ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากห้องพักสุดหรู ชาลิสาก็พยายามปฏิเสธไม่ให้ฟรานซิสไปส่ง แต่ชายหนุ่มก็ขู่ว่าหากยังพูดมากไม่ยอมฟัง เขาจะไม่ให้เธอได้กลับบ้านอีกเลยทั้งคืน
หญิงสาวจึงยอมเดินตามฟรานซิสออกจากห้องแต่โดยดี ท่าทางนั้นสงบเสงี่ยมพร้อมสีหน้าวิตกกังวลเพราะไม่เคยให้ผู้ชายที่ไหนไปส่งถึงที่บ้านมาก่อน แล้วอีกอย่างเธอกับเขาก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมง แบบนี้จะไม่ให้กลัวชายหนุ่มได้อย่างไร
“เอ่อ คุณคะ คือฉันกลับเองได้นี่ ก็ยังไม่ดึกมาก” ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์กับอีกฝ่ายและไมเคิล บอดี้การ์ดร่างโต ชาลิสาลองพูดขอร้องชายหนุ่มอีกครั้งเพราะเธอไม่อยากไปกับเขา
“ไม่ดึกอะไรคุณ ดูเวลาสิ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว” ชายหนุ่มให้เธอดูนาฬิกาสุดหรูที่ข้อมือของตนเอง ซึ่งเป็นจริงอย่างที่เขาพูด เพราะเข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าอีกแค่ห้านาทีก็เที่ยงคืนพอดี
“ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างจำยอม เธอไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาปฏิเสธเขาอีกแล้วจึงยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี แล้วไม่ยอมคุยกับมหาเศรษฐีหนุ่มอีกเลย
ส่วนคนเอาแต่ใจก็ยืนยิ้มอารมณ์ดีที่เห็นหญิงสาวทำหน้ามุ่ยโกรธเคืองตนเองพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ เหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนเดินมาถึงรถสุดหรูที่จอดอยู่ข้างหน้าโรงแรม ฟรานซิสก็สั่งให้ไมเคิลกลับไปพักผ่อนเพราะตนเองต้องการไปส่งหญิงสาวแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งทำให้ชาลิสาหวาดระแวงพฤติกรรมของอีกฝ่ายมากขึ้นอีกหลายเท่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมขึ้นรถไปกับมหาเศรษฐีหนุ่มโดยมีเขาเป็นคนขับรถให้เธอนั่ง
“นี่คุณ ไม่ต้องนั่งติดกับประตูรถขนาดนั้นหรอก ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณสักหน่อย”
ชายหนุ่มหันมาบอกกับหญิงสาวด้วยความขบขันที่เธอทำเหมือนเขาเป็นคนร้ายไม่น่าเข้าใกล้ ทั้งที่จริงมีผู้หญิงมากมายอยากใกล้ชิดตนแบบนี้
“ก็ฉันกลัวจริง ๆ นี่ คุณเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ต้องมาขึ้นรถกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงชั่วโมงแบบนี้มันสมควรกลัวไหม”
ชาลิสาหันมาบอกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแถมยังส่งค้อนไปให้ชายหนุ่มหนึ่งที ซึ่งอาการที่เธอแสดงออกมามันทำให้เขาเอ็นดูในตัวหญิงสาวมากขึ้น รู้สึกอยากจะจับเธอมาถอดเสื้อผ้าแล้วให้นอนครวญครางใต้ร่างเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องหยุดความคิดหื่น ๆ ไว้เพียงเท่านี้แล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผมจะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณรู้ว่าผมเป็นใครคุณจะไม่พูดแบบนี้แน่นอน” คนหลงตัวเองพูดออกมาอย่างมั่นใจพร้อมกับยักคิ้วให้หญิงสาวแบบหล่อ ๆ จนชาลิสาเขินหน้าแดงแล้วรีบหันหน้าไปอีกทางด้วยหัวใจเต้นรัวจึงลืมที่จะคาดเข็มขัดนิรภัย
ฟรานซิสเห็นหญิงสาวลืมคาดเข็มขัดนิรภัยจึงเอี้ยวตัวมาคาดให้เธอ การกระทำของมหาเศรษฐีหนุ่มทำให้ชาลิสาตกใจมากจึงรีบหันหน้ามาทางเขาเพื่อจะผลักชายหนุ่มออก แต่จมูกดันไปโดนที่แก้มของฟรานซิสเสียก่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“หึหึ ครับ แต่ผมยินดี”
ฟรานซิสหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วกระซิบข้างหูหญิงสาวด้วยเสียงแหบพร่าจนคนฟังขนลุกซู่กันเลยทีเดียว
ชาลิสาไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ตัวแข็งให้คนเจ้าเล่ห์แกล้งอยู่แบบนั้น แต่เพียงครู่เดียวฟรานซิสก็ขยับกลับไปนั่งที่เดิมแล้วสตาร์ตรถขับออกไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มหลังได้แกล้งคนข้างกาย ซึ่งปกติเขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน
เมื่อออกมาจากโรงแรมชายหนุ่มก็ถามทางที่จะไปบ้านของเธอ ซึ่งหญิงสาวก็ตอบตรง ๆ ว่าอาศัยอยู่ที่ไหน ฟรานซิสขับรถมาใกล้ถึงจุดหมายแล้วก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงเพื่อจะคุยกับชาลิสาอีกครั้ง
“คุณอยู่แถวนี้เหรอ”
ชายหนุ่มถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเห็นซอยที่ตั้งของบ้านเธอค่อนข้างเปลี่ยว เขารู้สึกคิดถูกมากที่มาส่งหญิงสาววันนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“ค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ คุณส่งฉันตรงปากซอยก็ได้ เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง”
“ไม่ได้ ผมต้องไปส่งคุณให้ถึงที่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมไม่คิดมาก”
“ค่ะ!” หญิงสาวพูดกระแทกเสียง อยากจะบอกชายหนุ่มเหลือเกินว่าเธอไม่ได้เกรงใจแต่ไม่อยากให้เขารู้จักบ้าน ชาลิสาไม่พูดมันออกมาเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับฟรานซิส
ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปากกับอาการที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงไม่รู้สึกโกรธที่เธอแสดงกิริยาแบบนั้น แต่มันกลับทำให้รู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก
“บ้านหลังนี้ค่ะ” หญิงสาวชี้ไปยังบ้านหลังเล็ก ๆ ที่อยู่เกือบสุดซอยให้เขาดู ฟรานซิสค่อย ๆ ขับรถไปจอดที่หน้าบ้านของเธอพลางสำรวจตัวบ้านไปด้วย ซึ่งมันทำให้เขาสงสัยขึ้นมาว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่กับใครทำไมบ้านดูทรุดโทรมแบบนี้
“ทำไมบ้านคุณดูเงียบจัง คุณอยู่กับใครเหรอ”
“คือฉันอยู่คนเดียวน่ะค่ะ คุณป้าท่านเสียไปนานแล้ว” หญิงสาวพูดออกมาด้วยความเศร้าเมื่อนึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้าของบ้านตัวจริง
“แล้วพ่อแม่คุณล่ะครับ ไม่อยู่ด้วยเหรอ” ฟรานซิสยังถามขึ้นมาอีก เขาไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงอยากทราบเรื่องราวชีวิตของเธอแบบนี้ มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
“พ่อกับแม่ของฉันเสียไปนานแล้วค่ะ” หญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนเองต้องมาตอบคำถามของเขาราวกับว่ารู้จักกันมานานทั้งที่จริงเพิ่งเจอกันเอง
“ผมขอโทษครับที่ถามอะไรแบบนี้”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมาที่เห็นหญิงสาวทำหน้าเศร้าหลังจากได้ยินคำถามสะกิดใจจากปากของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมากที่มาส่ง”
หญิงสาวหันไปขอบคุณชายหนุ่มที่มาส่งเธอวันนี้ถึงแม้จะไม่ต้องการก็ตาม แต่ไหน ๆ เขาก็มาส่งเธออย่างปลอดภัยแล้วก็ควรที่จะแสดงความมีน้ำใจด้วยการขอบคุณ
“ครับ แต่คุณอยู่คนเดียวได้จริง ๆ เหรอ” มหาเศรษฐีสุดหล่อรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เขาจึงถามเธอออกมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอจะอยู่บ้านหลังเล็กเท่ารูหนูนี้จริง ๆ อย่างที่พูด
“ฉันอยู่ได้ค่ะ ขอตัวนะคะ”
ชาลิสาหันไปตอบชายหนุ่มแล้วเปิดประตูรถเดินลงไปทันทีโดยไม่สนใจในสิ่งที่เขาจะพูดออกมา ซึ่งฟรานซิสกำลังจะอ้าปากถามเธอแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“อ้าวไปซะแล้ว หึหึ เราต้องได้เจอกันอีกแน่”
ฟรานซิสหัวเราะในลำคอแล้วพึมพำออกมาด้วยความเอ็นดูที่ชาลิสาทำเหมือนไม่ค่อยอยากคุยด้วย เมื่อเขาเห็นเธอเดินเข้าบ้านไปเรียบร้อยก็ต่อสายหาไมเคิลทันที
“ไมเคิล ฉันอยากได้ประวัติของชาลิสา”
“ใครเหรอครับ คุณฟราน”
ไมเคิลไม่รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่กับเจ้านายของตนเองวันนี้คือชาลิสา เขาจึงถามออกมาด้วยความสงสัยว่าคนที่ต้องไปหาประวัติคือใครกัน เพราะปกติไม่เคยเห็นฟรานซิสสนใจผู้หญิงคนไหนเลยแม้กระทั่งพวกดารานางแบบ ส่วนที่ถูกจ้างมาบำเรอความใคร่ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางชายตาแลแน่นอน
“ก็ผู้หญิงที่อยู่กับฉันในห้องยังไงล่ะ”
“ครับ แล้วเจ้านายจะเอาไปทำไมครับ” ไมเคิลสนิทกับฟราน
ซิสมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะกล้าตั้งคำถามแบบนี้
“ไมเคิล สั่งให้ทำอะไรก็ทำสิ อย่าถามเยอะ”
“ครับ ๆ ผมจะรีบหาให้เร็วที่สุด”
“อืม เอาแบบละเอียดนะ อย่างเช่นว่าเธอเคยมีแฟนไหม มีมากี่คน แล้วตอนนี้คบกับใครอยู่ ทำได้ไหม”
“ได้ครับคุณฟราน”
“ดีมาก แล้วปลายปีนี้ฉันจะตอบแทนนายอย่างงามเลย ไมเคิล”
“ขอบคุณครับคุณฟราน”
หลังจากที่วางสายลูกน้องคนสนิท มหาเศรษฐีหนุ่มสุดหล่อก็ขับรถออกไปพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
ส่วนหญิงสาวที่แอบซุ่มดูชายหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความ
โล่งอกที่ฟรานซิสขับรถออกไปจากหน้าบ้านของเธอเสียที แล้วรีบขึ้นไปอาบน้ำเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานตั้งแต่เช้า