เพราะเคยถูกแกล้งมาหลายครั้งแล้ว เกี่ยวกับเรื่องการไปเอาเฟรมให้อีกฝ่ายวาดรูป อัคคีจึงหอบเอาเฟรมวาดรูปทุกขนาดที่มีอยู่มาให้ผู้เป็นเจ้านาย
‘ไอ้ขี้ข้า เอาเฟรมมาทำไมตั้งหลายอัน ฉันจะวาดรูปแค่ภาพเดียวเท่านั้น’ ณัฐณดาตวาดด่า ขณะจ้องมองไปยังเฟรมวาดรูปที่ถูกอีกฝ่ายหอบมาวางตรงหน้า
‘ไม่ดีหรือครับคุณหนูน้ำขิง คุณอยากวาดรูปใหญ่หรือเล็กขนาดไหนก็เลือกเฟรมได้เลย ผมเอามาให้คุณทุกขนาดแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องบอกให้ผมไปเอาเฟรมมาหลายรอบยังไงล่ะครับ’
‘ฉลาดไม่เข้าเรื่อง ไอ้ลูกขี้ข้า’
ณัฐณดาเค้นเสียงด่าลอดไรฟัน โมโหที่อีกฝ่ายรู้เท่าทันความคิดของเธอ เพราะใจจริงแล้วเธออยากแกล้งอัคคีเหมือนผ่านๆ มา โดยการหลอกให้อีกฝ่ายเดินเป็นสิบๆ รอบ เพื่อไปเอาเฟรมวาดรูปในแต่ละขนาดมาให้เธอ
‘จะนั่งวาดรูปตรงนี้เลยหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมจะตั้งเฟรมให้’
‘ใช่ ฉันจะนั่งวาดรูปตรงนี้’
ณัฐณดาชี้นิ้วไปตรงเท้าของตัวเอง โมโหอยู่มากที่ยังหาเรื่องแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้
ส่วนอัคคี พอได้รับคำสั่งเช่นนั้นก็รีบตั้งเฟรมวาดรูปให้ณัฐณดาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่ว่าพอหมดหน้าที่ของตนเองแล้วจะได้ออกไปจากที่นี่สักที
‘เรียบร้อยแล้วครับ ผมขอไปทำงานอื่นต่อก่อนนะครับ’
‘แกจะไปทำงานอะไร ไอ้ขี้ข้า’
ณัฐณดากระชากเสียงถาม มือเล็กถือพู่กันและจานสีไว้ แต่ไม่ยอมลงมือวาดรูปสักที
‘เยอะแยะ สาธยายไม่หมด’
อัคคีตอบอย่างกวนโทสะอีกฝ่าย จากนั้นก็เตรียมเดินหนีคุณหนูที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายตะโกนออกคำสั่งเสียงห้วน
‘หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ให้แกไปไหนทั้งนั้น แกต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันจะวาดรูปเสร็จ’
‘ไม่ครับ ผมต้องไปช่วยแม่ทำงานบ้านให้เสร็จ ท่านจะได้พักผ่อนสักที หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว’
อัคคีต้องการทำเช่นที่บอกไป เพราะมารดาของเขาทำงานหนักมาทั้งวัน คฤหาสน์หลังนี้มีคนใช้มากถึงห้าคน แต่ดูเหมือนคนใช้ทุกคนจงใจโยนงานทุกอย่างให้มารดาเขาทำคนเดียวเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องเป็นคำสั่งของคุณหนูณัฐณดา ที่ต้องการแกล้งครอบครัวของเขาให้ได้รับความลำบากมากที่สุด
ณัฐณดาตีหน้าบึ้ง เมื่อเห็นคนเป็นเบี้ยล่างของตัวเองไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธอจึงตะคอกสั่งเสียงดังอีกครั้ง
‘ฉันบอกให้หยุด ได้ยินไหม ไอ้ขี้ข้า แกต้องนั่งอยู่ใกล้ๆ ตีนฉันนี่’
ณัฐณดาหยาบคายไม่มีใครเกิน เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แถมยังไม่เห็นหัวใครด้วย ไม่ว่าจะเป็นผมหงอก ผมดำ เด็กน้อยตัวเล็กๆ อย่างเธอด่าดะ ถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ทำตามที่เธอต้องการ
อัคคีกำมือทั้งสองเข้าหากันแน่น เจ็บใจ เจ็บแค้นทุกครั้งที่ถูกเรียกว่า ไอ้ขี้ข้า เขาต้องสะกดใจนับหนึ่งถึงร้อย เพื่อให้อารมณ์ของตัวเองสงบลง จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินออกไปให้พ้นหน้าณัฐณดา
ทว่าอัคคีก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าว คุณหนูณัฐณดาก็วิ่งไปดักหน้า ในมือมีจานสีถือติดมาได้ ใบหน้าเล็กถมึงทึง ดวงตากลมโตเผยแววโกรธจัดขณะจ้องมองคนไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอ
‘แกหูหนวก หรือสมองนิ่มกันแน่ ถึงไม่เข้าใจที่ฉันสั่ง’
‘ผมไม่ได้หูหนวก ไม่ได้สมองนิ่ม ผมมีสมองมากกว่าคนแถวๆ นี้ด้วยซ้ำไป ที่ฟังคำอธิบายของผมไม่เข้าใจว่าผมต้องไปช่วยแม่ทำงาน’
อัคคีย้อนกลับอย่างเหลืออด เขาถูกณัฐณดาจิกหัวใช้ ถูกทำร้าย ถูกเธอตะโกนด่ามาตลอดทั้งวันแล้ว และตอนนี้เขาก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว
ณัฐณดาเต้นเป็นเจ้าเข้า หนูน้อยในวัยสิบขวบที่แก่แดดแก่ลม เพราะถูกสั่งสอนมาแบบผิดๆ กระทืบเท้าด้วยความขัดใจระคนโกรธจัดที่ถูกอัคคีตอกหน้ากลับคืน
‘ไอ้ขี้ข้า แกว่าใครโง่ แกว่าใครสมองนิ่ม’
‘แล้วผมกำลังพูดอยู่กับใครล่ะครับ’
อัคคีย้อนถามเสียงเย็น ก่อนจะยกมือปิดหู เมื่อณัฐณดาร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน
‘กรี๊ดดดด แกกล้าด่าว่าฉันโง่หรือไอ้ขี้ข้า ฉันจะฟ้องคุณพ่อให้ไล่พวกแกออก’
‘เชิญ! เชิญขี้ม้าสามศอกไปฟ้องพ่อคุณเลย แต่คงต้องรอนานหน่อย เพราะตอนนี้พ่อคุณกำลังไปกกอีหนูอยู่’
อัคคีรู้สึกสะใจกับใบหน้าที่ซีดเผือดลงทันตาเห็น กับประโยคท้ายที่เขาเค้นเสียงบอกไป คุณหนูณัฐณดายังใสซื่อ ไม่รู้เรื่องราวของบิดา คิดเสมอว่าบิดาออกไปทำธุระในยามมืดค่ำจริงๆ แต่คุณหนูผู้นี้หารู้ไม่ว่า จริงๆ แล้วเจ้าสัวคมณ์ออกไปหาอีหนูที่แอบซุกซ่อนไว้ตามคอนโดต่างๆ
‘แกอย่ามาพูดว่าพ่อของฉันแบบนี้นะไอ้ขี้ข้า พ่อของฉันเป็นคนดี พ่อรักแม่คนเดียว พ่อไม่มีทางนอกใจแม่อย่างแน่นอน’
ณัฐณดาพยายามแก้ต่างให้กับบิดา ใบหน้าเล็กส่อเค้าความงามลออยังคงซีดเผือดเหมือนเดิม
‘อยากเข้าใจแบบนั้นก็เชิญ’ อัคคีทำเสียงเยาะในลำคอ ทำใจกล้าออกคำสั่งกับคุณหนูณัฐณดาบ้าง
‘ถอยไปคุณหนูน้ำขิง ผมจะไปทำงานต่อ’
‘อยากไปทำงานมากใช่ไหม ถ้ายังงั้นฉันจะเพิ่มงานให้กับแกเอง’
ว่าแล้วคุณหนูที่เอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ ก็สาดจานสีใส่ใบหน้าของอัคคีเต็มแรง สีน้ำที่ถูกผสมหลากหลายสีบนจานสีเพื่อเตรียมวาดรูป ตอนนี้ถูกละเลงอยู่บนใบหน้า ลำคอ ไหลมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าตัวเก่งของอัคคี เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจของณัฐณดา หนูน้อยสอยเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วไปคว้าขวดสีอีกหลายขวดที่วางอยู่ใกล้เฟรมวาดรูป มาเทใส่บนศีรษะของอัคคีที่ยังตกตะลึงไม่หาย
‘นี่แนะ! นี่แนะ! อยากมีงานทำมากนักใช่ไหม ฉันจะสงเคราะห์ให้แกเอง’
ขวดสีในมือถูกเปิดเทใส่ไปบนศีรษะของอัคคีจนหมดขวด แถมยังขว้างขวดสีใส่ลำตัวของอัคคีจนเด็กน้อยต้องร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
‘โอ๊ย...’
อัคคีตะโกนร้องลั่นเพราะขวดสีอย่างน้อยสามขวด กระแทกโดนหน้าอกของตนเองเข้าอย่างจัง ดวงตาสีสนิมวาวโรจน์ ใบหน้าถมึงทึงเพราะความโกรธจัด เขาก้าวเท้าช้าๆ เข้าหาร่างเล็กของณัฐณดา ซึ่งกำลังแหงนหน้าหัวเราะร่วนด้วยความสะใจ
‘อีน้ำขิง!’