บทที่ 4

1174 คำ
เพราะเคยถูกแกล้งมาหลายครั้งแล้ว เกี่ยวกับเรื่องการไปเอาเฟรมให้อีกฝ่ายวาดรูป อัคคีจึงหอบเอาเฟรมวาดรูปทุกขนาดที่มีอยู่มาให้ผู้เป็นเจ้านาย ‘ไอ้ขี้ข้า เอาเฟรมมาทำไมตั้งหลายอัน ฉันจะวาดรูปแค่ภาพเดียวเท่านั้น’ ณัฐณดาตวาดด่า ขณะจ้องมองไปยังเฟรมวาดรูปที่ถูกอีกฝ่ายหอบมาวางตรงหน้า ‘ไม่ดีหรือครับคุณหนูน้ำขิง คุณอยากวาดรูปใหญ่หรือเล็กขนาดไหนก็เลือกเฟรมได้เลย ผมเอามาให้คุณทุกขนาดแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องบอกให้ผมไปเอาเฟรมมาหลายรอบยังไงล่ะครับ’ ‘ฉลาดไม่เข้าเรื่อง ไอ้ลูกขี้ข้า’ ณัฐณดาเค้นเสียงด่าลอดไรฟัน โมโหที่อีกฝ่ายรู้เท่าทันความคิดของเธอ เพราะใจจริงแล้วเธออยากแกล้งอัคคีเหมือนผ่านๆ มา โดยการหลอกให้อีกฝ่ายเดินเป็นสิบๆ รอบ เพื่อไปเอาเฟรมวาดรูปในแต่ละขนาดมาให้เธอ ‘จะนั่งวาดรูปตรงนี้เลยหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะตั้งเฟรมให้’ ‘ใช่ ฉันจะนั่งวาดรูปตรงนี้’ ณัฐณดาชี้นิ้วไปตรงเท้าของตัวเอง โมโหอยู่มากที่ยังหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้ ส่วนอัคคี พอได้รับคำสั่งเช่นนั้นก็รีบตั้งเฟรมวาดรูปให้ณัฐณดาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่ว่าพอหมดหน้าที่ของตนเองแล้วจะได้ออกไปจากที่นี่สักที ‘เรียบร้อยแล้วครับ ผมขอไปทำงานอื่นต่อก่อนนะครับ’ ‘แกจะไปทำงานอะไร ไอ้ขี้ข้า’ ณัฐณดากระชากเสียงถาม มือเล็กถือพู่กันและจานสีไว้ แต่ไม่ยอมลงมือวาดรูปสักที ‘เยอะแยะ สาธยายไม่หมด’ อัคคีตอบอย่างกวนโทสะอีกฝ่าย จากนั้นก็เตรียมเดินหนีคุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตะโกนออกคำสั่งเสียงห้วน ‘หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ให้แกไปไหนทั้งนั้น แกต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะวาดรูปเสร็จ’ ‘ไม่ครับ ผมต้องไปช่วยแม่ทำงานบ้านให้เสร็จ ท่านจะได้พักผ่อนสักที หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว’ อัคคีต้องการทำเช่นที่บอกไป เพราะมารดาของเขาทำงานหนักมาทั้งวัน คฤหาสน์หลังนี้มีคนใช้มากถึงห้าคน แต่ดูเหมือนคนใช้ทุกคนจงใจโยนงานทุกอย่างให้มารดาเขาทำคนเดียวเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเป็นคำสั่งของคุณหนูณัฐณดา ที่ต้องการแกล้งครอบครัวของเขาให้ได้รับความลำบากมากที่สุด ณัฐณดาตีหน้าบึ้ง เมื่อเห็นคนเป็นเบี้ยล่างของตัวเองไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอจึงตะคอกสั่งเสียงดังอีกครั้ง ‘ฉันบอกให้หยุด ได้ยินไหม ไอ้ขี้ข้า แกต้องนั่งอยู่ใกล้ๆ ตีนฉันนี่’ ณัฐณดาหยาบคายไม่มีใครเกิน เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แถมยังไม่เห็นหัวใครด้วย ไม่ว่าจะเป็นผมหงอก ผมดำ เด็กน้อยตัวเล็กๆ อย่างเธอด่าดะ ถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ทำตามที่เธอต้องการ อัคคีกำมือทั้งสองเข้าหากันแน่น เจ็บใจ เจ็บแค้นทุกครั้งที่ถูกเรียกว่า ไอ้ขี้ข้า เขาต้องสะกดใจนับหนึ่งถึงร้อย เพื่อให้อารมณ์ของตัวเองสงบลง จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปให้พ้นหน้าณัฐณดา ทว่าอัคคีก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าว คุณหนูณัฐณดาก็วิ่งไปดักหน้า ในมือมีจานสีถือติดมาได้ ใบหน้าเล็กถมึงทึง ดวงตากลมโตเผยแววโกรธจัดขณะจ้องมองคนไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอ ‘แกหูหนวก หรือสมองนิ่มกันแน่ ถึงไม่เข้าใจที่ฉันสั่ง’ ‘ผมไม่ได้หูหนวก ไม่ได้สมองนิ่ม ผมมีสมองมากกว่าคนแถวๆ นี้ด้วยซ้ำไป ที่ฟังคำอธิบายของผมไม่เข้าใจว่าผมต้องไปช่วยแม่ทำงาน’ อัคคีย้อนกลับอย่างเหลืออด เขาถูกณัฐณดาจิกหัวใช้ ถูกทำร้าย ถูกเธอตะโกนด่ามาตลอดทั้งวันแล้ว และตอนนี้เขาก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว ณัฐณดาเต้นเป็นเจ้าเข้า หนูน้อยในวัยสิบขวบที่แก่แดดแก่ลม เพราะถูกสั่งสอนมาแบบผิดๆ กระทืบเท้าด้วยความขัดใจระคนโกรธจัดที่ถูกอัคคีตอกหน้ากลับคืน ‘ไอ้ขี้ข้า แกว่าใครโง่ แกว่าใครสมองนิ่ม’ ‘แล้วผมกำลังพูดอยู่กับใครล่ะครับ’ อัคคีย้อนถามเสียงเย็น ก่อนจะยกมือปิดหู เมื่อณัฐณดาร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน ‘กรี๊ดดดด แกกล้าด่าว่าฉันโง่หรือไอ้ขี้ข้า ฉันจะฟ้องคุณพ่อให้ไล่พวกแกออก’ ‘เชิญ! เชิญขี้ม้าสามศอกไปฟ้องพ่อคุณเลย แต่คงต้องรอนานหน่อย เพราะตอนนี้พ่อคุณกำลังไปกกอีหนูอยู่’ อัคคีรู้สึกสะใจกับใบหน้าที่ซีดเผือดลงทันตาเห็น กับประโยคท้ายที่เขาเค้นเสียงบอกไป คุณหนูณัฐณดายังใสซื่อ ไม่รู้เรื่องราวของบิดา คิดเสมอว่าบิดาออกไปทำธุระในยามมืดค่ำจริงๆ แต่คุณหนูผู้นี้หารู้ไม่ว่า จริงๆ แล้วเจ้าสัวคมณ์ออกไปหาอีหนูที่แอบซุกซ่อนไว้ตามคอนโดต่างๆ ‘แกอย่ามาพูดว่าพ่อของฉันแบบนี้นะไอ้ขี้ข้า พ่อของฉันเป็นคนดี พ่อรักแม่คนเดียว พ่อไม่มีทางนอกใจแม่อย่างแน่นอน’ ณัฐณดาพยายามแก้ต่างให้กับบิดา ใบหน้าเล็กส่อเค้าความงามลออยังคงซีดเผือดเหมือนเดิม ‘อยากเข้าใจแบบนั้นก็เชิญ’ อัคคีทำเสียงเยาะในลำคอ ทำใจกล้าออกคำสั่งกับคุณหนูณัฐณดาบ้าง ‘ถอยไปคุณหนูน้ำขิง ผมจะไปทำงานต่อ’ ‘อยากไปทำงานมากใช่ไหม ถ้ายังงั้นฉันจะเพิ่มงานให้กับแกเอง’ ว่าแล้วคุณหนูที่เอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ ก็สาดจานสีใส่ใบหน้าของอัคคีเต็มแรง สีน้ำที่ถูกผสมหลากหลายสีบนจานสีเพื่อเตรียมวาดรูป ตอนนี้ถูกละเลงอยู่บนใบหน้า ลำคอ ไหลมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าตัวเก่งของอัคคี เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจของณัฐณดา หนูน้อยสอยเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วไปคว้าขวดสีอีกหลายขวดที่วางอยู่ใกล้เฟรมวาดรูป มาเทใส่บนศีรษะของอัคคีที่ยังตกตะลึงไม่หาย ‘นี่แนะ! นี่แนะ! อยากมีงานทำมากนักใช่ไหม ฉันจะสงเคราะห์ให้แกเอง’ ขวดสีในมือถูกเปิดเทใส่ไปบนศีรษะของอัคคีจนหมดขวด แถมยังขว้างขวดสีใส่ลำตัวของอัคคีจนเด็กน้อยต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ‘โอ๊ย...’ อัคคีตะโกนร้องลั่นเพราะขวดสีอย่างน้อยสามขวด กระแทกโดนหน้าอกของตนเองเข้าอย่างจัง ดวงตาสีสนิมวาวโรจน์ ใบหน้าถมึงทึงเพราะความโกรธจัด เขาก้าวเท้าช้าๆ เข้าหาร่างเล็กของณัฐณดา ซึ่งกำลังแหงนหน้าหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ ‘อีน้ำขิง!’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม