2
“ไอ้คนสารเลว กลับมาก็สร้างเรื่อง คิดจะแต่งงานกับนางรึ ฝันไปเถอะ อย่างไรข้าก็ไม่รับนางเป็นสะใภ้” หลิวซื่อแผดเสียงใส่ ยังจะจับจอกน้ำชาปาหัวของคนโง่เข้าให้อีกด้วย
ถังม่านชิงถูกด่าจนหน้าชาไปหมด นางกำมือแน่นบนกระโปรงสีหวานสดใสนั่น นางฝืนยิ้มแต่ก็ดูไม่ถึงดวงตา แม่ทัพจ้าวรีบกอบกุมมือของนางเอาไว้ ประกาศออกไปทันใด “ถึงอย่างไรข้าก็จะแต่งงานกับนางคาดว่าน่าจะเป็นต้นเดือนซานเยว่ ไม่ต้องขอท่านพ่อท่านแม่ให้วุ่นวายจัดงานให้”
“ออกไป! ไสหัวออกไป” หลิวซื่ออดทนไม่ไหว สาดน้ำชาใส่หน้าของลูกชาย
ไป๋ฟางหรงทำได้แค่เพียงยืนนิ่ง ๆ มองลูกชายด้วยความสงสาร นางต้องทำให้ลูกชายได้เห็นภาพที่ไม่น่าจดจำแล้ว นางเจ็บปวดใจนักยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เขาเย็นชาไร้ใจ นางจะใช้ความจริงใจเข้าสู้ แต่ครั้งนี้หัวใจของเขามิใช่ของนางอีกแล้ว
เพียงแค่เขาเดินออกมา ฝ่ามือที่มันไม่เคยเป็นของนางมาก่อนได้กอบกุมสตรีอีกคนเอาไว้ เขากำลังปกป้องคนรัก แต่กำลังเหยียบย่ำหัวใจของนางใจจมสู่ผืนดิน “ถึงอย่างไรข้าก็จะแต่งงานกับนาง และอย่าเอาลูกของเจ้ามาบังหน้าเล่า”
จ้าวหย่งเล่อโตพอแล้ว เขาสะบัดมือออกจากท่านปู่ เดินตรงไปยังบิดาของตน “ใช่! ข้าเป็นลูกท่านแม่ ไม่ใช่ลูกของผู้ชายใจร้ายเช่นท่าน!” จ้าวหย่งเล่อตะเบ็งเสียงใส่บิดา ท่าทางแข็งกร้าวนักแววตาของเขาดุดันยิ่ง ชำเลืองมองสตรีอีกคนด้วยความไม่พอใจนักหนา
“สตรีดี ๆ ที่ไหนยังไม่แต่งงาน ก็มาอยู่บ้านผู้ชายเสียแล้ว ไร้ยางอายนัก!” จ้าวหย่งเล่อแค้นใจเป็นที่สุด จึงได้พ่นวาจาเหยียดหยันอีกฝ่ายเข้าให้
ฝ่ามือหนาของบิดาฟาดเข้าให้ที่ใบหน้าของจ้าวหย่งเล่อ แม้มันจะไม่รุนแรงนักแต่ก็ทำให้ทุกคนตาค้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ไป๋ฟางหรงนางไม่ยอมเป็นอันขาด “เจ้ากล้าตีลูกชายข้า!” นางไม่เคยลงมือหรือขึ้นเสียงกับใคร ๆ แต่นางยอมไม่ได้ จึงคว้าเอาแจกันฟาดลงที่ศีรษะของท่านแม่ทัพโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ฟางหรงว่องไวนักพริบตาเดียวเท่านั้นเอง
เลือดไหลนองลงมาแม่ทัพจ้าวยังมึนงงอยู่ด้วยซ้ำยกมือขึ้นจับศีรษะของตน เศษแจกันแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ การกระทำของนางที่โจ่งแจ้งนั่น ทำให้แม่สามีและพ่อสามี รวมถึงบ่าวไพร่ ต่างหวีดร้องกัน ในจวนอลหม่านขึ้นมาทันใด
ไป๋ฟางหรงเดือดดาลนัก นางยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย “จำเอาไว้ ท่านไม่เคยเลี้ยงดูลูกข้า ไม่เคยสอนสั่งลูกข้า คราวหน้าอย่าได้ริอ่านมาทำร้ายเขา หากข้าเหลืออดขึ้นมาวันใด รับรองว่าชีวิตของท่านจะไม่มีอีกต่อไป จดจำใส่ใจของท่านเอาไว้ให้ดี ลูกข้าใครก็ห้ามแตะต้อง!”
ฝ่ามือที่แสนจะหยาบกระด้าง จับจูงลูกชายเข้าไปยังเรือนอย่างไม่ไยดีอีก เมื่อครู่นางแผดเสียงใส่เขา คงทำให้ลูกชายตกใจแล้ว จ้าวหย่งเล่อถูกมารดาจูงเข้ามาก็ไม่ถูก จะต้องเรียกว่าลากเขามาถึงจะถูกต้อง ท่านแม่ที่อ่อนแอคนนั้นหายไปไหน ทำให้ลูกชายยืนงงอยู่เป็นนาน
ฟางหรงจัดหายามาทาบนแก้มของลูกชาย เห็นขึ้นเป็นรอยฝ่ามือนึกโมโหนัก นางค่อย ๆ ทายาที่มีส่วนผสมของบัวหิมะและยังมีรากของสมุนไพรหลายอย่าง ด้วยเพราะตระกูลของนางเป็นหมอมาหลายรุ่น
จ้าวหย่งเล่อกระตุกแขนเสื้อของท่านแม่ “ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านตีหัวท่านพ่อยอดเยี่ยมไปเลยขอรับ” เด็กชายรู้เพียงแค่ว่า เขาอยากเห็นมารดาโกรธเช่นนี้อีก ปกติส่วนมากก็เห็นเอาแต่เคร่งเครียด ทำงานไม่หยุดหย่อน เวลาจะพักเอนหลังสักงีบก็หาได้มีไม่
“เจ้านี่นะ” ใครจะทนไหวกัน มาถึงก็ลงมือกับลูกชายของนาง “ทีหลังอย่าพูดจาเช่นนั้นกับท่านพ่ออีกเข้าใจหรือไม่” ฟางหรงอย่างไรก็ต้องสอนสั่งลูกชาย
“ก็เขาทำให้ท่านแม่ปวดใจนี่นา ข้าทนไม่ได้หรอก ดูท่านย่าสิยังอดโมโหไม่ได้เลย ท่านปู่ก็อีกคนยังอดที่จะก่นด่าท่านพ่อไม่ได้ด้วยซ้ำ” หย่งเล่อคล้ายว่าเบาใจนัก มีแต่คนเข้าข้างมารดาของตน เขายืดอกดูภูมิใจนักหนา
“ผู้ใหญ่จะทำอะไรย่อมคิดอ่านให้รอบคอบ แม่มีปากเสียงกับท่านพ่อเจ้าก็เพราะรักเล่อเอ๋อร์มาก” นางเองก็เช่นเดียวกัน หากเขายังยืนยันคำเดิม นางจะขอหย่ากับเขาเอง คิดเพียงแค่จะพาลูกชายออกท่องเที่ยวโลกกว้าง ยังดีกว่าอยู่เห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างพวกเขาทั้งสอง
ถังม่านชิงกำลังทำแผลให้ท่านแม่ทัพ มีท่านหมอมาดูอาการให้แล้วว่าไม่หนักหนา ก็แค่...หัวแตกธรรมดาเสีย เขายังนึกแค้นเสียใจแทนคุณชายน้อยเลย รู้เช่นนี้ยุแยงให้ฮูหยินหยิบกระบี่ฟันให้หัวแบะไปแล้ว
มีอย่างที่ไหนกัน เข้าบ้านวันแรกก็ก่อเรื่องเสียแล้ว เสียทีเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ กลับถูกสตรีทำให้หลงใหล หลงลืมภรรยาที่อยู่เฝ้าจวน ดูแลพ่อแม่สามีเป็นอย่างดี บ้านเรือนก็จัดการให้อย่างดีเยี่ยม ท่านแม่ทัพมีตาแต่หามีแววไม่
“ท่านแม่ทัพเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ” ม่านชิงนึกไม่ถึงว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ และเจ้าเด็กเหลือขอนั่นอีกกล้าดีอย่างไรมาต่อว่านาง “พี่สาวก็กระไร บิดาสั่งสอนลูกนั้นถูกแล้ว นางให้ท้ายเช่นนี้สักวัน”
“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าไปซะ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่าริอ่านมาออกความคิดเห็นในจวนของข้า!” หลิวซื่อตวาดใส่อย่างไม่ชอบใจนัก
“หัวแตกแค่นี้ยังน้อยไป หากเป็นข้าละก็ จะเอากระบี่ตัดหัวเจ้าไอ้ลูกชั่ว” หลิวซื่อกระแทกไม้เท้าอย่างไม่พอใจ “โง่งมนัก หากหรงเอ๋อร์ล้มป่วยอีก เจ้าจะต้องรับผิดชอบ!” นางรักลูกสะใภ้คนนี้มาก เอ็นดูเปรียบดั่งลูกสาวอีกคน
แม่ทัพจ้าวยิ่งปวดหัวรุนแรงเข้าไปใหญ่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดท่านแม่และท่านพ่อของเขาจะต้องปกป้องนางขนาดนั้น อันที่จริงเมื่อก่อนเขาก็รักนาง แต่เมื่อรู้ว่า นางทำทุกอย่างเพื่อจะให้ได้เขามา
เขารู้สึกสะอิดสะเอียนนักและเริ่มไม่พอใจ จนกระทั่งในวันเข้าหอ นางกล้าวางยางปลุกกำหนัด หากไม่พลาดพลั้งเสียท่า ก็คงไม่มีลูกชายโดยที่เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำไป