รถเก๋งคันหรูยังไม่ทันจอดสนิด สโรชามองเข้าไปในบ้านเก่าทรงไทยตรงหน้า บริเวณรกไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มองไปไกลๆคล้ายมีที่ว่างกว้างพอจะเป็นเรือนหลังใหญ่ ถ้าจำไม่ผิด เนื้อที่แปลงนี้มีบ้านสองหลัง แต่เรือนหลังใหญ่ถูกรื้อถอนไปนานแล้ว เหลือเพียงเรือนหลังเล็กนี้เท่านั้น
“รกกว่าที่คิดอีก”
เสียงธีรภัทรทำให้สโรชาสะดุ้ง เธอหันมายิ้มน้อยๆ ให้เขา รู้สึกดีใจปนเกรงใจที่เขายอมเสียเวลางานพาเธอมาดูสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้
“บัวไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อนเลยค่ะ”
เธอพูดไปตามตรงแล้วเปิดประตูลงจากรถ แม่ของเธอจากไปตั้งแต่ยังเด็กนัก เธอแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่เหลืออยู่เลย พอรู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่แม่เติบโตก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“ขอคุยสั่งงานสักครู่นะครับ” ธีรภัทรหยิบโทรศัพท์มือถือออก
“ค่ะ บัวจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย”
“น้องบัวอย่าเข้าไปใกล้นักนะครับ ไม่รู้มีงูหรือเปล่า” เขาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ยกมือขึ้นเสยเส้นผมขึ้นทัดหูอย่างเคยชิน เธอได้ยินเขาโทรคุยกับช่างที่จะมาดูแลบ้านก็ไม่ได้สนใจจะฟัง ทว่าปลายจมูกได้กลิ่นหอมจางๆ ทำให้เธอนึกถึงกลิ่นหอมที่เคยได้กลิ่นเมื่ออยู่ที่บ้าน ร่างเพรียวเดินตามกลิ่นหอมไปยังบ้านเก่าหลังนั้นอย่างไม่รู้ตัว
เธอหยุดยืนมองบ้านไม้สองชั้นตรงหน้า เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่โตอะไรนัก ทว่าทรงบ้านดูสวยสง่าน่าเสียดายที่ถูกทิ้งให้เก่าและผุผังอย่างนี้ ประตูหน้าบ้านมีโซ่เส้นใหญ่คล้องไว้ เธอจึงเดินวนไปด้านข้าง ราวกับเธอเคยมาที่นี่ มันรู้สึกคุ้นเคยไปเสียทุกอย่าง แม้จะมีต้นไม้ขึ้นสูงนัก ทว่าเธอกลับมองเห็นบ้านหลังนี้มีชีวิตชีวา ตรงนี้เคยมีซุ้มไม้เลื้อย มีต้นกระดังงา ราตรี ดอกบีบ ดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมสารพัดปลูกอยู่ที่นี่ มีน้ำพุเล็กๆ ตรงนั้น เลยไปด้านหลังไกลจะเป็นเรือนพักของคนรับใช้ ได้ยินเสียงเด็กๆ วิ่งเล่นกันสนุกสนาน กลิ่นหอมของอาหารไทยมาจากโรงครัว มองเลยเป็นเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่แสนงามบ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
เพียงลงพัดผ่านมาวูบหนึ่ง เธอก็หลับตาลงไม่ให้ฝุ่นผงเข้าตา เมื่อลืมตาขึ้น เบื้องหน้าเป็นบ้านเก่าทรุดโทรมหลังเดิมที่เธอเห็นเมื่อลงจากรถ เธอเดินไปทางด้านหลังซึ่งเป็นห้องครัว
ประตูเก่าคร่ำครึของห้องครัวบานนั้นไม่ได้ปิดล็อก มันเพียงปิดไว้เฉยๆ หญิงสาวเพ่งมองช่องว่างที่เกิดจากบานประตูที่เผยอแง้มออกเพียงเล็กน้อย มีแสงสว่างจากด้านนอกเล็ดลอดเข้ามา บานพับที่เป็นสนิมเขรอะแสดงถึงอายุการใช้งานที่ยาวนานขาดการดูแล แต่เสียงประตูขยับดังเช่นเดิมอีก 2-3 ระลอกเข้ามากระทบโสตประสาท จู่ๆ ก็รู้สึกแปลกประหลาด เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมจากใบหน้าขาวซีด เธอปิดเปลือกตานิ่ง และเหมือนประตูทุกบานในบ้านจะลั่นเอียดอาดพร้อมกัน! ร่างกายบอบบางที่นั่งบนเก้าอี้ในห้องครัวสั่นเทา เธอกำมือแน่นเล็บยาวจิกฝ่ามือตัวเองที่กำแน่นจนเลือดซึม ความเจ็บปวดโถมเข้าใส่เหมือนเข็มเล่มเล็กพุ่งเข้าทิ่มเนื้อหัวใจ เธอเปิดเปลือกตาเพ่งมองไปที่ประตูบานนั้น ปรากฏมีนิ้วมือเล็กๆ ของเด็กราว 4 ขวบจับที่ขอบประตูที่แง้มอยู่
“เด็ก!”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแรงจนมันล้มลง เสียงดังของมันทำให้ทุกเสียงที่เคยได้ยินเงียบนิ่งสนิท เธอสะบัดศีรษะไปมา พอตั้งสติได้ก็พบเพียงความว่างเปล่า พลันสองขาก็ไร้เรี่ยวแรงทรุดลงนั่งกับพื้นที่เยียบเย็นและเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นแทนที่พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“น้องบัว!” ธีรภัทรรีบวิ่งเข้ามาประคองเมียสาวที่นั่งพับเพียบร้องไห้
“น้องบัวเป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไม”
สโรชายกมือขึ้นเช็ดที่หางตา ปรากฏว่าเปียกชื้นจริงๆ เธอส่ายหน้าไปมาอย่างตื่นตระหนกแล้วมองหน้าเขาอย่างตกใจ
“มะ..ไม่...ไม่รู้ค่ะ จู่ๆ บัวก็ร้องไห้ เหมือนเศร้าสะเทือนใจอย่างไรไม่รู้”
“ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่นี่แล้ว” สองมือโอบร่างบางเข้ามาแนบอก เมื่อครู่เขาคุยงานเสร็จก็เดินตามร่างของเธอมา แต่ยังมาไม่ถึงตัว เขาก็ได้ยินเสียงโครมครามจากในบ้านก็รีบวิ่งเข้ามา เห็นเพียงแค่เธอทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“น้องบัวอาจจะคิดถึงคุณแม่ก็ได้นะครับ” เขาพูดอย่างมีเหตุผล
“เมื่อกี้ บัวเห็นเด็กยืนอยู่หลังบานประตู” เธอพูดเสียงสั่น
“เด็กที่ไหนครับ” ธีรภัทรหันซ้ายหันขวา “เมื่อกี้พี่เข้ามาก็ไม่เจอใครนะครับ”
“แต่...แต่ว่า”
ด้วยความสับสนทำให้เธอกอดเขาแน่นอย่างเขาเป็นสิ่งที่เธอยึดเหนี่ยวในได้ตอนนี้ ร่างนุ่มในอ้อมกอดทำให้ธีรภัทรเกิดความรู้สึกต้องการเธอขึ้นมา เขาเป็นผู้ชายแท้ๆที่รักใคร่ชื่นชอบเรือนร่างของอิสตรี แต่เพราะคำสัญญาว่าจะให้เวลาเธอ ทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรอย่างที่ใจคิด ได้แต่ทรมานกับความต้องการเหมือนเสือหิวอยู่อย่างนี้
“น้องบัวไม่ค่อยสบายอย่างนี้ วันนี้เรากลับก่อนไหมครับ”
“แต่ว่า เราเพิ่งมาถึง...” คราวนี้สโรชารู้สึกผิดเสียเอง
“มาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่นี่เป็นของน้องบัวนะครับ” เขาประคองใบหน้าที่ยังฉ่ำน้ำตาขึ้น ก้มลงไล้เลียหยดน้ำใสๆ บนใบหน้าสวย
ให้ตายเถอะ! อยู่ใกล้เธอทีไร เขาปวดร้าวเพราะความต้องการทุกที
“พี่ธีร์” คนในวงแขนเรียกแผ่วเบา ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ
“ขอพี่อีกนิดนะ” เขากระซิบอ้อนวอนแล้วจูบริมฝีปากหวาน ขบเม้มริมฝีปากเธออย่างหยอกเย้าจนหญิงสาวเผลอไผลเผยอริมฝีปากขึ้น ทันใดนั้น เรียวลิ้นก็เข้ามาเกี่ยวกระหวัด มือใหญ่ประคองท้ายทอยของเธอไว้ที่เขาจะบดจูบได้ถนัด
“ฮือออออ”
สโรชาครางในลำคอ ร่างกายอุ่นจนร้อนขึ้นมาเพียงเพราะริมฝีปากของเขาครอบครองริมฝีปากเธอ ร่างกายเธออ่อนปวกเปียกจนต้องยกมือขึ้นคล้องคอของเขาไว้
เสียงครางเบาๆ ของหญิงสาวทำให้หัวใจของธีรภัทรเต้นโครมคราม สะกดอารมณ์ไม่ให้ตะกละตะกลามจนทำให้หญิงสาวหวาดผวา ริมฝีปากเธอหอมหวานจนเขาไม่อยากถอนจูบได้ ปล่อยให้มืออีกข้างลูบไล้แผ่นหลังของเธอ ปลุกเร้าให้หญิงสาวมีอารมณ์ร่วมไปด้วยกัน กระโปรงยาวคลุมเข่าของเธอร่นขึ้นเพราะท่านั่งพับเพียบ เขาเหลือบตามองเห็นเรียวขาขาวผ่อง เพราะอาการคล้อยตามไม่ปัดป้องทำให้เขาย่ามใจ เลื่อนมือลงลูบไล้ขาขาวเบาๆ เธอสาวสะดุ้งเพราะไม่เคยให้ใครแตะต้อง อาการสะดุ้งของเธอทำให้เขารู้สึกตัว และพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้ไปเร็วเกินไป
ดวงตาของหญิงสาวมองข้าวไหล่ของเขาไป แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเงาร่างที่ยืนอยู่หลังบานประตู
“พี่ธีร์คะ มีคนมาค่ะ” เธอบอกเขาเสียงแผ่ว หอบหายใจ ทั้งหน้าก็แดงจัดอีกด้วย
“ไหนครับ” เขาหันไปมองตามหญิงสาวบอก ก็ไม่เห็นมีใคร
“บัวเห็นจริงๆ นะคะ” เธอยืนยัน
“อาจเป็นเงากิ่งไม้นะครับ ที่นี่รกจะตาย เรากลับบ้านเราก่อนดีกว่าไหม?”
ที่บ้านน่าจะดีกว่า...ไม่ใครมาขัดมาขวางตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
“ก็ได้ค่ะ บัวรู้ทางแล้ว คราวหน้ามาเองก็ได้ค่ะ” เธอรู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องเสียเวลางานมาเป็นเพื่อนเธอ
“อย่าคิดมากซิครับ เรื่องแบบนี้พี่ทำให้น้องบัวได้”
“พี่ธีร์ไม่โกรธบัวนะคะ”
“โกรธดีไหมน๊า” เขาทำเสียงล้อเธอแล้วงับปลายจมูกเบาๆ “ถ้าไม่อยากให้พี่โกรธ ก็ให้พี่จูบอีกได้ไหม”
หญิงสาวหน้าแดง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ การที่เธอนิ่งและเขินอายทำให้ชายหนุ่มหัวใจพองโต เขาประคองภรรยาตัวน้อยลุกขึ้นยืน ประคองออกจากบ้านไปที่รถ จะที่คิดว่าเสียเวลามานี่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้พาเธอมา
ก่อนจะก้าวขึ้นรถ หญิงสาวรู้สึกถึงกลิ่นหอมเย็นลอยล่องมาแตะที่ต้นคอ เธอไม่ได้หวาดกลัว เพียงแต่ความรู้สึกนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด มันชัดเจนจนน่ากลัว ราวกับเธอเคยมาที่นี่แล้ว ทั้งที่นี่คือครั้งแรกที่เธอมาเรือนไม้หลังนี้
“กลับบ้านเรากันนะครับ”
“ค่ะ”
สโรชาก้าวเข้าไปในรถโดยไม่หันไปมองที่บ้านหลังนั้นอีก เธอจึงไม่ทันเห็นใบหน้าอ่อนหวานในชุดเสื้อผ้าลูกไม้แขนกุดกับผ้านุ่งสีพื้นที่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ได้เห็นหญิงสาวที่ตนเองรอคอยกลับมาเสียที
‘หนูแดง กลับบ้านแล้วซินะเจ้าคะ’.