ตอนที่ 6
“เปล่าฮะ ผม...ผมไม่ได้เป็นกะเทยสักหน่อย แค่ตกใจที่เจ้านายก็อุ้มผมเท่านั้นเอง” สงกรานต์แก้ตัวเพราะกลัวจะถูกจับพิรุธได้ เธอกระถดร่างหนีก่อนที่จะถูกสงสัยมากไปกว่านี้
“ก็ดี อย่างให้ฉันจับได้นะว่าแกเป็น เพราะฉันไม่เอาแกไว้แน่” โตมรพูดเสียงเขียว ไม่รู้และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจเด็กหนุ่มคนนี้ด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าสงกรานต์เป็นกะเทยมันจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า สงกรานต์จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับน้องสาวของเขา แต่พอคิดแบบนั้นในใจมันโหยหายยังไงชอบกล รู้สึกเสียดายริ้วๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลจนต้องรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมาออกไป
“โอ๊ย! ผมเจ็บนะเจ้านาย เบาๆ ซิฮะ” สงกรานต์รีบยื่นมือไปจับมือใหญ่ที่จับขาของตัวเอง ในดวงตามีน้ำตาคลอหน่วย ใบหน้าเบ้ไปข้างหนึ่งเพราะเจ็บเมื่อถูกจับที่แผลอย่างแรงไม่ยั้งมือเลยสักนิด
“แกจะสำออยไปถึงไหน ถ้าร้องมาอีกแอะเดียว ฉันจะหักขาแกให้หักเป็นสองท่อนเลย” โตมรดึงขากางเกงของสงกรานต์ขึ้นไปแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นขาขาวเนียนเขียวช้ำเป็นปื้นใหญ่และมีเลือดไหลซึมอยู่ทั่วบริเวณจนมองแทบไม่เห็นตัวบาดแผลที่เขาไม่รู้ว่าจะมีพวกเศษไม้ติดอยู่บ้างหรือเปล่า
“ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” สงกรานต์บอกเสียงสั่น ขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งได้เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของโตมรแล้วยิ่งอยากร้องไห้ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
“เออ...รู้แล้ว ไม่ต้องมาทำสำออยขนาดนี้ก็ได้ ถ้ายังไม่อยากเผลอๆ ถูกถีบจนตกเก้าอี้” โตมรสบถ “สำออยยังกับผู้หญิง แตะนิดแตะหน่อยก็บ่อน้ำตาตื้น เป็นผู้ชายแน่เหรอวะเนี่ย”
“มีอะไรคะพี่ชาย เสียงดังไปถึงในห้องน้องเลย” กนกพิชญ์ถาม รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยที่ความสนุกสนานของตัวเองทำให้สงกรานต์เดือดร้อน
มันต้องโทษพี่ชายนั่นแหละที่กีดกันทุกคนให้อยู่ห่างจากเธอ เมื่อเห็นว่าพี่ชายทั้งรักทั้งสงสารและให้ความเป็นกันเองกับหนุ่มน้อยหน้าหวานที่เหมือนกับผู้หญิงตรงหน้า ส่วนหนึ่งเพราะอยากแกล้งแต่อีกส่วนก็หวงกลัวว่าพี่ชายจะมอบความรักให้กับคนอื่นมากกว่าเธอ เลยทำทุกวิถีทางให้สงกรานต์ถูกทำโทษ แต่พออีกฝ่ายถูกลงโทษ เธอก็ไม่สบายใจเหมือนกัน
“ว้าย! ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นคะพี่สงกรานต์ ใครเป็นคนทำร้ายพี่แบบนี้คะ” กนกพิชญ์ถามเสียงดัง ดวงตาเบิกกว้างพอๆ กับปากที่อ้าค้าง เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเธอก็รีบปิดปากทันที
หญิงสาวรีบเดินไปยืนใกล้คนที่นั่งน้ำตาไหลอาบแก้ม ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะเจ็บที่บาดแผล แต่อีกส่วนก็คงจะมาจากพี่ชายเธอนั่นแหละ กนกพิชญ์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดที่ความรักสนุกของตัวเองทำให้สงกรานต์ต้องเจ็บ ดูเหมือนว่าคราวนี้มันจะหนักหนาเสียด้วยซิ
“พี่ชายทำอะไรพี่สงกรานต์...ถึงได้เจ็บแบบนี้” กนกพิชญ์เล่นงานพี่ชาย สลับมองหนุ่มน้อยที่นั่งหน้าเบ้ น้ำตานองหน้าเพราะเจ็บแผลที่ตอนนี้มีรอยบวมทั้งแดงและเขียวปะปนกันไปและเลือดที่เกรอะกรังอยู่รอบแผล
“ผมไม่เป็นอะไรฮะคุณน้องน้ำฟ้า แค่เจ็บแผลนิดหน่อยเท่านั้นเอง” สงกรานต์รีบบอก ทั้งที่ตอนนี้เธอเจ็บแผลเป็นที่สุด ไม่รู้ว่าจะมีเศษไม้ติดอยู่หรือเปล่า เพราะมันเจ็บหน่วงๆ ขยับขาแทบจะไม่ได้ แล้วทำไมเลือดมันถึงไหลเยอะขนาดนี้ก็ไม่รู้ เมื่อครู่ตอนที่โดนรู้สึกเพียงแค่เจ็บแปลบๆ เล็กน้อยเท่านั้นเองนี่น่า
“นิดเดียวบ้าอะไรละพี่สงกรานต์ แผลออกใหญ่ บวม แดงและช้ำถึงขนาดนี้ แถมยังมีเลือดออกมาด้วยอีก ถามจริงเถอะ พี่ชายทำอะไรพี่สงกรานต์” กนกพิชญ์ไม่ยอมแพ้ เธอจะถามจนกว่าจะได้รับคำตอบ
“โดนขาเก้าอี้ฟาดเอาฮะ” สงกรานต์เลยบอกไป
“อะไรนะ! ขาเก้าอี้”
กนกพิชญ์ร้องอย่างตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง อ้าปากค้าง ด้วยความรู้สึกผิดที่เกาะกุมหัวใจ เป็นเพราะเธอใช่ไหม ที่ทำให้สงกรานต์ต้องมาบาดเจ็บแบบนี้
เฮ้อ...ขอโทษนะพี่สงกรานต์ สัญญาว่าต่อไปจะไม่แกล้งแบบนี้อีกแล้ว เมื่อได้รู้ความจริงสาวน้อยก็หันไปเล่นงานพี่ชายที่ทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บ
“พี่ชายนั่งเฉยอยู่ทำไมละคะ พี่ไม่คิดพาพี่สงกรานต์ไปหาหมอเลยหรือไง หรือว่าจะให้เจ็บอยู่แบบนี้” กนกพิชญ์ถามเสียงเขียว
ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะโกรธถึงขั้นระงับอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ไม่อยากคิดเลย...ถ้าเธอมีแฟนขึ้นมา พี่ชายจะไม่เล่นงานคนที่จะมาเป็นแฟนเธอจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือไงกัน ไม่อยากจะคิดถึงสภาพของคนที่เข้ามาเลย สงสัยจะต้องนอนหยอดน้ำเกลือก่อนละมั้ง ถึงจะได้เป็นแฟนเธอ
หาหมอ!
คนที่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปหาหมอ ตัวเย็นวาบในทันที ทั้งรังเกียจและหวาดกลัว ถ้าไปหาหมอสภาพบาดแผลที่เห็นมีสิทธิ์เต็มร้อยที่เธอจะต้องถูกฉีดยา
ไม่! เป็นตายยังไงก็ไม่ขอไปเด็ดขาด สงกรานต์ส่ายศีรษะไปมา
“มะ...ไม่ต้องหรอกฮะ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แผลแค่นิดเดียวเอง วันสองวันก็หายแล้ว” สงกรานต์รีบตอบเร็วรี่จนลิ้นพัวพันกับจับคำแทบไม่ได้
เธอกับหมอและโรงพยาบาลไม่เคยถูกกันเลย นับตั้งแต่จำความได้ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ถูกคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ แต่ว่ามือหนักฉีดยาจนแขนเธอถึงกับบวมแดง ไข้ขึ้นจนต้องย้ายตัวเองเข้าไปนอนในโรงพยาบาล ที่เหม็นกลิ่นยาจนมึนไปหมดและที่นั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันครั้งแรกของพ่อกับแม่ ต่อหน้าเธอ...การทะเลาะกันต่อหน้าเด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังจดกำลังจำ มันเลยกลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีสำหรับเธอและกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง
“น้องถอยออกมาก่อน พี่จะพาสงกรานต์ไปหาหมอ” โตมรบอกน้องสาว อยากต่อว่าสงกรานต์ที่ทำให้เขาต้องยุ่งยาก แต่ถ้าทำแบบนั้น เดี๋ยวน้องสาวไม่พอใจแล้วร้องไห้ขึ้นมาอีก เขาไม่ชอบให้น้องร้องไห้ ไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้หญิง มันทำให้อึดอัด หายใจไม่ออก ทั้งน่ารังเกียจและน่ารำคาญด้วย
เพียงแค่คิดว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญเหมือนกับสุนัขถูกรถบี้ทับแขนขา โตมรก็รู้สึกขนลุกขนพองด้วยความรังเกียจ ให้ดูแลคนป่วยช่วยตัวเองไม่ได้ถึงขั้นอึแตกเหม็นโฉ่ หรือจะเป็นคนเมาหัวราน้ำ เขายังรับได้ แต่กับผู้หญิงร้องไห้นี่รับไม่ได้เลย ได้ยินแล้วปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้
“ไม่...ไม่ต้องไปหาหมอไม่ได้หรือฮะ แผลแค่นี้เองเล็กน้อยจะตาย วันสองวันผมก็หายลุกมาเดินปร๋อและทำงานรับใช้เจ้านายได้สบายแล้วฮะ” คนเจ็บบอก แต่ดูเหมือนว่าสองพี่น้องจะไม่สนใจคำพูดของคนที่เจ็บเลยสักนิด ยังคงพูดคุยกันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
สงกรานต์ดึงเท้าและกายหนีร่างใหญ่ที่ก้มลงมาหาอย่างเร็วรี่ เพราะกลัวการไปโรงพยาบาลจนขี้ขึ้นสมอง ถ้าว่าหากต้องถูกหมอฉีดยาอีกก็... ความกลัวแผ่กระจายครอบคลุมหัวใจ
“ทำไม แกกลัวเข็มหรือไงสงกรานต์” โตมรทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าหนุ่มน้อยหน้าหวาน ใบหน้าแข็งแกร่งและกร้าวดุมีรอยยิ้มแต้มเล็กน้อย แต่ยังสู้ดวงตาสีสนิมไม่ได้ เพราะเพียงแค่มันเปล่งประกายแวววาวหัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ตัวก็ใหญ่ ไม่น่าจะกลัวเข็มเล่มเล็กนิดเดียวเลยนะ แกนี่ใจเสาะเสียจริง”
“เจ้านายก็ลองไปให้เขาฉีดดูบ้างซิ จะรู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน” สงกรานต์เถียงหน้าง้ำหน้างอ พลางขยับกายหนีโตมร แต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี ชายหนุ่มยื่นแขนมาขวางหน้าจนเกือบจะสัมผัสกับทรวงอกอวบอิ่มที่ถูกมัดซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าถึงสามชั้น ถึงจะมั่นใจว่าแม้โตมรแตะถูกก็ไม่มีทางรู้ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอก็กลัวอยู่ดี ถ้าความลับรั่วไหล ไม่รู้ว่าวันนั้นโตมรจะรู้สึกยังไง จะโกรธ เกลียด หรือแค้นเธอกับพ่อแค่ไหน