หลังการประชุมผู้ปกครองผ่านพ้นไป แน่นอนว่ากลับบ้านมาห้าวหาญโดนแม่เทศน์ยับ เพราะไม่ยอมส่งการบ้านเลย สอบก็จดโพยเข้าไป แถมไปเข้าแถวทันบ้างไม่ทันบ้างตลอดการเรียนที่ผ่านมา เด็กชายล่วงรู้ชะตากรรมของตัวเอง แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้
“มึงดูเดือนสิ ครองแชมป์นักเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เรียนประถม” แม่เริ่มเทศน์ต่อว่าที่ไม่รู้จะจบตอนไหน
“หนูครองที่โหล่ทุกปีไม่ดีหรือไง โอ๊ย!!”
“นี่... ครองที่โหล่เหรอ ไปประชุมทีไรอับอายขายขี้หน้า ทำตัวเกเรนักนะ เรียนก็ไม่ได้เรื่องยังจะเกเรอีก จะทำมาหากินอะไรได้ห๊ะแบบนี้!!” คนเป็นแม่บ่นไปก็ฟาดลูกด้วยก้านมะยมไป เจ็บใจเหลือเกินมีลูกชายคนเดียวก็ไม่ได้เชิดหน้าชูตาอะไรเลย ผิดกับเพื่อนสนิทที่มีลูกสาวเป็นหน้าเป็นตาเรียนดี หน้าตาก็ดี นิสัยก็เรียบร้อยน่ารัก
“มานี่กูจะเอามึงไปฝากเป็นลูกศิษย์หนูเดือน” คนเป็นแม่บิดเข้าที่หูลูกชายแล้วดึงจูงให้เดินตามออกมาที่นอกบ้าน มีจุดหมายคือร้านทองของเพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน หมายจะฝากให้เดือนเต็มสอนลูกชายให้ได้ดีเสียบ้าง
“โอ๊ย!! แม่ปล่อย.....หนูอายเขา” ลูกชายร้องลั่น เจ็บก็เจ็บ อายก็อาย คนมองกันเต็มไปหมด ให้เดาคงจะได้ยินตั้งแต่ตอนที่แม่สาดคำด่าใส่ด้วยแน่ ๆ
“อะไรกันเรไร เสียงดังมาถึงนี่” วิภาแม่ของเดือนเต็มเดินออกมารับเพื่อนที่หน้าร้าน หลังได้ยินเสียงเอะอะ มองออกมาเห็นเรไรหิ้วหูลูกชายมาพร้อมหน้าตาฉุนเฉียวจึงรีบออกมาดู
“ก็เรื่องในห้องประชุมนั่นแหละ อับอายขายขี้หน้า”
“เข้ามาก่อน ๆ คุยข้างนอกอายเค้า แล้วก็ปล่อยมือจากหูตาสิงห์ด้วย ดูสิแดงไปหมดแล้ว”
ทั้งหมดพากันเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะเดินทะลุออกไปยังหลังบ้านที่มีม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้สำหรับนั่งคุยกัน
“ที่มาก็อยากจะฝากไอ้สิงห์ให้หนูเดือนช่วยสอนการบ้านมันหน่อย มันโง่ ที่ไม่ได้ส่งก็คงเพราะทำไม่ได้นั่นแหละ” เมื่อมาถึงม้านั่งเรไรก็เข้าประเด็นทันที ไม่รีรอให้ลูกชายอิดออดหนีหาย
“โห่แม่ ลำบากเขา ไม่ต้องหรอก” เด็กชายกระซิบบอกแม่
“ไม่หรอก เดี๋ยวน้าคุยกับเดือนให้”
“มันไม่ได้เกรงใจหรอกภา ...มันขี้เกียจ”
“อ้าวเดือน มาพอดีเลยมานี่หน่อยสิลูก” เมื่อแม่หันไปเห็นลูกสาวกำลังเดินผ่านจึงกวักมือเรียกให้มาร่วมวงสนทนา
“สวัสดีค่ะน้าเรไร”
“สวัสดีจ้ะ” เมื่อเห็นหลานยกมือไหว้อย่างนอบน้อม เรไรก็ได้แต่รับไหว้แล้วยิ้มให้สาวน้อยน่ารักด้วยความเอ็นดู แต่พอหันมาเจอลูกชายก็เกิดอยากจะเขกกะโหลกแรง ๆ สักที ทำไมมันถึงได้ต่างกันนัก
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าทุกคนดูจะตึงเครียด
“น้าไปประชุมมา ครูบอกว่าไอ้สิงห์มันไม่ส่งการบ้านเลย ไปเรียนก็ไม่ทันเข้าแถว สอบก็โกง น้าเลยว่าจะเอามันมาฝากให้หนูเดือนช่วยดูหน่อย”
“ได้ค่ะ เดือนเป็นหัวหน้าห้องพอดี”
“อย่าเลยแม่ เกรงใจ” ห้าวหาญพยายามปฏิเสธ แน่ล่ะถ้าต้องมาทำการบ้านแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปล่าลูกแก้ว ไหนจะกิจกรรมยิงนกตก
ปลาหลังเลิกเรียน การบ้านเยอะแยะขนาดนั้นทำถึงกี่ทุ่มถึงจะเสร็จ ไม่เอาด้วยหรอก
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก สิงห์ช่วยเราตั้งหลายอย่าง”
“อย่างไอ้สิงห์เนี่ยเหรอ ช่วยหนู” เรไรถามแทรกขึ้นเมื่อได้ยินประโยคของเดือนเต็ม เป็นประโยคเอ่ยชมลูกชายตนเองที่ไม่น่าเป็นไปได้
“ค่ะ อย่างตอนเรียนวิชาการงานครูให้ทำแปลงผักสิงห์ก็มาช่วยหนูตลอด เวลาเรียนพละสิงห์ก็สอนหนูเดาะปิงปอง แถมยังรับหนูกลับบ้านทุกวัน”
“เล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยกันได้ก็ช่วย ๆ กันนั่นแหละ มีอะไรให้มันช่วยก็บอกเลย ถ้ามันไม่ช่วยมาบอกน้าเลยนะ น้าจะจัดการเอง”
“แม่!!”
“เงียบไปเลย!!” พอลูกชายพูดแทรกเรไรก็หันไปดุ ทำให้ห้าวหาญทำได้แค่นั่งหงอยฟังคำบัญชาของแม่อย่างเดียว
“ถ้างั้นน้าเรไรก็ให้สิงห์มาทำการบ้านที่บ้านหนูตอนเลิกเรียนทุกวัน...”
“กูไม่ว่าง โอ๊ย!!” เด็กชายร้องลั่นเมื่อถูกหยิกเข้าที่พุง
“มึงจะไปไหน ทำการบ้านให้เสร็จก่อน!!”
“หนูจะไป...ยิงนก”
“กูเนี่ยจะยิงหัวมึง จะไปยิงเอามาทำอะไร มึงเอาเวลามาทำการบ้านนี่” เดือนเต็มยืนมองสิงห์กับแม่ก็อดขำแทบไม่ได้ ต้องยืนอมยิ้มกลั้นหัวเราะ สิงห์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนลูกแมวเวลาอยู่กับแม่ ทั้งโดนทุบ โดนหยิก ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากก้มหน้ายอม
“เริ่มวันนี้เลยนะ เดี๋ยวกลับบ้านไปเอาการบ้านมาเลย ให้เดือนเขาช่วยสอน” เรไรออกคำสั่งกับลูกชาย