ตอนที่ 7
“ก็ไม่ได้เจ็บด้วยนี่หว่า จะให้ถูกฉีดยาได้ยังไง เอาน่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวจะอยู่เป็นเพื่อนตอนที่หมอเอาเข็มจิ้มเข้าไปในแขนแกดีไหม มันไม่ได้เจ็บมากมายสักหน่อย ก็แค่มดคันไฟกัดนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มพูดกลั้วยิ้ม พลางยื่นมือไปคว้าแขนเล็กพยุงให้ลุกขึ้น
“ไม่ดี ไม่เอา ไม่ไป” สงกรานต์ส่ายศีรษะปฏิเสธเต็มที่ พลางถอยหนีไปยังอีกฝั่งแต่ก็ติดมือใหญ่ที่จับไว้ ไม่แค่จับ แต่ยังยับย้ำลงน้ำหนักไปจนแขนเธอแทบจะหักออกเป็นสองท่อน
“โอ๊ย...เจ้านาย ผมเจ็บนะ”
“อย่าสำออยสงกรานต์ เดินเร็ว”
“ไม่เอาไม่ไป ปล่อยนะ” แต่แรงหญิงหรือจะสู้แรงชาย เพียงแค่โตมรออกแรงดึงร่างเล็กก็ถลาไปจนกระแทกเข้ากับกายแกร่งอย่างแรง จนจุกเจ็บจนพูดไม่ออก อึ้งอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วครู่ เกือบจะส่งเสียงโวยวายแล้ว แต่ก็ต้องเงียบดเมื่อเจอกับคำพูดของโตมร
“แกจะหยุดแหกปากร้องเอง หรือจะให้ฉันเอารองเท้าอุดปากแก เลือกเอา”
สงกรานต์รีบยกมือปิดปาก เพราะรู้ว่าโตมรเอาจริง แต่ยังไม่วายทำปากขมุบขมิบต่อว่า ‘ผู้ชายเอาแต่ใจ คนเฮงซวย’ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงไม่กล้าพูดหรอก มันหยาบคายเกินไป แต่ตอนนี้นะหรือ อยากได้คำพูดแรงๆ พูดใส่หน้าโตมร แต่ตอนที่กำลังเจ็บตัวอยู่นี่...คิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลย
กนกพิชญ์ยิ้มแก้มตุ่ยมองสองคนตรงหน้า ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างระอา เหมือนเห็นเด็กสองคนกำลังทะเลาะกันยังไงก็ไม่รู้ เห็นแล้วมันอดยิ้มไม่ได้ พี่ชายไม่เคยยิ้มและหัวเราะแบบนี้นานเท่าไหร่แล้ว คงตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่เสียนั่นแหละ แม้จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะคนที่ทำให้พี่ชายยิ้มได้ไม่ใช่เธอ แต่เฮ้อ...สงสัยเธอคงจะอดได้พี่สะใภ้เสียแล้วละ เพราะพี่ชายดัน...
ถามว่ารับได้ไหมถ้าเป็นอย่างที่คิด สำหรับคนอื่นเธอไม่รู้ แต่สำหรับเธอรับได้ ขอเพียงแค่พี่ชายมีความสุขเท่านั้นน อีกอย่าง ได้สงกรานต์มาอยู่ร่วมบ้านให้เธอได้แกล้งก็ดีกว่ายายหน้าขาวดารกาที่สวยแต่รูปจูบไม่หวาน ปากร้าย พี่ชายพายายนั่นเข้ามาเป็นใหญ่ในบ้านเมื่อไหร่ เธอคงจะโดนหาเรื่องไล่ออกจากบ้านภายในสามวันเจ็ดวันเป็นแน่แท้
กนกพิชญ์ถอยออกมาให้พี่ชายได้อุ้มสงกรานต์ไปขึ้นรถ ส่วนตัวเองก็ผละไปทางด้านหลัง แต่เพียงแค่ยื่นมือไปจับขอบประตูพี่ชายก็พูดขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เธอถึงกับเซ็งไปเลย คิดว่าจะถือโอกาสตอนที่พี่ชายสงกรานต์เข้าไปให้หมอรักษา จะออกไปเปิดหูเปิดตาและซื้อของใช้ส่วนตัวเสียหน่อย เฮ้อ!
“เราอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไป เดี๋ยวคุณดาหลาจะมาธุระกับพี่ เรารับเรื่องไว้ให้หน่อย พี่คงไปไม่นานหรอก”
“คะ...พี่ชายว่าอะไรนะ ให้น้องอยู่พบใครนะคะ” กนกพิชญ์ถามเสียงแหลม
“หูไม่ได้ตึงเหมือนเจ้าสงกรานต์มันเสียหน่อย ทำไมต้องให้พี่พูดซ้ำอีกน้ำฟ้า”
มาแขวะกัดเราอีกคนได้ สงกรานต์ย่นจมูก พร้อมกับหาโอกาสกระเถิบร่างกลมกลึงไปอีกฝั่งของรถอย่างเชื่องช้า ถ้ามีโอกาสก็จะได้รีบลงและไปอยู่หลบอยู่ที่ไหนก็ได้ที่โตมรจะหาไม่เจอ จะได้ไม่ต้องไปหาหมอ นึกถึงเข็มฉีดยาทีไรแล้วมัน อื้อ...เสียววูบในอก ถึงโตมรจะบอกว่าเจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียว แต่สำหรับเธอแล้วมันก็เจ็บอยู่ดี
“จะไปไหนสงกรานต์ ถ้ายังจะหนีอีก ฉันจะต่อยแกให้เบ้าตาให้เขียวช้ำเลย แล้วจะหิ้วปีกแกไปให้หมอฉีดยาสักสามเข็ม เอาไหม” ขู่สงกรานต์เสร็จโตมรก็หันไปหาน้องสาว
“ให้น้องพาพี่สงกรานต์ไปหาหมอดีกว่าไหมคะ แล้วพี่ชายก็อยู่รับหน้าคุณดาหลา” กนกพิชญ์เสนอทางเลือกที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด เพราะเธอไม่อยากเจอยายผู้หญิงตีสองหน้านั่นที่สุดเลย
“ไม่ดี เพราะพี่กลัวเราสองคนจะพากันไปเหลวไหลจนไม่ได้ไปหาหมอ พี่พาไปเองนั่นแหละดีที่สุด” ชายหนุ่มโต้กลับและพาตัวเองมาขึ้นรถก่อนจะรีบขับออกไป โดยทิ้งเพียงแค่ฝุ่นและควันรถจางๆ ไว้ด้านหลัง
“ความจริงเจ้านายไม่น่าลำบากพาผมมาเองเลย ให้คุณน้องน้ำฟ้าพามาก็ได้” สงกรานต์พูดเสียงอ่อย ขณะเดินตามแรงลากจูงของโตมรเข้าไปในโรงพยาบาลประจำอำเภอด้วยหัวใจที่สั่นเทา กลัวจนมือและเท้าเย็นเฉียบ ใบหน้านวลเผือดซีด แม้กระทั่งดวงตาก็เริ่มจะมีน้ำตาคลอเบ้า แม้ที่นี่จะจัดไว้อย่างร่มรื่น แต่ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาล ก็ไม่มีใครเขาอยากมากันหรอก ใครที่ไหนอยากจะเจ็บป่วยกันล่ะ ยิ่งเธอด้วย อยากแต่จะอยู่ให้ห่างไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ให้แกกับน้องสาวฉันมากันเองนะหรือ ป่านนี้คงจะพาไปร่อนอยู่ตามห้างเรียบร้อยแล้วมั้ง”
แนะ...คนอะไรเนี่ย ฉลาดมาก แล้วยังรู้ทันความคิดเธออีก เพราะความที่มีโตมรอยู่ด้วยและคำพูดที่เหมือนจะหยอกเย้าและให้กำลังใจในคราวเดียวกัน เลยทำให้ความกลัวลดน้อยถอยลงไปได้เยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
สงกรานต์ได้แต่ยิ้มแหยๆ แหะๆ เพราะคำพูดของโตมรดันตรงกับใจเธอมากเลย ถ้ากนกพิชญ์เป็นคนพามา ป่านนี้เธอกับคุณน้องน้ำฟ้าก็คงจะไปเดินเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในห้างโดนดูโน่นดูนี่กันเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วละ
ถึงจะอยู่ในร่างหนุ่มน้อย แต่การได้เห็นของสวยๆ งามๆ ได้จับต้องถึงจะไม่ได้ซื้อหามันก็ทำให้เธอยิ้มได้ ยิ่งไปกับกนกพิชญ์นะหรือ อีกฝ่ายต้องซื้อแน่ แอบๆ ใส่ในถุงไปบ้าง พอถึงบ้านแล้วรีบหยิบไปซ่อนจากสายตาคุณน้องน้ำฟ้า แค่นี้ก็ได้กลับมาสักชิ้นสองชิ้นแล้ว ที่สำคัญการซื้อของบางอย่างก็ทำได้ง่ายด้วย เพราะกนกพิชญ์ไม่ค่อยสนใจอะไร ผิดกับโตมรที่มักจะจับตาดูทุกฝีก้าว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเกือบจะพลาดท่าให้ถูกจับได้เมื่อแวะซื้อของใช้ส่วนตัว แล้วโตมรก็ดันหันมาเห็นเข้าพอดี ตอนแรกก็คิดว่าชายหนุ่มไม่สงสัยอะไรหรอกนะ แต่เมื่อขึ้นไปนั่งรถได้เท่านั้นแหละ คนที่จ้องอยู่แล้วก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
“แกซื้อไอ้เจ้านั่นทำไม”
“ซื้ออะไรหรือฮะ” สงกรานต์มองตามมือโตมร ดูเหมือนช่วงนี้เธอดวงซวยและตกต่ำที่สุด เพราะผ้าอนามัยยี่ห้อซึมซับดีเยี่ยมดันหล่นออกมาอยู่นอกถุงใส่
“อ๋อ...นั่น...นั่นหรือฮะ” จำได้ว่าวันนั้นเธอตกใจจนมือและเท้าเย็นไปหมด ใบหน้าคงจะซีดเผือดด้วย ในดวงตาตื่นตระหนก แต่ยังดีว่าสมองยังคงใช้การได้ดี รีบบอกออกไปทั้งที่ปากสั่นระริก แม้กระทั่งน้ำเสียงที่ออกไปก็สั่นเช่นเดียวกัน
“ของ...ของพี่ๆ ที่ไร่ฝากซื้อนะฮะ ถ้าผมเข้าเมืองก็ให้ช่วยซื้อไปให้หน่อย ผมซื้อไปก่อนแล้วค่อยไปเอาเงินคืนทีหลังนะครับ บางคนก็ให้ผมขายเลย” แม้รู้ว่าคำที่พูดออกไปไม่ค่อยจะน่าเชื่อ แต่มันก็เป็นเหตุผลดีที่สุดที่หาได้ในตอนนั้น
“ลงไปได้แล้ว”
สงกรานต์สะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ความคิดถึงเรื่องเก่า หันไปส่งยิ้มปูเลี่ยนๆ ให้กับโตมร ขณะคิดว่าจะทำยังไงให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจไม่พาเข้าโรงพยาบาล
โตมรถอนใจยาวเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง นิ้วยาวเคาะพวงมาลัยรถเบาๆ ก่อนจะปรายตามองร่างเล็กอย่างหงุดหงิดและรำคาญ กะอีแค่หาหมอ เรื่องเล็กนิดเดียวกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ยังกับจะถูกเขาพาไปเชือดอย่างนั้นแหละ มันน่านักเชียว น่าจะพาเข้าไปโรงเชือดเสียจริง
“เอ่อ...เจ้านาย...คือว่า...” สงกรานต์ขยับตัวชิดขอบประตู แค่เจ็บขานิดเดียวเอง ไม่ต้องมาหาหมอก็ได้ เธอมองโตมรอย่างอ้อนวอนปนขลาดกลัว
ปัง!