บทที่ 3 พลิกผัน
ปี 2558
หลังจากที่บุษบงพาแฝดสาวย้ายไปอยู่บ้านเดิมกับมารดาเป็นเวลา 2 ปีกับ 3 เดือน เธอก็ได้รับข่าวสารจากทางสามีถึงเรื่องการแบ่งมรดก
สืบเนื่องจากปีที่ผ่านมา อภิชิต อภิชาติ และอภิชัยสามพี่น้องจับมือกันขายโรงแรมทั้งสามแห่งให้กับนักธุรกิจสิงคโปร์ เมื่อชำระหนี้สินให้ธนาคารจนหมดสิ้นแล้วอภิชิตในฐานะผู้จัดการมรดกแบ่งเงินกำไรให้น้องชายคนละเจ็ดสิบล้านบาท บุษบงขับรถไปเจรจาให้อภิชัยแบ่งเงินครึ่งหนึ่งมาให้ลูกเป็นผลสำเร็จ ซึ่งเพชรและพลอยต่างมอบหมายให้มารดาไปหาซื้อที่ปลูกบ้านใหม่ให้เทียมหน้าเทียมตาเพื่อนที่มหาวิทยาลัย
ปีต่อมาบุษบงพามารดาเข้าไปอยู่ “บ้านเพชรพลอย” ที่สร้างอย่างโอ่อ่าย่านรามอินทรา บ้านจัดสรรหลังเก่าที่สะพานควายวาทินขนของย้ายกลับมานั่งทำงานตามเดิม ส่วนปัทมายังเช่าหอพักอยู่ใกล้ที่ทำงานเพื่อความสะดวก เธอเริ่มชอบการใช้ชีวิตที่หอพักเพราะความเป็นสัดส่วน เธอไม่ต้องเป็นห่วงมารดาอีกต่อไปแล้วเพราะเธอรู้ว่าบุษบงจะดูแลมารดาอย่างดีที่สุด
พ.ศ. 2560 เพชรและพลอยเรียนจบพร้อมกัน ในปีนั้นครอบครัวของอภิชัยขายที่ดินมรดกของมารดาบนถนนสาธรไปอีกแปลงหนึ่ง อภิชัยได้ส่วนแบ่งมาสองร้อยห้าสิบล้านบาท เขาเปิดการเจรจากับบุษบงเพื่อขอหย่ากับเธอ โดยเขาเสนอเงินสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของมรดกจำนวนดังกล่าวให้แก่เธอและลูกเป็นก้อนสุดท้าย ซึ่งคราวนี้บุษบงไม่ปฏิเสธ เธอนัดหมายวันหย่าและพาเพชรกับพลอยไปด้วยกัน หญิงสาวทั้งสองพนมมือไหว้บิดาของตนด้วยความขอบคุณ อภิชัยพูดจาโอภาปราศรัยกับบุษบงด้วยดี การหย่าจบสิ้นไปด้วยการที่อภิชัยโอนเงินเข้าบัญชีบุษบงหนึ่งร้อยล้านบาท
บุษบงส่งลูกสาวสองคนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แฝดสาวถือโอกาสท่องเที่ยวไปทั่วทวีปยุโรป โชคดีที่เธอทั้งสองไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและไม่มีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายของประเทศนั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปสองปีพวกเธอเรียนจบและเติบโตทางความคิดจากการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ตามที่ปรารถนา เพชรมีคนรักเป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ในย่านโซโหของกรุงลอนดอน ทั้งสองช่วยกันทำงานในร้านขายเครื่องประดับซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว “หว่อง” คนรักของเธอ ส่วนพลอยสมัครเข้าเป็นพนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เมืองลิเวอร์พูล เธอสนุกกับงานและมีประสบการณ์เพิ่มพูนขึ้น
สำหรับบุษบงเองนั้นเมื่อเธอได้รับส่วนแบ่งมรดกจากอภิชัยอย่างจุใจแล้ว เธอบำรุงดูแลนางปทุมอย่างดีที่สุด เธอนึกเสียดายที่นายบุญเกื้อสิ้นชีพไปก่อนได้เสพสุขจากเงินที่เธอได้มาจากครอบครัวอดีตสามี เธออยากให้นายบุญเกื้อเห็นกับตาว่าเธอเป็นลูกที่สามารถประสบความสำเร็จได้ตามฝัน
ความทรมานจากชีวิตสมรสอันไร้สุขยี่สิบสองปีผ่านไปแล้ว
ขณะนี้บุษบงมีเงินมากมายนอนอยู่ในบัญชีธนาคาร เธอพามารดาไปเที่ยวต่างประเทศหลายครั้ง นอกจากนั้นยังพานางปทุมไปตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งเสนอโปรแกรมตรวจต่างๆ มาให้นางไปใช้บริการทุกเดือน ปัทมาและวาทินมาเยี่ยมหามารดาบ้างตามโอกาส บุษบงเคยชวนน้องทั้งสองให้ขายบ้านจัดสรรหลังนั้นไปแล้วมาอยู่ด้วยกันกับเธอ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธ
ดังนั้นบุษบงจึงใช้ชีวิตอยู่กับมารดาและคนรับใช้ในบ้านเรื่อยมา และเพื่อไม่ให้ชีวิตเงียบเหงาเกินไปเธอมักพามารดาไปพักผ่อนยังสถานปฏิบัติธรรมที่จัดบริการสำหรับผู้มีฐานะโดยเฉพาะ สถานที่เหล่านั้นตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมของธรรมชาติที่สวยงาม มีที่พักแบบรีสอร์ตทันสมัย มีผู้ดูแลให้ความสะดวกสบาย มีพิธีกรรมทางศาสนา มีพระสงฆ์อบรมให้ความรู้ เธอเพียงจ่ายเงินให้กับผู้จัดการและเลือกวันเวลาของแต่ละคอร์สซึ่งกินเวลาสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่สถานที่
สถานปฏิธรรมทุกแห่งต่างมีกฎพื้นฐานที่กำหนดไว้สำหรับผู้เข้าร่วม เช่น การปิดวาจา มีตารางเวลาที่แน่นอนในแต่ละวัน มีกิจกรรมที่ดำเนินไปด้วยความสงบและสำรวม
แต่ปรากฏว่าบุษบงมักไม่ทำตามกฎเกณฑ์ที่สำนักเหล่านั้นวางเอาไว้ เธอมักตื่นสายและบอกให้มารดาไปทำวัตรแต่เพียงผู้เดียว เธอไม่ชอบนั่งสมาธิช่วงเช้าเพราะเธอต้องเข้าห้องน้ำและอ่านเฟซบุ๊กจากโทรศัพท์ที่แอบนำติดกระเป๋าเข้าไปในที่พัก เธอปิดวาจาได้ไม่นานก็ต้องแอบพูดคุยกับนางปทุมด้วยเรื่องต่างๆ เธอมักหาโอกาสชวนผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่นหลบมุมไปกระซิบกระซาบทำความรู้จักกัน ผู้ปฏิบัติหลายคนเคร่งครัดกับการปิดวาจาและพยายามหลีกเลี่ยงเธอ
แต่มีบางคนตอบสนองกับท่าทีของบุษบงอย่างเต็มใจและส่งเสริมให้บุษบงพูดคุยบอกเล่า
“สมฤดี” คือหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมที่สำนักเขาใหญ่เมื่อต้นปี 2564 เธอยิ้มแย้มกับบุษบงและมักเดินตามบุษบงไปเดินจงกรมริมสวนดอกไม้ด้านที่ห่างผู้คน
เมื่อสบโอกาสสมฤดีเอ่ยถามบุษบงว่า
“คุณพี่ทำงานอะไรคะ”
บุษบงยิ้มรับกับคำถามนั้น เธอตอบอย่างพอใจที่จะได้พูดคุยเรื่องของตนให้เพื่อนใหม่ได้รับฟัง
“อ๋อ อยู่กับบ้านเฉยๆ ค่ะ ลูกเต้าโตทำงานกันหมดแล้ว อยู่อังกฤษทั้งสองคน เขาชอบอากาศที่นั่น ไม่ยอมกลับเมืองไทย ส่วนพี่มีเวลาเหลือเฟือก็พาแม่ไปนั่งสมาธิที่โน่นที่นี่แก้เบื่อเป็นคราวๆ น่ะค่ะ”
“แหม ชีวิตดีเชียวนะคะ” สมฤดียิ้มและพยักหน้า
“ผ่านยากมาเยอะแล้วค่ะ ขอสบายบ้าง” บุษบงตอบพลางเล่าเรื่องของเธอคราวๆ ให้เพื่อนใหม่ฟัง เธอบอกสมฤดีถึงการที่เธอได้แบ่งมรดกจากสามีสองครั้ง เงินก้อนแรกเธอนำไปซื้อบ้านอยู่กับมารดา เมื่อได้แบ่งมรดกครั้งที่สองและหย่ากับสามีเรียบร้อยแล้วเธอก็ส่งลูกไปเรียนเมืองนอกและยังมีเหลือเก็บในธนาคารอีกหลายสิบล้าน
“น่าเอาไปลงทุนนะคะ เงินเก็บในธนาคารก็ได้แค่ดอกเบี้ย” สมฤดีพูด เธอมองหน้าบุษบงก่อนพูดต่อ “แต่ก่อนนี้หนูมีเงินในบัญชีไม่กี่แสน หนูตัดสินใจเอาไปลงทุนกับเด็บบี้ ปรากฏว่าสามเดือนผ่านไปเงินแสนกลายเป็นเงินล้าน หนูลงทุนต่อไปเรื่อยๆ จากเงินล้านกลายเป็นหลายล้านภายในหกเดือน ถ้าหนูมีเงินในธนาคารหลายสิบล้านอย่างคุณพี่นี่หนูจะเอาไปให้เด็บบี้ลงทุน รับรองได้ว่ามันจะกลายเป็นร้อยล้านภายในไม่ไม่ถึงปี”
“โอ้ จริงหรือคะ” บุษบงเบิกตาโตอย่างสนใจ เธอชอบการมีเงินเก็บเยอะๆ เพื่อความอุ่นใจ
“จริงสิคะ หนูไม่พูดโกหกหรอกค่ะ เรามาปฏิบัติธรรมด้วยกันอย่างนี้ หนูก็ต้องรักษาศีลให้สนิท หนูจะโกหกคุณพี่เพื่ออะไรล่ะคะ” สมฤดีย้อนถาม
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะว่าเราจะได้เงินมากกว่าที่ลงทุนไปในเวลาไม่ถึงปี” บุษบงทำสีหน้าจริงจังถาม
“ก็หนูทำมาแล้วไงคะ เอาเงินให้เด็บบี้ไปลงทุนให้ แค่เดือนแรกก็ได้ทุนคืนพร้อมดอกเบี้ยแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวๆ นะคุณสมฤดี พี่คุ้นชื่อเด็บบี้ ใช่คนที่ออกโทรทัศน์รีวิวสินค้าบ่อยๆ นั่นหรือเปล่าคะ คนที่ร่างใหญ่ๆ ชอบสวมชุดพราวพราว ดูเหมือนจะแสดงหนังด้วย”
“นั่นละค่ะ เด็บบี้ เขามีเครือข่ายรอบตัว หนูแอบกระซิบบอกคุณพี่คนเดียวนะคะว่าเขาสนิทสนมกับคนชั้นสูง เงินหมุนเวียนในระบบเขามีเกือบพันล้านบาทน่ะค่ะ”
“โอ้โฮ อย่างนั้นเลยหรือคะ”
“ค่ะ คุณพี่คงไม่รู้ว่าพวกดารา นางแบบ นักร้อง ดีเจ พิธีกรโทรทัศน์ ผู้ประกาศข่าว เจ้าของกิจการบันเทิง พวกพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นี่ลูกค้าเด็บบี้ทั้งนะคะ ทุกคนเอาเงินมาให้เด็บบี้ไปลงทุนคนละหลายล้าน บางคนก็ลงไปห้าสิบล้าน ไม่กี่เดือนได้กลับคืนมาร้อยกว่าล้าน” สมฤดีพูดพลางสังเกตท่าทีของบุษบงที่แสดงอาการสนใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณพี่คงรู้จักน้องนนท์ นักร้องวัยรุ่นผมยาวๆ ... ใช่ค่ะ คนที่ร้องเพลง ‘หนาวใจเมื่อไร้เธอ’ น่ะค่ะ... ตอนเข้าวงการมานี่แทบไม่มีเงินใช้ แล้วดูเขาตอนนี้สิคะ มีทุกอย่าง ทั้งบ้านหรู รถบีเอ็มสามคัน แถมขี่บิ๊กไบค์พาแฟนไปเที่ยวทะเลทุกเดือน”
“ร้องเพลงอย่างเดียวคงไม่มีเงินขนาดนั้นนะคะ” บุษบงขมวดคิ้วถาม
“ก็เขาเริ่มเอาเงินก้อนแรกไปลงทุนกับเด็บบี้นั่นแหละค่ะ ตอนนั้นเขาได้เงินจากการแสดงสดมาสองหมื่น เขาสัญญากับตัวเองว่าจะซื้อบ้านให้แม่อยู่ เงินสองหมื่นนี้เขาจะเอาไปทำให้มันแตกดอกออกผลขึ้นมาโดยการไปลงทุนกับเด็บบี้ แล้วเด็บบี้ก็เสกให้สมใจจริงๆค่ะ จากสองหมื่นกลายเป็นสองแสนในสองสัปดาห์ จากสองแสนกลายเป็นสองล้านในสองเดือน แล้วสองล้านก็กลายเป็นสิบสองล้านในสองปี น้องนนท์เขาเชิญเด็บบี้ไปเป็นประธานในพิธีขึ้นบ้านใหม่ หลังใหญ่หรูหราอลังการ แม่ของเขานี่น้ำหูน้ำตาไหลเลยค่ะตอนที่ไปตัดริบบิ้นเข้าห้องรับแขกแล้วเจอพานใส่เงินสดสูงเท่าเอว”
“โอ้โห! ขนาดนั้นเลยหรือคะ” บุษบงกะพริบตาปริบอย่างเคลือบแคลงใจในสิ่งที่ได้ฟัง สมฤดีเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวย้ำในเรื่องที่เธอรักษาศีล
“คุณพี่อย่าคิดว่าหนูเอาเรื่องโกหกมาพูดนะคะ เราอยู่ในสถานที่ปฏิบัติธรรม เราต้องรู้จักบาปบุญคุณโทษ หนูกลัวบาปกลัวกรรมจะตามทันหากชักชวนใครไปลงทุนแล้วเสียหาย ที่เล่ามานี่หนูไม่ได้ออกปากชวนคุณพี่นะคะ แล้วแต่คุณพี่จะตัดสินใจก็แล้วกัน หนูเพียงแต่บอกให้ฟังเท่านั้นว่าหนูรู้และเห็นคนที่เขาเอาเงินในธนาคารไปลงทุนกับเด็บบี้แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปอย่างพลิกผัน”
“เปล่าคะ เปล่าเลย” บุษบงรีบปฏิเสธ เธอพูดต่อเร็วปรื๋อ “พี่ไม่ได้สงสัยอะไร ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าคุณสมฤดีเล่าเรื่องโกหก พี่เห็นนักร้องที่ชื่อน้องนนท์ในโทรทัศน์มาหลายปี เห็นตั้งแต่ยังหน้าตาเด๋อด๋า ตอนนั้นตัวด๊ำดำ จมูกก็แบน แต่ตอนหลังนี่หน้าตาดูดีขึ้นเยอะ พี่เห็นในโทรทัศน์ว่าเขาพานักข่าวไปถ่ายรูปบ้านกับรถของเขา พี่เองยังนึกว่าเขาได้เงินจากการร้องเพลง เพิ่งรู้จากคุณนี่แหละว่าเขาไปลงทุนกับเด็บบี้”
สมฤดียิ้มกว้างขึ้นและพูดต่อ
“มีอีกคนนะคะ คุณพี่คงรู้จักดีเช่นกัน เจ้าแม่วงการเครื่องสำอาง คุณชมพูนุชนาท...”
“อ้อ ค่ะ พี่เห็นเขาลงโฆษณาในเฟซบุ๊กทุกวัน”
“นั่นล่ะค่ะ คนนี้เขาเป็นหุ้นส่วนกับเด็บบี้ ทั้งสองคนนี้กำลังหาผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่ ตั้งชื่อว่าบริษัทโมนี่เอ็ม บริษัทนี้จะทำเรื่องค้าเงินตราต่างประเทศ แต่ไม่ใช่เงินกระดาษนะคะ เป็นเงินแบบสมมุติน่ะคะ ใครที่ต้องการรู้เรื่องนี้เขาจัดการอบรมให้ ถ้าคุณพี่สนใจก็ไปนั่งฟังสัมมนานะคะ เขาจะจัดอาทิตย์หน้าที่โรงแรมสยามเมกะซิตี้”
“คือหมายถึงคนที่ชื่อเด็บบี้กับคุณชมพูนุชนาทเขาเป็นหุ้นส่วนกัน แล้วสองคนนี้ต้องการเงินลงทุนเพิ่มหรือคะ” บุษบงซักถาม
“ใช่แล้วค่ะ เด็บบี้และคุณชมพูนุชนาทเป็นผู้อำนวยการร่วมของบริษัทโมนี่เอ็มค่ะ เขาวางแผนจะนำเงินที่พวกเราลงทุนไปซื้อเงินตราสมมุติ กำไรเห็นๆ เลยค่ะเพราะเขามีที่ปรึกษาเป็นคนวงใน รู้ล่วงหน้าว่าเงินสกุลไหนจะได้ราคาดี”
บุษบงขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอสะกิดถามสมฤดี
“อ้าว แล้วตอนแรกคุณบอกพี่ว่าเด็บบี้มีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาท แล้วทำไมยังต้องระดมทุนจากคนภายนอกด้วยล่ะคะ พี่ต้องขอโทษที่ถาม คุณสมฤดีอย่าหาว่าพี่จับผิด คือหากพี่ได้ข้อมูลชัดเจน พี่อาจจะขอลงเงินด้วยไงคะ”
“แหม อย่าได้เกรงใจค่ะ คุณพี่ ดีแล้วที่คุณพี่ถาม เพราะแสดงว่าเรื่องที่หนูเล่าไปนั้นคุณพี่สนใจจริงๆ”
จากนั้นสมฤดีก็อธิบายเรื่องการก่อตั้งบริษัทโมนี่เอ็มที่ต้องการผู้ร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก เพราะผู้บริหารทั้งสองคนคือเด็บบี้และชมพูนุชนาทต้องการนำพาบริษัทดังกล่าวไปเชื่อมต่อกับบริษัทอื่นในระดับสากล
“ดังนั้นเงินหมุนเวียนซึ่งแต่เดิมเรามีเกือบพันล้านบาทก็จะกลายเป็นพันล้านยูโรค่ะ คุณพี่ลองคิดดูนะคะว่าถ้าคุณพี่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนกับโมนี่เอ็ม มันจะน่าภูมิใจขนาดไหน”
“อืม ค่ะ”
“เอาอย่างนี้นะคะ หนูจะให้เบอร์โทรศัพท์คุณพี่ไว้ ถ้าคุณพี่สนใจจะลงทุนกับโมนี่เอ็มก็ติดต่อหนูได้ตลอดเวลาเลยค่ะ หรือหากคุณพี่สงสัยว่าสิ่งที่หนูเล่าให้คุณพี่ฟังนั้นเป็นความจริงหรือเปล่าก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ได้ตามนี้เลยค่ะ”
สมฤดีควักแผ่นพับออกมาจากกระเป๋าเสื้อให้บุษบง เธอรับไว้และยกอ่านข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทร่วมทุนโมนี่เอ็ม มีรูปผู้บริหารสองคนคือเด็บบี้และชมพูนุชนาท ถัดมาเป็นรายชื่อเว็บไซต์มากมายเรียงเป็นแถวเพื่อให้สมาชิกผู้ร่วมทุนได้เปิดอ่านรายละเอียด
เมื่อสิ้นสุดการระยะเวลาการปฏิบัติธรรมที่สำนักเขาใหญ่ บุษบงก็ขับรถพานางปทุมกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เธอยังนึกคิดถึงเรื่องที่ได้พูดคุยกับสมฤดีถึงการลงทุนที่ให้ผลกำไรมหาศาลในระยะเวลาอันสั้น บุษบงใช้เวลาสืบหาข้อมูลของบริษัทโมนี่เอ็มจากเว็บไซต์ในแผ่นพับที่สมฤดียื่นให้เธอมา เธอพบว่าในเว็บไซต์เหล่านั้นมีข้อมูลมากมายที่น่าสนใจ มีรูปบุคคลอันเป็นที่รู้จักในวงสังคมเป็นผู้ร่วมทุนรุ่นแรก ดาราสาวสวยคนหนึ่งลงเงินไปสิบห้าล้านบาท นางแบบลูกครึ่งที่มีฉายาว่ายิ้มเชือดใจลงเงินไปมากกว่ายี่สิบล้าน มีอดีตนายตำรวจมือปราบที่ลาออกจากราชการมาเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งลงเงินไปเกือบสามสิบล้าน คนเหล่านี้ล้วนแต่มีคฤหาสน์คนละหลายหลัง มีรถไม่ต่ำกว่าห้าคัน และมีเครื่องประดับงดงามเตะตา
บุษบงมองบ้านของตัวเองแล้วถอนหายใจ แม้มันจะหรูหราโอ่อ่าแต่นับว่าห่างชั้นจากคำว่าคฤหาสน์มากนัก เธอมองรูปในแผ่นพับที่สมฤดีให้มา เธอนึกอยากมีบ้านพักตากอากาศริมทะเล เธอจะพามารดาไปพักผ่อนทุกสองเดือนและจะจ้างคนรับใช้มาหลายๆ คนเพื่อจะได้เป็นเพื่อนคุยกับนางปทุม
บุษบงควานหาในกระเป๋าถือก็พบนามบัตรที่สมฤดีให้มา เธอมองตำแหน่งหน้าที่การงานของหญิงผู้นี้ในนามบัตรนั้น สมฤดี ณหทัยไตรรัตนาคม ผู้จัดการบริษัทอินโนบิวตี้ ผู้จำหน่ายเครื่องสำอางอินโนบิวตี้แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
แต่ละคนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของโมนี่เอ็มนั้นล้วนเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานและเป็นคนเด่นคนดัง บุษบงคิด โดยเฉพาะเด็บบี้และชมพูนุชนาทหัวเรือใหญ่ของบริษัทที่เธอเห็นรูปและเรื่องราวของพวกเขาในเว็บไซต์ที่ปรากฏในแผ่นพับ
บ่ายวันนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขณะที่บุษบงกำลังนั่งดูโทรทัศน์กับนางปทุม
“สวัสดีค่ะคุณพี่บุษบง หนูเองค่ะ สมฤดี”
“อ้อ สวัสดีค่ะ กำลังนึกถึงพอดี เมื่อเช้าพี่ได้อ่านแผ่นพับที่คุณสมฤดีให้มาและเช็คดูตามเว็บไซต์ต่างๆ แล้วนะคะ น่าสนใจมากค่ะ”
บุษบงตอบและลุกเดินจากห้องนั่งเล่นไปยังอีกห้องหนึ่งและปิดประตู เธอไม่ต้องการให้มารดารู้ว่าเธอกำลังคิดจะลงทุนกับโมนี่เอ็ม บุษบงต้องการให้นางปทุมแปลกใจเมื่อวันหนึ่งเธอพานางไปเห็นบ้านหลังใหม่ริมทะเลและมอบกุญแจบ้านหลังนั้นให้นางพร้อมกับโผเข้ากอดและหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ เธอจะทำให้ลูกสาวฝาแฝดทั้งสองของเธอแปลกใจด้วยการซื้อโรงแรมสักหลังให้เพชรและพลอยช่วยกันบริหาร เธอคิดถึงลูกและอยากให้ทั้งสองกลับมาอยู่เมืองไทย
“..คืออย่างนี้นะคะคุณพี่ หนูขออนุญาตเรียนให้คุณพี่ทราบว่าทางโมนี่เอ็มจะจัดสัมมนาระหว่างผู้ร่วมทุนในสัปดาห์หน้าที่โรงแรมสยามเมกะซิตี้ตามที่หนูเคยบอกคุณพี่ไปแล้วตอนที่เราอยู่เขาใหญ่ วันนี้หนูจึงขอเรียนเชิญคุณพี่ไปร่วมฟังการสัมมนา เด็บบี้สนใจอยากรู้จักคุณพี่มาก คุณชมพูนุชนาทก็เช่นกันค่ะ หนูบอกทั้งสองไปว่าคุณพี่เป็นนักปฏิบัติธรรมและหนูเจอคุณพี่สองครั้งแล้ว เด็บบี้ยกมืออนุโมทนาสาธุเลยค่ะ เขาบอกว่าโชคดีจริงๆ ที่หนูกับคุณพี่เป็นนักปฏิบัติธรรมทั้งสองคน เพราะเขาแสวงหาผู้ร่วมทุนที่มีจริยธรรมและเป็นคนดี หนูบอกเด็บบี้ว่าคุณพี่เป็นลูกกตัญญูมาก คอยดูแลคุณแม่ไม่ห่าง ไปไหนก็ชวนไปด้วยกันทุกครั้ง งานสัมมนาที่จะจัดขึ้นสัปดาห์หน้าถ้าจะพาคุณแม่ไปด้วยก็ยินดีนะคะ”
“พี่คงจะไปคนเดียวค่ะ เพราะพี่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ค่อยบอกท่านทีหลังเมื่อได้กำไรแล้ว พี่ตั้งใจจะซื้อบ้านริมทะเลให้ท่านสักหลังเอาไว้พักผ่อน” บุษบงตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“แหม ดีค่ะคุณพี่ หนูเองก็ทำให้สามีแปลกใจมาแล้วตอนที่หนูให้ของขวัญเขากล่องเล็กๆ ขาทายว่าเป็นนาฬิกาโรเล็กซ์ แต่พอเปิดกล่องเขาก็เจอกุญแจรถเบนซ์สปอร์ตรุ่นล่าสุด ตอนนี้ขับปร๋อไปเลยค่ะ หนูเชื่อว่าจะต้องเป็นโมเมนต์ประทับใจของคุณแม่ไปจนตลอดชีวิตเลยนะคะเมื่อได้รู้ว่าคุณพี่ทำอะไรไว้ให้ท่าน”
บุษบงหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อนึกภาพในอนาคต เธอฟังสมฤดีพูดต่อในรายละเอียดของการสัมมนาว่าเธอจะได้ไปทำความรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทโมนี่เอ็มและทีมงานซึ่งประกอบไปด้วยหนุ่มสาวที่มีความรู้และความสามารถ เธออยากให้เพชรพลอยอยู่ที่นี่เหลือเกิน เธอจะให้ทั้งสองสวมชุดสวยๆ และเดินขนาบข้างเธอไป เธอเชื่อว่าในที่สัมมนาแห่งนั้นต้องมีชายหนุ่มดีๆ หลายคนดาหน้ามาให้บุตรสาวของเธอเลือก
“คุณพี่ติดตั้งแอปธนาคารไว้ในมือถือหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ มีค่ะ ไม่ต้องห่วง พี่ต้องใช้สั่งซื้อของออนไลน์เป็นประจำ”
“เยี่ยมเลยค่ะ” สมฤดีทำเสียงพอใจ เธอพูดต่อ “ในวันงานคุณพี่จะได้ติดตั้งแอปของโมนี่เอ็มไว้ที่เครื่องของคุณพี่ด้วยนะคะ เพื่อที่คุณพี่จะเห็นความเคลื่อนไหวของเงินที่คุณพี่ได้ลงทุนไป ยิ่งลงทุนมากเท่าไร คุณพี่ก็จะได้ดอกเบี้ยทบทวีคูณเลยนะคะ เอาไว้เราเจอกันที่งานสัมมนา หนูจะแนะนำให้คุณพี่รู้จักคนในทีมของหนูที่จะคอยดูแลคุณพี่เรื่องการลงทุน หนูอยากให้คุณพี่คิดเตรียมไว้ในใจนะคะว่าหากคุณพี่ต้องการสร้างบ้านริมทะเลให้คุณแม่ปีหน้า คุณพี่ต้องมีรายได้เท่าไร หนูหวังว่าคุณพี่จะตัดสินใจลงทุนกับเรานะคะ”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะคุณสมฤดี พี่คิดไว้ในใจแล้ว”
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาสิบโมงเช้า
บุษบงขับรถไปยังโรงแรมสยามเมกะซิตี้ใจกลางกรุงเทพฯ ห้องจัดสัมมนาอยู่ที่ชั้นหกของโรงแรมดังกล่าวซึ่งเป็นเครือโรงแรมระดับโลก
บุษบงมองเงาตัวเองในกระจกหรูหราในห้องน้ำชั้นล็อบบี้ เธอเห็นหญิงวัยกลางคนที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยจริง อายุห้าสิบของเธอเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น บุษบงคิดขณะล้วงหยิบลิปสติกสีส้มอมชมพูมาแต่งแต้มเติมสีให้ริมฝีปาก ชุดกระโปรงสีฟ้าทันสมัยขับผิวของเธอให้ดูผุดผ่อง เธอรู้สึกเหมือนวันนี้เธอกำลังจะได้พบสิ่งใหม่ในชีวิตที่เงียบเหงา เธอนึกขอบคุณสมฤดีอยู่ในใจที่ชักชวนให้เธอมาร่วมงานสัมมนา เพื่อที่เธอจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะลงทุนกับโมนี่เอ็มเป็นเงินจำนวนเท่าไร เธอพอรู้รายละเอียดจากเว็บไซต์ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ตัวแทนบริษัทจะนำเงินไปลงทุนซื้อเงินตราสมมุติกับบริษัทต่างประเทศและจะนำกำไรกลับคืนมาให้นักลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเราให้เจริญขึ้น
บุษบงขยับกระเป๋าถือใบงามยี่ห้อดังที่คนดังในสังคมมักนิยมใช้กัน เธอยิ้มกับเงาในกระจกอีกครั้งก่อนหันหลังออกจาห้องน้ำและเดินไปยังลิฟท์
“คุณพี่คะ สวัสดีค่ะ”
บุษบงหันไปทางเสียงเรียกที่ได้ยิน เธอเห็นสมฤดีในชุดกระโปรงสูทเป็นทางการกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง เขาสวมสูทโทนสีเดียวกับสมฤดี ทั้งสองคล้องป้ายสีทองติดรูปและชื่อของตนเอง
“อ้อ คุณสมฤดี แหม จำไม่ได้เลยค่ะ เคยเห็นแต่สวมใส่ชุดบวชสีขาว”
บุษบงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เธอช้อนตามองชายหนุ่มที่ยืนข้างสมฤดี แวบหนึ่งเธอเห็นประกายตาระยิบระยับของเขา
“หนูก็เกือบจำคุณพี่ไม่ได้ หนูเห็นไกลๆ นึกว่าดาราที่ไหนมาร่วมงาน คุณพี่สวยเช้งเลยค่ะ อ้อ เดี๋ยวหนูขออนุญาตแนะนำให้คุณจักราวุธได้มีโอกาสรู้จักคุณพี่นะคะ เขาจะเป็นคนเทคแคร์คุณพี่ในงานสัมมนาครั้งนี้ คือผู้ร่วมทุนใหม่ของเราทุกคนต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลให้คำแนะนำค่ะ เพื่อเราจะได้เดินไปในเส้นทางเดียวกัน”
สมฤดีหันไปทางชายหนุ่มที่รอทีอยู่แล้ว เขาน้อมตัวยกมือไหว้บุษบงขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าเธอ ริมฝีปากได้รูปของเขามีรอยยิ้มกริ่ม
บุษบงยกมือรับไหว้ หัวใจของเธอกำลังเต้นผิดจังหวะ
“สวัสดีค่ะ เอ่อ คุณ...” เธอลืมชื่อเขาไปแล้วหลังจากสบตากัน
“แจ๊กครับ” จักราวุธพูดเจือเสียงหัวเราะในลำคออย่างเห็นขัน บุษบงอยากให้วัยสาวของเธอกลับคืนมาในวินาทีนั้น เธอถอนหายใจและยิ้มให้ชายตรงหน้า สมฤดีปล่อยให้บุษบงและจักราวุธพูดคุยกันครู่หนึ่งแล้วเธอจึงหันไปบอกพนักงานประจำลิฟท์
“ชั้นหกค่ะ”
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก จักราวุธผายมือให้สตรีทั้งสองเดินเข้าไป บุษบงชอบการโดยสารลิฟท์ เพราะทุกครั้งที่เธอเดินเข้าไปจากที่หนึ่ง มันจะพาเธอไปส่งยังอีกที่หนึ่งเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกันที่มันพาเธอไปส่งยังชั้นที่หกของโรงแรมแห่งนั้นโดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเคียงข้างขวา
ห้องโถงขนาดใหญ่ที่เปิดประตูกว้างมีผู้คนอยู่ในนั้นราวหนึ่งร้อยคน ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่บุษบงคุ้นหน้าจากรายการโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ พวกเขาแต่งกายเฉิดฉายสวยงามและฉาบทาเครื่องสำอางสีสันลานตา ริมฝีปากของหญิงสาวนักแสดงบางคนขยับขึ้นลงขณะพูดคุย เมื่อพวกเธอเห็นสมฤดีและจักราวุธที่เดินขนาบบุษบงมา ริมฝีปากเหล่านั้นขยายออกเป็นรอยยิ้มสีแดง สีชมพู สีส้ม และสีม่วงราวดอกไม้แย้มกลีบบานสะพรั่ง
“นั่นนักลงทุนรุ่นแรกของเด็บบี้ค่ะ” สมฤดีกระซิบบอกบุษบงก่อนหันไปยิ้มตอบผู้คนเหล่านั้นและยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
บุษบงยิ้มกว้าง เธอถอนหายใจอย่างมีความสุข เธอไม่เคยได้รับเชิญเข้ามายังสถานที่โอ่อ่าที่เต็มไปด้วยคนเด่นดังในวงสังคมเช่นนี้มาก่อน หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างปรีดา
“เชิญลงทะเบียนทางนี้ค่ะ คุณผู้หญิง”
บุษบงเหลียวไปทางเสียงเรียก หญิงร่างเล็กในชุดสูทสีดำยืนกุมมือขณะรอสบตาเธอ บุษบงสาวเท้าเดินไปโดยมีจักราวุธเดินตามหลัง ส่วนสมฤดีกล่าวขอตัวเดินไปยังข้างเวทีเพื่อพูดคุยกับทีมงาน
จักราวุธเลื่อนเก้าอี้ให้บุษบงนั่งและส่งปากกาให้เธอ
“คุณพี่ช่วยกรุณาลงชื่อในสมุดด้วยครับ ช่องด้านข้างสำหรับใส่ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ไลน์ รวมทั้งหมายเลขบัตรประชาชน ส่วนช่องนี้รบกวนคุณพี่ช่วยเขียนเป็นข้อมูลให้ทางโมนี่เอ็มทราบว่าคุณพี่ใช้บริการของธนาคารอะไรเป็นประจำ...ที่อยู่ของคุณพี่กรุณากรอกให้ละเอียดด้วยครับ ทางบริษัทจะจัดส่งของขวัญให้กับผู้ร่วมลงทุนกับเราเป็นระยะ บางท่านได้รับโทรศัพท์รุ่นลิมิเต็ดจัดส่งตรงมาจากบริษัทผู้ผลิตเลยนะครับ”
จักราวุธก้มตัวลงมาใช้นิ้วจี้ไปตามช่องให้เธอเติมข้อมูล กลิ่นน้ำหอมโกนหนวดของเขารบกวนความรู้สึกของบุษบง เธอยิ้มกับปากกาในมือขณะกรอกหมายเลขโทรศัพท์ลงในช่อง เธอเขียนที่อยู่อย่างช้าๆ ขณะที่จักราวุธรอที่จะชี้ช่องต่อไปให้เธอเขียน