วันต่อมา
//มายู//
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะกำลังโดนเขี่ยที่แก้ม ตอนนี้รามกำลังใช้นิ้วเขี่ยแก้มของฉันเบาๆ อยากจุ๊บจังเลย
“นายตื่นนานยัง” ฉันพยายามลุกจากที่นอนแต่กลับถูกมือหนาจับให้นอนลงอีกครั้ง
“อย่าเพิ่งลุกครับ ยังเช้าอยู่นอนไปก่อนก็ได้”
“เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะ ไม่กลัวว่าจะมีคนไปฟ้องพ่อฉันเหรอ”
“พูดจาไม่เพราะออกไปเลยไป” ผมหันหน้าหนีคุณหนูที่พูดจาไม่เพราะไม่น่าฟัง งอนนนนน
มายูเกาหัวเบาๆให้กับท่าทางของพระราม จู่ๆก็ไล่ตอนแรกบอกให้นอนอะไรของเขา วัยทองหรือไง เธอชะโงกหน้าไปมองแต่ถูกพระรามหันหน้าหนี เป็นอะไรอ่า..
“ราม!”
ชิ! ดูเรียกเข้าสิเมื่อคืนนะรามคะรามขา ตอนนี้เรียกรามดีนะไม่เรียกไอ้ราม ผมเชิดหน้าไม่สนใจคุณหนูแต่อย่างใด
“รามคะ รามคะหันมาหามายูก่อน”
หึ! ยังไม่หายงอนง่ายๆหรอกไม่หลงกล ไม่สนใจ
“อะแฮ่ม พี่รามคะหันมาหามายูก่อนสิ” ฉันทำหน้าตาออดอ้อนสุดฤทธิ์บอกเลยใครได้เห็นหน้าฉันตอนนี้ละลายทุกคน คุณพ่อยังต้องยอม
ผมหันไปมองหน้าคุณหนูตอนนี้ต้องรีบหันกลับมาอย่างไว ไม่ได้แบบนี้ผมหลงแน่
“พี่รามหนูหิวข้าวแล้วพี่รามขา...”
“ขา...” จบผมแพ้แล้ว แพ้เด็ก!
ฮ่าๆๆ บอกแล้วไงใครเจอท่าไม้ตายนี้เสร็จฉันหมด ฉันรีบแต่งตัวออกมาจากห้องเพื่อรอทานอาหารเช้าด้วยกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวยที่สุดในชีวิตแล้ว ร่องรอยสีแดงที่หน้าอกบ่งบอกว่าเมื่อคืนเราสองคนมีความสุขมากขนาดไหน
อีกด้าน
เขตเหนือ [อดีตเคยเป็นพื้นที่ดูแลของโอตะ พี่ชายของฮานะ] [อ่านได้ในภาคแรก เรื่องผู้หญิงต้องห้าม]
ท่านไคเดินตรวจงานกับฮานะและหมอคิม ตอนนี้ผู้ป่วยที่นี่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและกำลังจะเอาไม่อยู่ หมอคิมเลยต้องพาท่านไคกับฮานะกลับก่อน ขืนอยู่นานคงไม่ดีแน่ๆ
“ไอ้หมอทีมวิจัยโรคติดต่อกลับมาหรือยัง” ท่านไคเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“ตอบกลับแล้ว แต่การส่งเชื้อไปมันเสี่ยงมากอาจจะต้องส่งทีมวิจัยเข้ามา”
“กว่าจะมามันไม่แพร่กระจายหรือไง เขตกูก็แย่มีนักศึกษาติดจะ10คนแล้ว ดีว่าไอ้รามมันมีสติให้ลูกกูออกมาก่อน ส่วนคนป่วยก็ระงับกักตัวหมด”
"มันรู้วิธีป้องกันด้วยเหรอ”
“มันเคยเป็นบอดี้การ์ดให้กับทีมวิจัยมาหลายที่ ผลงานดีการต่อสู้ไม่เป็นรองใคร ถนัดอาวุธปืนและการต่อสู้มือเปล่า กูถึงไว้ใจมัน”
“แล้วนี่มายูไม่โทรมามึงเลยเหรอ”
“ไอ้รามมันบอกว่าช่วงนี้อ่านแต่หนังสือ กูสั่งปิดมหาลัยไปแล้ว คงต้องเร่งอ่านหนังสือ ลูกกูเฉื่อยมากมึงก็รู้”
ทั้งสองเดินกลับมาถึงที่พักก็รีบเก็บของแล้วเดินทางกลับ ฮานะพยายามติดต่อลูกสาวแต่ว่าเธอไม่รับโทรศัพท์ ก็เลยไม่ได้บอกว่ากำลังเดินทางกลับ
บ้านท่านไค
มายูกำลังนอนเล่นเกมส์อยู่กลางบ้านโดยมีพระรามนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ตอนนี้ลูกน้องของท่านไคเริ่มเดินเข้าออกทั้งสองจึงห่างๆกันไว้
“ราม!”
“พูดใหม่!” ผมละสายตาจากหนังสือจ้องหน้าเธอจนเธอหน้างอ
“พี่รามคะ”
“อืมค่อยน่าฟังหน่อย มีอะไร”
“เรามาเป็นแฟนกันไหมคะ” ฉันรวบรวมความกล้าเพื่อขอคบกับพี่ราม มันจะดูน่าเกลียดไปไหมเป็นผู้หญิงที่มาขอคบกับผู้ชายแบบนี้
“จีบผมสิ จีบติดจะยอมคบ”
“โธ่ ฉันจีบใครไม่เป็นหรอก”
“เรียกว่าอะไรนะ” ผมวางหนังสือในมือลงทำให้มายูรีบลุกมาปิดปากตัวเอง “เรียกตัวเองว่าอะไรนะครับ”
“ขอโทษค่ะ พี่รามขา...มายูไม่เคยจีบใคร จีบไม่เป็นหรอกค่ะ”
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกครับ ถ้าไม่จีบผม ผมก็ไม่คบกับคุณหนู เวลาผมเครียดจะได้ไปเลาจน์แทน”
“พี่ราม! ไม่เอาถ้าพี่ไปใช้บริการพวกนั้นหนูจะเผาเลาจน์ให้วอดเลย หนูเคยเผามาครั้งนึงแล้วนะไม่ได้ขู่!”
เรื่องนี้ผมรู้ ผมเคยได้ยินมาตอนที่ท่านไคพาลูกค้าไปใช้บริการ แต่คุณฮานะจับได้เพราะGPS ของท่านไคอยู่ที่เลาจน์ ทั้งสองเลยมีปากเสียงกัน คุณหนูของผมเลยตัดความรำคาญด้วยการเผามันไปเลย เลาจน์นี้มันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้ทันสมัยกว่าเดิม บอกเลยสาวอย่างแจ่ม
“ไปหาข้องมูลเอาสิครับ ไม่รู้ล่ะผมให้เวลา3เดือน จีบผมให้ติดถ้าจีบไม่ติดเราสองคนก็เป็นได้แค่บอดี้การ์ดกับคุณหนูมาเฟียเหมือนเดิม”
“ก็ได้ค่ะ พี่รามรอหนูได้เลย”
ช่วงบ่าย
ผมเดินออกมาจากห้องก่อนจะรีบให้คุณหนูกลับขึ้นห้องให้ไวที่สุด ตอนนี้รถของหมอคิมขับเข้ามาจอดตามด้วยคุณฮานะกับท่านไค ไม่ได้การแล้ว ผมมองคุณหนูที่วิ่งแจ้นขึ้นบ้านไป โธ่คุณหนูกางเกงในก็ไม่เอาไปด้วย ผมรีบหยิบใส่ลิ้นชักอย่างไว
ตอนนี้ผมเดินออกไปคำนับทุกคนจากนั้นก็ช่วยยกของเข้าบ้าน ใจผมเต้นตึกๆๆเลยตอนถูกสายตาของท่านไคมองมา
“คุณพ่อขา คุณแม่ขา ลุงคิมขา” เสียงเล็กๆที่เสแสร้งวิ่งลงมาจากห้องเข้าสวมกอดทั้งสามคนด้วยความคิดถึง