เลื่อนงานหมั้นเข้ามา…10/1

1430 คำ
ปภังกรพาจอมแก้วกลับมาที่เพนต์เฮาส์ หญิงสาวนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดพยายามคิดหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เธอเป็นคนทำงานละเอียดรอบคอบมากจนพนักงานหลายคนไม่พอใจด้วยซ้ำ “อย่าเครียดไปเลยเรื่องแค่นี้ ฉันก็จัดการให้แล้วนี่” “มันไม่ใช่แค่นั้น คุณก็รู้ว่าถึงไวน์นั่นจะแพงมากแต่ฉันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร มันเป็นงานที่รับผิดชอบโดยตรงโบ้ยใครก็ไม่ได้ จะทำผิดทั้งทีทำไมต้องมัดตัวเองจนดิ้นไม่หลุดแบบนั้น มันดูจงใจไป...” จอมแก้วขมวดคิ้วแน่น เพราะเริ่มเห็นเค้าลางความยุ่งยากที่กำลังมาเยือน “...คงมีคนตั้งใจเล่นงานฉัน” “ใครจะกล้าทำแบบนั้นในร้านของฉัน” เขามองหน้าเธอนิ่ง การที่เขาพูดแบบนั้นออกมาแสดงว่าเขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากความสะเพร่าเลินเล่อของเธอเอง จอมแก้วหลุบตาลงไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว สำหรับปภังกรเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตทุกคนผิดพลาดกันได้แต่ผิดพลาดแล้วต้องแก้ไขปรับปรุงอย่าพยายามหาข้อแก้ตัวโทษนั่นนี่ แต่สำหรับจอมแก้วมันทำให้เธอรู้สึกว่าสวัสดิภาพในชีวิตของเธอกำลังสั่นคลอนเหมือนมีมือมืดกำลังมุ่งร้ายเธอ ชายหนุ่มเห็นเธอเครียดจึงพยายามหาทางเอาเรื่องนี้ออกไปจากสมอง อย่างน้อยชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี “อย่าคิดมากน่า ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้เอาไป มันจะผิดพลาดตอนเบิกจ่ายของ ไอ้อาจกับไอ้ศาสตร์ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอนี่” มือหนาสอดเข้ามาใต้ชายกระโปรงเริ่มลูบไล้ขึ้นไปตามเรียวขา หญิงสาวรีบขยุ้มมือเขาไว้จ้องตาอยากปฏิเสธเพราะเธอไม่มีอารมณ์ แต่ก็โดนสายตาที่แรงกล้ากว่าสกัดไว้พลางบอกว่า “อย่าดื้อสิ ตอนนี้ฉันอยากผ่อนคลาย เธอทำให้ฉันเครียดไปด้วยนะจอมแก้ว” หญิงสาวที่ตั้งท่าจะดื้อแพ่งจึงชะงัก ชักมือกลับจำใจต้องโอนอ่อนปล่อยให้เขากระทำตามที่ใจเขาปรารถนา แม้ตอนแรกใจเธอจะบอกว่าฝืนแต่ร่างกายมันก็ทนต่อความเสน่หาที่เขาสาดเข้ามาไม่หยุดหย่อนไม่ไหว มือเรียวที่ขยุ้มโซฟาจึงค่อย ๆ ลูบไล้ขึ้นไปตามต้นแขนล่ำสันก่อนจะโอบคล้องที่ต้นคอแกร่งในขณะที่ใบหน้าของเขากำลังเล่นสนุกกับทรวงอกอวบอิ่ม ริมฝีปากดูดดื่มยอดปทุมถันแข็งชัน ความร้อนที่สาดเทเข้ามาในทุกอณูของร่างกายทำให้ทั้งสองคนช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ของกันและกันอย่างออกเร่งร้อนจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย เขาลากปลายลิ้นลงมาตามแกนกลางหน้าท้องแบนราบก่อนจะหยุดที่สะดือบุ๋ม เหลือบขึ้นมามองดูปฏิกิริยาทางสีหน้าของเธอเพียงชั่วแวบ เห็นอาการอ่อนระทดทะทวยก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะผละตัวออกมาจัดท่าทางให้หญิงสาวขยับตัวมาพิงกับพนักโซฟาในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เอาหมอนอิงรองใต้สะโพกผายแยกเรียวขาสองข้างออกกว้างพร้อมกับซุกใบหน้าลงมา ตวัดเรียวลิ้นอย่างพริ้วไหวกับกลีบดอกไม้อ่อนนุ่มชุ่มชื้นด้วยน้ำหวานที่ชโลมหล่อเลี้ยง “อืม” เสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มพร้อมกับสะโพกที่ลอยขึ้นสูงเนื่องจากความเสียดเสียวที่ผ่านปลายลิ้นเขาลงมา ปภังกรสอดแขนเข้าใต้ขาเรียวทั้งสองข้างเพื่อกดตัวเธอที่ขยับโยกให้อยู่กับที่ เขารู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไรเพราะมันก็ไม่ต่างจากเขา จอมแก้วปลดปล่อยเสียงครางกระเส่า มือที่ปัดป่ายไปมาสุดท้ายมาจบที่การกดศีรษะเขาไว้กับตัวเธอ มันเป็นความลืมตัวที่น่าอับอายแต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับความเสียวซ่านนี้ ยิ่งตอนที่รู้สึกว่าริมฝีปากนุ่มกำลังขยับดูดดึงยอดเกสรแข็งชันเธอก็ยิ่งแผดเสียงคราง “อื้อ คุณกั้ง อืม ไม่ไหวแล้ว อ๊า” ก่อนร่างกายสาวจะกระตุกเกร็งแล้วทิ้งสะโพกลงกับที่รองรับนุ่ม ปภังกรไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในแต่ละวินาทีอย่างเสียเปล่า เขาเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับประกบริมฝีปากกับกลีบปากที่เผยอ สอดใส่ปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันในปากของจอมแก้ว ท่อนลำใหญ่อุ่นร้อนกำลังเสียดสีกับกลีบเกสร ก่อนจะผละใบหน้าออกมาสบตามองดูความพร้อมของเธอ สะโพกสอบขยับถูไถอีกไม่กี่ครั้งก็ทำการสอดใส่ลำกายที่เหยียดขยายเต็มที่เข้ามาในโพรงสวาทคับแคบ จอมแก้วนิ่วหน้าไม่ใช่เพราะความเจ็บที่ถูกดันเข้ามาแต่เป็นความรู้สึกเสียวสะท้านที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แขนเรียวทั้งสองข้างโอบกอดแผ่นหลัง ริมฝีปากดูดดื่มกันอย่างมัวเมา ความคิดยามมีสติสัมปชัญญะเต็มที่ถูกลบเลือนไป ความรู้สึกส่วนลึกที่ถูกกดไว้กำลังบอกเธออย่างคนเห็นแก่ตัวและหน้าด้านว่าตราบใดที่เขายังไม่แต่งงานเขาก็ยังเป็นของเธออยู่ “อา...” เสียงครางต่ำของเขาในจังหวะที่สอดแก่นกายเข้าลึกดังสลับกับเสียงครางหวานของเธอ ยิ่งได้ยินเสียงร้องครางดังมากเท่าไหร่เขายิ่งโจนจ้วงเข้าหา ปลดปล่อยกระแสธารสวาทที่คิดว่าไม่มีผลอะไรเข้าไปในตัวเธอทุกหยาดหยดครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าจะพอใจ กว่าสองปีแล้วที่ปภังกรไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับเธอ เขาขี้เกียจใส่ ๆ ถอด ๆ เมื่อคุยกันเรื่องนี้จอมแก้วก็ยินยอมที่จะเป็นฝ่ายป้องกันแต่เพียงผู้เดียวโดยการไปหาหมอฉีดยาคุมกำเนิดตามระยะ จอมแก้วนอนหายใจระทวยอยู่บนโซฟา เนื้อตัวแดงก่ำ ผิวเนื้ออ่อนบริเวณเนินอกและต้นขามีร่องรอยสีกุหลาบ มีทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ที่เด่นชัดขึ้นมา ร่างบางถูกอุ้มขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกแกร่งทั้งที่ยังเปลือยเปล่ามาวางบนเตียงนอนนุ่มที่มีพื้นที่กว้างเป็นสามเท่าของโซฟาเมื่อสักครู่ เขาดื่มด่ำความสุขจากร่างกายเธอจนพอใจก่อนจะปล่อยให้หญิงสาวได้นอนหลับพักผ่อน ในช่วงเวลาสามเดือนตั้งแต่วันที่ผู้ใหญ่นัดหมายมาดูตัวกันปภังกรกับหยาดพิรุณมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันมากขึ้น เขาแบ่งเวลามารับประทานอาหารกับหยาดพิรุณและพาเธอไปเดินชอปปิงซื้อของ ส่วนผู้หญิงอีกคนซึ่งอยู่ที่เพนต์เฮาส์กับเขา ชายหนุ่มก็ยังมีความสัมพันธ์บนเตียงกับเธอเป็นปกติ จอมแก้วรู้เห็นว่าช่วงกลางวันเขาอยู่กับใคร เธออยากจะหมุนเวลาให้เข็มนาฬิกาในแต่ละวันมันเดินเร็วขึ้นเพื่อจะได้ถึงวันนั้น วันที่ครบกำหนดตามที่ตกลงกันไว้ซึ่งเหลือเวลาอีกสองเดือนเศษ ปภังกรนั่งดินเนอร์กับว่าที่เจ้าสาวในร้านอาหารหรูบนชั้นบนสุดของโรงแรมห้าดาว ชายหนุ่มนั่งควงแก้วไวน์ในมือดวงตาเหม่อมองไร้จุดโฟกัส หัวคิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคล้ายเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ “เฮียกั้งคะ เฮีย” เสียงหวานต้องเรียกซ้ำ เพราะครั้งแรกเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน “ครับ” “เฮียกำลังคิดอะไรอยู่คะ เหม่อเชียว” ดวงตาเรียวรีเบิกกว้าง เอียงคอยิ้มมองเขา “มีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ” “เปล่า ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น” หยาดพิรุณไหวไหล่ มองทิวทัศน์ ผู้คนที่นั่งอยู่รายล้อมก่อนจะมาหยุดโฟกัสที่ใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้เขาก็มองเธออยู่ “จริง ๆ วันนี้หยกมีเรื่องจะพูดกับเฮีย” “หืม เรื่องอะไรหรือครับ” “คือ อากงของหยกที่อยู่เมืองจีนไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ ท่านบอกว่าอยากเห็นหยกแต่งงานเร็วขึ้น เฮียจะว่ายังไงคะ” ปภังกรมองหน้าหญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง หลุบสายตาลงพื้น เรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับหยาดพิรุณคงต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่... “เฮียปรึกษากับป๊าก่อนแล้วกันนะ” “ค่ะเฮีย” ^ ^ ***แสดงความยินดีกับเฮียด้วยนะคะ จะมีเมียแล้ว อิอิ โปรดติดตามตอนต่อไปน้า แวะไปพูดคุยกันที่เฟสบุ๊คมนสิกานต์ นักเขียนได้นะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม