่านแม่บอกหญิงเสมอๆ ว่าความไว้ศักดิ์ของท่านพ่อทำให้พี่น้องเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากคบค้ากับพวกเรา” “พี่รู้ แต่พี่ก็ทนรอให้ชายฟ่างหาทางออกอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก และถ้าให้เดาตอนนี้ก็คงจะไม่มีทางออกแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่เงียบหายไปแบบนี้หรอก เราจะทำยังไงดีล่ะหญิงฟาง อีกไม่นานท่านแม่จะต้องรู้ หรือพี่จะเอาบ้านนี้ไปจำนองดี แต่ก็ต้องให้ท่านแม่เซ็นอยู่ดี เพราะโฉนดเป็นชื่อท่าน หญิงช่วยโทรไปบอกชายฟ่างให้ขอผัดผ่อนฝ่ายนั้นออกไปอีกได้มั้ย เผื่อพี่จะพอมีทางออกบ้าง พรุ่งนี้พี่จะลองไปหาท่านนายพลเพื่อนท่านพ่อดู เผื่อท่านพอจะชี้แนะอะไรได้บ้าง” “ค่ะพี่หญิง” กัญญาวีร์อยากจะอยู่ใกล้ๆ พี่สาวนานกว่านี้หน่อย แต่ดูเหมือนพี่อยากอยู่คนเดียวมากกว่า เลยเดินออกจากห้องตรงไปหาห้องตัวเอง ยังไม่ทันได้นั่งด้วยซ้ำ มือถือก็ดังขึ้น “ค่ะพี่ชาย มีข่าวดีให้พวกเราหรือเปล่าคะ” ‘มีแล้วล่ะหญิง แต่พี่จะขอให้หญิงช่วยไปเจรจากับพี่ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้สายๆ พี่จะไปรับ เราอาจจะต้องค้างสองสามคืนเอาเสื้อผ้าไปด้วยนะ’ “ไปไหนคะพี่ชาย” น้ำเสียงพี่สั่นและร้อนรนจนน้องรับรู้ได้ ‘สอยดาว จันทบุรีจ้ะ แต่หญิงอย่าบอกพี่หญิงนะ แค่บอกว่าพี่มีหนทางแก้ปัญหาแล้ว ส่วนหญิงก็จะขอไปทำธุระหรือไปไหนกับเพื่อนก็ได้ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ ก่อนถึงบ้านพี่จะโทรให้ออกมาขึ้นรถหน้าปากซอยนะ’ “ค่ะพี่ชาย” และด้วยความดีใจ พอวางสายได้กัญญาวีร์ก็รีบเข้าไปหาพี่ บอกกล่าวตามคำสั่งด้วยความโล่งใจขึ้นมาอีกเปราะ และแน่นอนว่าข่าวนี้ก็ทำให้กัญญ์รวีหายใจได้ทั่วท้องไม่น้อย “เอ่อ! พี่หญิงคะ เพื่อนหญิงโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าจะชวนไปสมัครงานที่ระยองค่ะ มีหลายบริษัทรับล่ามและรับครูสอนฝรั่งเศส ขอหญิงไปนะคะ หญิงอยากทำงานอยากหาเงินมาช่วยพี่หญิงกับท่านแม่ค่ะ” เพราะรู้ดีว่าแม่จะไม่ยอมให้ไปทำงานเป็นขี้ข้าใครแน่ ด้วยเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี ดั่งพี่สาวคนโตที่จะต้องอยู่กับเย้า เฝ้ากับเรือน เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับให้ราชนิกุลเดียวกันมาสู่ขอไปเป็นศรีภรรยา แต่จนป่านนี้พี่สาวก็ยังไม่ได้ไปไหนนอกจากเฝ้าบ้าน แม้กัญญาวีร์จะไม่เกรงกลัวการขึ้นคาน แต่ก็ไม่อยากมีสภาพเหมือนพี่นัก อีกทั้งยังอยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แทนที่จะรอกินเงินค่าเช่าตึกที่แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว กัญญ์รวีจ้องมองหน้าน้องแล้วครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนเอ่ย “ก็ตามใจหญิงแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะบอกท่านแม่ให้ทีหลัง ถ้าขืนไปขอก่อนมีหวังอดแน่ งั้นก็ไปเตรียมตัวเถอะจ้ะ พี่จะยกมื้อเย็นไปให้ท่านแม่บนห้อง ตั้งแต่เช้าเห็นบ่นว่าเหนื่อยๆ เลยไม่ออกไปไหนนอกจากนอนอยู่บนเตียง” “ค่ะ”   ร่างที่มีกางเกงยีนสีเข้ม เสื้อยืดพอดีตัวสีขาวก้าวขึ้นรถพี่ชายพร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อมด้วยความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง แต่ก็มีความสง่างามอยู่ในตัวเป็นที่คาดเดาของผู้พบเห็นได้ว่าน่าจะมาชาติตระกูลสูงส่ง “เราจะไปพบใครคะพี่ระหว่างสองคนนั้น หรือจะพร้อมกันแบบวันที่มาบ้านเราคะ” เป็นคำถามแรกที่หลุดออกมาจากปากในทันทีที่พี่ชายออกรถไป เพราะความอยากรู้ “พี่เข้าใจว่าเป็นคุณสิงหรัฐคนเดียวนะ แต่ก็ไม่แน่ ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้” ไม่รู้ทำไมคำตอบแรกของพี่ถึงทำให้หญิงสาวค่อยเบาใจลงมาเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะความเกลียดชังที่มีให้ทายาทนักการเมืองผู้ฉ้อฉลมากกว่าพวกลูกพ่อค้าที่มักจะไหลตามใจนักการเมืองอีกทอดก็เป็นได้ “แล้วหญิงจะช่วยอะไรพี่ชายได้บ้างคะ” เพราะมองไม่เห็นทางที่ตัวเองจะแบ่งเบาภาระใดๆ ให้พี่ได้ นอกจากนั่งเป็นเพื่อนเดินทางเท่านั้น ผู้พี่หันไปมองน้องเพียงแค่แวบเดียวแล้วหันกลับไปมองถนนก่อนตอบ “พี่ไม่รู้จะชวนใครดีน่ะ ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มากด้วย อีกอย่างหญิงก็เป็นคนใจเย็นกว่าพี่ อาจจะช่วยแนะนำหรือเตือนสติพี่ได้บ้างก็เท่านั้น ว่าแต่หญิงบอกพี่หญิงไว้ว่ายังไงเหรอ” สองพี่น้องคุยกันน้อยมากระหว่างเดินทาง เพราะต่างก็กลัดกลุ้มกับคนที่กำลังจะไปเจรจาว่าจะออกหัวหรือก้อย ราวสี่ชั่วโมงบีเอ็มดับเบิลยูก็เลี้ยวเข้าสู่ประตู ‘สวนภูสอยดาว’ แล้ว กัญญาวีร์เดาไม่ออกว่ามีเนื้อที่กว้างใหญ่แค่ไหน เพราะแนวรั้วไม้รางรถไฟเก่าที่ปักไว้บอกอาณาเขตนั้นมองเห็นแต่ไกลๆ แล้วหายลับไปกับทิวไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้ครอบคลุมทั่วบริเวณ ‘บ้านวิมานสอยดาว’ ที่บอกไว้ในแผนที่ถูกกันต์กวีเลี้ยวรถไปตามลูกศรชี้บอกทางที่ติดไว้ตามต้นทุเรียนเป็นระยะๆ ผ่านแนวก่อสร้างฝั่งซ้ายมือที่มีคนงานไม่กี่คนกำลังสาละวนอยู่กับงานไม้ ทางลาดยางบังคับให้รถแล่นลัดเลาะไปตามต้นเงาะที่ขนาบสองข้างทางเอาไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม