ปากอิ่มถูกปิดอย่างรวดเร็ว สองมือก็ถูกเขากดล็อกไว้กับที่นอน สองขาที่ถีบไปมาก็ถูกอีกขาทับไว้ จนไร้ซึ่งหันทางต่อสู้ใดๆ หลงเหลือให้ แรงที่มีทั้งหมดค่อยๆ ถูกลิดรอนด้วยจูบอันทรงพลังประหนึ่งจะไม่มีวันพรุ่งนี้รออยู่ของเขา
ท้ายที่สุดกายสาวก็หมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านเขาอีก เมื่อถูกพายุความต้องการโหมกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปรานี จูบอันดุดันเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลหอมหวานลงในทันใด เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายยอมศิโรราบให้ได้ จากสองมือที่ประสานเข้าหากันและกัน
ฝ่ามืออุ่นค่อยๆ เลื่อนไปหาบัวงาม ปลายนิ้วก็ปลุกปั่นปลายยอดที่มีบราเซียร์กับชุดนอนผ้าแพรห่อหุ้มเอาไว้ ความเรียบลื่นของเนื้อผ้าช่วยกระตุ้นเตือนให้เจ้าของต้องตอบสนองเขาอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะหัวใจไหวหวั่นกับอารมณ์ปรารถนาร่ำร้องมาหา
นิ้วชำนาญการค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนออกตั้งแต่เม็ดแรกไปจนถึงเม็ดที่อยู่ตรงสะดือจุ๋มจิ๋มพอดิบพอดี ก่อนจะดึงออกจากไหล่ระหงแล้วสอดมือไปปลดตะขอออก เพื่อให้อุ้งปากอุ่นได้ครอบครองปลายยอดแข็งตึงตั้งชูช่อรอการรุกรานจากอีกฝ่าย
กายสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นอุ่นของเขาหยอกเย้ากับยอดชมพูระเรื่องไปมาหลายต่อหลายรอบ ก่อนจะส่งแขนซ้ายเข้าไปช้อนกายนุ่มให้ยกขึ้น อีกมือค่อยๆ ดึงชุดนอนพร้อมบราเซียร์ลงไปหาเอวคอด เจ้าของจมูกโด่งดอมดมสองปรางหอม ละไล้เลื่อยลงไปหาเนินอกขาวผุดผาด
กระทั่งถึงขอบแพนตี้สีขาวที่มีชุดนอนกอดเกี่ยวเอาไว้ เขาจึงสอดมือเข้าไปใต้เอวคอดยกเพียงเล็กน้อย บั้นท้ายแน่นหนั่นก็เปิดทางให้อาภรณ์ทุกชิ้นหลุดลาไปจากกายขาวสาวผาดผ่องเรียบร้อยแล้ว เขาคว้ามือบางทั้งสองขึ้นมาทาบไว้กับสาบเสื้อ
“ปลดกระดุมออกสิคุณหญิง”
แล้วก็ก้มไปกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่คนหลับตาปี๋มีหรือจะทำตาม มิหนำซ้ำยังดึงสองมือกลับไปวางไว้ที่นอนนุ่มอีกต่างหาก แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่สาวข้างกายไม่ยอมให้ความร่วมมือ แต่มีหรือเขาจะเก็บมาเป็นอารมณ์ เพราะล่วงรู้อย่างดีว่าเจ้าตัวเอียงอายเกินกว่าจะทำได้
จึงหยัดกายออกห่างอีกกาย แล้วปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตลายทางขาวสลับดำออกอย่างเชื่องช้า ขณะสายตาจับจ้องมองไปยังรูปร่างสลักเสลามีส่วนเว้าโค้งลงตัวราวประติมากรรมชั้นเยี่ยมที่สรรค์สร้างโดยปฏิมากรฝีมือเลิศก็ไม่ปาน
ไม่นานนักกายกำยำก็ทาบทับลงไปหากายอรชร ที่นอนแน่นิ่งแทบไม่ไหวติง กระทั่งเขาครอบครองเรียวกระจับอิ่ม สองฝ่ามือบางจึงเผลอยกขึ้นมาเกาะเกี่ยวลำแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามไว้ เมื่อถูกอารมณ์หวานไหวนำพาไป
สิงหรัฐจับมือน้อยๆ ออกจากลำแขน นำพาให้เลื่อนไล้ลงไปหาเบื้องล่าง กระทั่งพานพบกับกายเต็มตึง แต่ไม่ทันจะได้แจ้งความจำนงใดๆ มือบางก็มีอันหนีจากไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับใบหน้าขาวนวลเนียนก็เต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อเมื่อถูกความอายเข้าครอบงำกับการได้สัมผัสสิ่งไม่พึงประสงค์อย่างไม่คาดฝัน
“จะอายทำไม ใครๆ ก็ทำแบบนี้ เหมือนที่ผมทำกับคุณหญิงไง”
เสียงแผ่วเบากระซิบบอก ใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มน้อยๆ ด้วยความเอ็นดู ในความไม่ประสาของสาวสูงศักดิ์ที่ไม่ว่าจะร่วมรักกันมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังคงเอียงอายไม่หน่ายหนีเอาเสียเลย แต่เขาก็ไม่คาดคั้น เมื่ออีกฝ่ายไม่ประสงค์จะทำตามความต้องการ เพราะรู้ดีว่าคงต้องใช้เวลาให้มากกว่านี้เป็นแน่
“ไม่”
ปากอิ่มตอบอย่างมั่นอกมั่นใจระคนเอียงอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหากทำได้ เลยได้รอยยิ้มจากใบหน้าหล่ออีกวาระ ก่อนจะค่อยๆ หยัดกายออกห่างอีกกายเพียงเล็กน้อย เพื่อให้การเยี่ยมเยือนเข้าหาสะดวกขึ้น
ดวงตาคู่คมจับจองอยู่กับดวงหน้าสวยบาดใจที่หลับพริ้มลงช้าๆ ขณะอ่านภาษากายจากอีกฝ่ายที่กำลังเคลื่อนคล้อยเข้าหาอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาประหนึ่งกลัวหญิงสาวจะได้รับบาดเจ็บ เพราะเขายังห่วงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงจนเป็นลมเป็นแล้งไปอยู่เลย
แต่ก็ไม่อาจจะทัดทานความต้องการของตัวเองได้ เขาเลยปฏิบัติต่อร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอม ไม่ให้บอบช้ำจากน้ำมือเขาในครั้งนี้ จูบหวานล้ำก็ค่อยๆ ตามติดไป ขณะกายเบื้องล่างยังคงทำงานอย่างนุ่มนวลควบคู่ไปด้วย
กัญญาวีร์อดจะยกมือขึ้นกอดเกี่ยวกายกำยำของเขาไว้ไม่ได้ เมื่อภาษากายที่เขามอบให้ช่างพลิ้วแผ่ว หวานไหวในทุกๆ จังหวะขับเคลื่อนเหลือเกิน จนไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเขา ชายที่เคยใช้แต่พละกำลัง ชายที่เคยใช้วาจาด่าทอหยาบคายบ่อยครั้ง
“เจ็บมั้ย”
แถมน้ำเสียงทุ้มนุ่มก็กระซิบถามอยู่ข้างหู ตามด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนยากจะเมินเฉยไม่หันไปมองได้ ใบหน้าสวยใสส่ายน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ ผิวขาวๆ ตรงพวงแก้มแดงก่ำขึ้น เมื่อกระดากอายเหลือกำลังที่ต้องพูดคุยกันไปควบคู่กับบทรักอันหวานหอมก็ดำเนินไปไม่หยุดหย่อน
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะเจ็บมั้ย”
“อื๊อ!”
คำตอบมีให้แทบไม่ต้องถามซ้ำ เมื่อเขาเปลี่ยนจากความนุ่มนวลเป็นแข็งกร้าวขึ้นเพื่อทดสอบ สองมือบางถึงขนาดกอดเกี่ยวเขาไว้แนบแน่นเพราะความตกใจระคนไหวหวั่น จุมพิตหวานล้ำจึงถูกเขามอบให้เป็นการปลอบโยนให้เจ้าของกายนุ่มหายตกอกตกใจ
ก่อนจะนำพาบทรักอันเยือกเย็น หอมหวาน ซาบซ่านทรวงมอบให้หญิงสาวอย่างหวงแหน ห่วงใย และโหยหาในเวลาเดียวกัน จนสองร่างต่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาทำกิจใดๆ ได้อีก นอนจากนอนแน่นิ่งอิงแอบกันและกันในห้องอันเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศไปตลอด
อีกเช้าแล้วที่ไร้ซึ่งวี่แววของเขาอยู่บนเตียง เมื่อเจ้าของร่างเปลือยเปล่าลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาหกโมง เลยได้คิดทันทีว่า ตัวเองก็เป็นแค่นางบำเรอ มีหน้าที่ปรนเปรอให้เขามีความสุข ส่วนจะลุกจากไปตอนไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปค้นหาคำตอบสักนิด
เมื่อสรุปให้ตัวเองดังนั้น เลยพากายเปลือยเดินเข้าห้องน้ำ กลับออกมาก็คว้าเสื้อผ้าที่ไม่เคยได้รีดเอามาใส่ แล้วรีบออกไปเตรียมหุงหาอาหารตามหน้าที่นางบำเรอทาสเหมือนทุกวัน