‘ไอ้แก้ว ก่อนจะมีวันนี้ใครเป็นคนชุบเลี้ยงมึง ใครให้ที่ซุกหัวนอนมึงและลูกเมียของมึง ใครให้งาน ให้เงินกับมึง ใครออกค่าโรงพยาบาลให้มึง ตอนเมียมึงคลอดไอ้ไฟ มึงจะไม่รับสารภาพก็ได้ แต่มึงคิดให้ดีๆ ว่ามึงจะให้ลูกเมียมึงไม่มีที่ซุกหัวนอนใช่ไหม อีนวลทิพย์มันต้องออกจากบ้านกูภายในคืนนี้ ออกไปท่ามกลางฝนที่กำลังตกหนัก ไปเป็นอีตัวขายตัวข้างถนน ส่วนไอ้ไฟก็ต้องกลายเป็นเด็กติดยา ขี้ขโมย และในที่สุดมันก็ตกติดคุก!”
แก้วสันต์ร้องไห้อย่างไม่อาย หยาดน้ำตาของลูกผู้ชายหยดลงมาบนแก้มตอบ น้ำเสียงที่หลุดออกมาจากลำคอแห้งผากเป็นผง ทั้งแผ่วเบา ทั้งสั่นเครือ
‘ท่านเจ้าสัวจะลูกแลลูกเมียของผมให้อยู่สุขสบายใช่ไหมครับ’
‘แน่นอน! ถ้ามึงยอมรับผิดว่ามึงเป็นคนฆ่านังนิด้ากับชายชู้ของมัน กูจะเลี้ยงดูลูกเมียของมึงอย่างดี จะให้อีนวลทิพย์ทำงานน้อยลง ส่วนไอ้ไฟ กูจะส่งเสียมันให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่มันจะเรียนได้’
แก้วสันต์เกิดอาการลังเล ตัดสินใจไม่ถูกกับชีวิตของตนเองและครอบครัวที่จู่ๆ ก็มาเจอวิบากกรรมโดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาก้มลงมองกุญแจเงินที่กักขังความเป็นอิสระชีวิตของเขา หัวสมองทำงานอย่างหนัก ขณะคิดถึงอนาคตของตัวเองและลูกเมีย
‘ท่านเจ้าสัว สาบานต่อหน้าไฟได้ไหมครับว่าจะดูแลนังนวลและไอ้ไฟให้ดีที่สุด’
‘กูสาบาน!’ เจ้าสัวคมณ์รับปากให้พ้นๆ เพื่อให้แพะรับบาปตายใจ
และคนที่เชื่อผู้เป็นเจ้านายอย่างสนิทใจ ก็ยอมก้มหน้ารับกรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ ยอมเข้าไปอยู่ในคุกในตะรางเพียงเพื่อให้ลูกเมียได้สบาย เพื่ออนาคตที่ดีของลูกชายคนเดียวของเขา
‘เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณของเจ้าสัว และเพื่อแลกกับความสุขสบายของลูกเมียผม...ผมจะยอมรับเองว่าผมเป็นคนฆ่าคุณนิด้ากับผู้ชายของเธอ’
เจ้าสัวคมณ์แทบกู่ตะโกนร้องด้วยความสะใจ เขาลอบมองคนขับรถหน้าโง่ด้วยความสมเพช ก่อนจะย้ำคำให้
แก้วสันต์พูดให้การต่อศาลว่ายังไง
“จำไว้นะไอ้แก้ว มึงต้องพูดว่ามึงหลงรักนังนิด้า และเห็นว่ามันกำลังเล่นรักกับชายชู้จึงบันดาลโทสะแล้วยิงพวกมันตาย’
‘ครับท่านเจ้าสัว...’ แก้วสันต์ก้มหน้านิ่งรับคำเสียงเศร้า
‘มึงต้องรับผิดทุกกระทง และห้ามเอ่ยชื่อถึงกูเป็นอันขาด!’
‘ครับท่านเจ้าสัว...’
แก้วสันต์ยังคงรับคำในประโยคเดิม ไม่ได้เงยหน้ามองใบหน้าของเจ้าสัว ซึ่งถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นมองสักนิด ก็จะเห็นว่าเจ้าสัวคมณ์กำลังยิ้มเยาะในความโง่เขลาของเขา
‘ไม่ต้องห่วงนะไอ้แก้ว กูจะหาทนายเก่งๆ มาช่วยทำคดีให้มึง...มึงจะได้รับโทษน้อยที่สุด’
‘ครับท่านเจ้าสัว ผมก็หวังว่าเจ้าสัวจะไม่ทิ้งผมให้รับกรรมคนเดียว’
‘กูไม่ทิ้งมึงและลูกเมียมึงแน่ไอ้แก้ว มึงเชื่อใจกูได้เลย กูขอบใจมึงที่ยอมรับผิดแทนกู’
เจ้าสัวคมณ์ย้ำเสียงหนักแน่น พลางตบหนักๆ ไปบนบ่าของลูกน้อง แล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคน กระซิบกระซาบพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปจับสัมผัสกับตำรวจทั้งสองนาย
แก้วสันต์นั่งซึม ก้มหน้านิ่งมองกุญแจมือที่คล้องข้อมือตัวเองไว้ ดวงตาแดงก่ำ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาใกล้ หยาดน้ำตาก็ร่วงโดนกุญแจมือ เมื่อรู้ว่าถึงเวลาที่ตนเองต้องไปชดใช้กรรมแทนเจ้าสัวคมณ์แล้ว
เจ้าสัวคมณ์มองตามคนขับรถที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหิ้วปีกไป เขาหัวเราะเยาะอยู่ในลำคอ แล้วเค้นเสียงเยาะหยันอยู่คนเดียว
‘ไอ้แก้ว ไอ้หน้าโง่ มึงคิดรึว่ากูจะทำตามที่พูด’
สันดานมนุษย์ที่เจ้าเล่ห์เห็นแก่ตัวอย่างเจ้าคมณ์ เมื่อต้องการสิ่งใดแล้ว ก็สามารถพูดยกเมฆได้อย่างสวยหรู สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทำตามที่พูด แต่คนโง่อย่างแก้วสันต์ ไม่มีทางรู้เลยว่าจริงๆ แล้วเจ้าสัวคมณ์ไม่เคยคิดทำตามที่พูดแม้แต่นิดเดียว
ในดึกของคืนวันนั้น ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงพร่างพรูไม่ขาดสาย แถมยังตกหนักกว่าช่วงหัวค่ำ สองแม่ลูกก็ได้รับแจ้งข่าวร้ายที่สุดในชีวิต
‘อีนวล มึงนอนหรือยัง เปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้’
เสียงของแม่นมชื่นตะโกนเรียกลั่นแข่งกับสายฝน นางทุบประตูห้องพักของคนในครอบครัวนี้ดังโครมๆ ตามคำสั่งของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ นาง
‘ทุบประตูให้มันพังไปเลยแม่นม’
ณัฐณดาสั่งแม่นมชื่น เด็กน้อยรู้ข่าวเรื่องของคนขับรถของบิดาแล้ว และทันทีที่แม่นมชื่นบอกว่าจะมาแจ้งข่าวให้นวลทิพย์กับอัคคีทราบ เธอก็ขอตามมาดูน้ำหน้าของอัคคีด้วย เธออยากเห็นสีหน้าของอัคคีตอนรู้ข่าวร้ายของพ่อเขา ว่าจะทำหน้าสีหน้ายังไง
‘อีนวล...เปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้’
แม่นมชื่นยังคงตะโกนเรียกและทุบประตูดังโครมๆ เช่นเคย คราวนี้รอไม่ถึงนาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยมือเล็กของอัคคี
อัคคีเหลือบสายตามองณัฐณดาด้วยหางตา จากนั้นก็หันมาถามกับแม่นมชื่นว่า ‘มีอะไรหรือเปล่าครับ’
แม่นมชื่นมองมารดาของเด็กน้อย ซึ่งกำลังเดินช้าๆ มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังลูกชาย แล้วเอ่ยตอบคำถามในก่อนหน้านี้ของอัคคี
‘มีสิไอ้ไฟ ถ้าไม่มีข่าวมาบอกมึง กูกับคุณหนูน้ำขิงไม่มีทางมาเหยียบถึงที่นี่หรอก’
‘มีข่าวอะไรมาบอกนวลหรือคะ แม่นม’ นวลทิพย์เป็นฝ่ายถามแทนลูกชาย
แม่นมชื่นยิ้มเหยียดตรงมุมปาก หันไปมองคุณหนูณัฐณดาอย่างรู้กัน ก่อนจะเอ่ยบอกข่าวร้ายที่ทำให้นวลทิพย์แทบล้มทั้งยืน
‘กูจะมาบอกพวกมึงสองคนว่า...ไอ้แก้ว มันเป็นฆาตกรยิงคนตาย!’
‘ไม่จริง!’
นวลทิพย์หวีดเสียงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด แขนขาไร้เรี่ยวแรงไม่อาจประคองตัวให้ยืนอยู่ได้อีกต่อไป
‘แม่!’ อัคคีรีบเข้าไปประคองมารดาที่ทรุดอยู่กับพื้นแข็งๆ หายใจแผ่วเบาราวกับกำลังจะเป็นลม ‘แม่ ทำใจดีๆ ไว้นะครับ พวกเขาอาจจะหลอกเราก็ได้’