ตอนที่ 12
สหายเก่ามาเยี่ยม
“อาหนิง..เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อินจูหลีรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปประคองหลิวอวี่หนิงเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ในห้อง
“ข้าเสียมารยาทแล้ว มิได้ส่งเทียบเข้าขอพบก็มาถึงจวนของเจ้าแล้ว” ใบหน้าอินจูหลีละอายใจขึ้นมา นางยกแขนเสื้อปิดบังไว้ครึ่งหน้า ด้วยท่าทางอ่อนหวาน ยิ่งใบหน้าที่แดงขึ้นยิ่งขับให้สตรีผู้นี้ดูน่าทะนุถนอมมากยิ่งขึ้นไปอีก หลิวอวี่หนิงยกยิ้มขึ้น ทว่ารอยยิ้มนั้นมิได้ไปถึงดวงตา
“หากรู้เช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ส่งเทียบมาก่อนเล่า”อินจูหลีหยุดชะงักนางเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแสดงทีหน้าละอายใจ ดวงตาก็คลอไปด้วยหยาดน้ำตา
“เป็นข้าที่ผิดไปแล้ว อาหนิงอย่าได้ตำหนิข้าเลย หากข้าไม่ห่วงเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไหนเลยข้าจะละเลยมารยาทเช่นนี้ อาหนิงเราสองมิใช่คนอื่นไกล เราเป็นสหายที่สนิทกันถึงเพียงนี้ ข้าจึงไม่ทันได้คิด เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ เอาไว้เจ้าหายแล้วจะยอมให้เจ้าลากไปแอบดูองค์ชายสี่ทุกที่เลยดีหรือไม่”
หลิวอวี่หนิงยกจอกชาขึ้นดื่ม แขนเสื้อบดบังริมฝีปากที่แสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน ยอมให้นางลากไปแอบดูกู่เหว่ยหยวนหรือ ไม่ใช่ว่าใจจริงก็อยากจะไปดูด้วยหรอกหรือ หึ!!..คุณหนูผู้มากมารยาท จะยินยอมให้ตนเองถูกล่อลวงไปแอบดูบุรุษได้อย่างไร หากนางไม่ยินยอมเสียเอง ชาติที่แล้วนางมองพลาดไป คิดว่าสตรีผู้นี้เป็นสหายที่แสนดี ยอมละเลยความเป็นกุลสตรีของตนเองเพื่อสหายอย่างนาง ที่ไหนได้ อินจูหลีก็มีใจให้กู่เหว่ยหยวนตั้งแต่ต้น นางช่างเป็นแม่สื่อผลักดันคู่ยวนยางโดยแท้
“เอาเถอะอาหลีเจ้าอย่าได้คิดมากเลย มาแล้วก็มาแล้ว เทียบอะไรนั่นก็ช่างมันเถอะ จริงสิก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้านัดดูเครื่องประทินผิวที่ร้านกวนฮวา ไม่รู้ว่าเจ้าได้ไปหรือยัง” ใบหน้าอินจูหลีกระตุกขึ้นมา เพราะในใจรู้ดีว่าที่หลิวอวี่หนิงผิดนัดเพราะเหตุผลใด
แน่นอนว่าหลิวอวี่หนิงย่อมไม่พลาดที่จะสังเกตุสีหน้าเล็กน้อยเหล่านั้น นางยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะยื่นมือไปกุมมือทั้งสองข้างของคุณหนูอินเอาไว้
“อาหลียกโทษให้ข้าเถอะ เจ้าอย่าได้โกรธข้าเลย ดูสิใบหน้าเจ้าบึ้งตึงแล้ว ระวังเถิดริ้วรอยจะขึ้นที่หางตาเจ้า”อินจูหลีเบิกตาขึ้น ริมฝีปากเล็กเผยอค้าง หลิวอวี่หนิงไม่เคยไร้มารยาทกับนางเช่นนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้น หรือว่านางเผลอแสดงสิ่งใดออกมา คุณหนูสกุลอินจ้องมองสตรีตรงข้ามอย่างตกใจ นางไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใดออกมา
“อาหนิงข้าไม่ได้..ข้า” หลิวอวี่หนิงแสร้งยกมือขึ้นปล่อยแขนเสื้อขึ้นปิดริมฝีปากตนเอง ก่อนจะโบกมือขึ้น
“อาหลีเหตุใดจึงได้ตกใจเช่นนั้นเล่า ข้าก็แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น หรือว่าระหว่างเราไม่สามารถหยอกล้อกันได้แล้ว แต่จะว่าไปแล้วอาหลีเจ้าจะมาโกรธเคืองข้า ก็ดูจะไม่เป็นธรรมกับข้าเลยแม้แต่น้อย หากคนที่สมควรถูกเจ้าโกรธย่อมต้องเป็นองค์ชายสี่แล้ว หากไม่ใช่พระองค์เอาแต่ตามติดข้า ข้าไหนเลยจะผิดนัดเจ้า อาฉินเจ้ากลับไปเอาชาดสีชมพูดอกเหมยมาให้ข้าที ความจริงชาดอันนี้องค์ชายสี่ซื้อให้ข้า แต่ข้ามอบให้เจ้าก็แล้วกัน ถือเป็นการขออภัยจากข้า”
“อาหนิงเจ้ากล่าวหนักไปแล้ว ข้าไหนเลยจะกล้ารับของที่องค์ชายสี่มอบให้เจ้า เจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ” อินจูหลีรีบเอ่ยปฏิเสธ ใบหน้าแสดงความเข้าอกเข้าใจออกมา ทว่าในใจกลับเคียดแค้น
สตรีน่าไม่อาย ไร้มารยาท นังคนเถื่อน กล้าดีอย่างไร!!..กล้าที่จะนำชื่อองค์ชายสี่มาโอ้อวดนางเช่นนั้นหรือ อินจูหลีลอบกำมือตนเองแน่น เล็บยาวจิกเข้าไปในเนื้อ ทว่านางไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด นางเจ็บที่หัวใจมากกว่า
“เจ้าต่างหากเล่าที่คิดมากไป ในเมื่อกู่เหว่ยหยวนมอบมันให้ข้าแล้ว ข้าจะมอบมันให้ผู้ใด ย่อมเป็นสิทธิ์ของข้า” กู่เหว่ยหยวนเช่นนั้นหรือ ดีมากหลิวอวี่หนิง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้เอ่ยชื่อพระองค์ออกมาง่ายดายเช่นนี้ น่าไม่อายยิ่งนัก ทั่วทั้งแว่นแคว้นจะมีผู้ใดกล้าเอ่ยพระนามของพระองค์หากไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ แต่หลิวอวี่หนิงกล้า!!
อินจูหลีสูดลมหายใจเข้า นางรีบยื่นมือไปหยิบจอกชาขึ้นมาดื่ม กดอารมณ์ตนเองเอาไว้ นางรังเกียจจนแทบจะยื่นมือไปหักคอสตรีตรงหน้า
“อาฉินยังไม่ไปเอามาอีก”
“บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หลิวอวี่หนิงยกจอกชาขึ้นดื่ม นางลอบมองใบหน้าที่แทบจะเสแสร้งเอาไว้ไม่อยู่ของอินจูหลี ก็ได้แต่ยิ้มออกมา
นี่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น อินจูหลี!!..ข้าจะตอบแทนความจริงใจของเจ้าในชาติที่แล้วอย่างงดงาม แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าการอยู่ไม่สู้ตายเป็นเช่นไร
ไห่ฉินหายไปไม่นานก็กลับเข้าพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง หลิวอวี่หนิงรีบมอบมันให้กับสตรีข้าง ๆ อินจูหลีนั่งอีกเพียงครู่เดียวก็เอ่ยขอตัวกลับออกไป แน่นอนว่านางไม่คิดจะรั้งเอาไว้
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวโง่เขลา” หลิวอวี่หนิงหันไปยกคิ้วมองอ้ายลี่และไห่ฉินสาวใช้คนสนิท ยิ่งเห็นสาวใช้สองคนนี้ ดวงตานางก็พลันรื้อไปด้วยน้ำตา ชาติที่แล้วจุดจบของทั้งคู่ก็หาดีไม่ เรียกได้ว่าอเนจอนาถยิ่งนัก อาลี่ถูกควักลูกตาก่อนจะขายให้กับหอนางโลมชั้นต่ำ ส่วนอาฉินถูกโบยจนตาย ขนาดนางหมดลมหายใจไปแล้ว คนพวกนั้นก็ยังไม่หยุด โบยจนร่างกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ กองหนึ่ง หลิวอวี่หนิงสูดลมหายใจเข้า กลืนก้อนขมลงไป
“อาลี่ อาฉินเจ้าอยากรู้สิ่งใดก็ถามมาเถอะ เจ้าสองคนเปรียบดังพี่น้องของข้า หากอยากรู้สิ่งใด ข้ายินดีตอบทุกคำถามของพวกเจ้า”
“คุณหนู..บ่าวโชคดีนักที่ได้รับใช้คุณหนู ชีวิตนี้บ่าวขอติดตามคุณหนูไปจนตายเจ้าค่ะอาฉินนั่งกอดขาคุณหนูของนาง พลางซบหน้าลงน้ำตาไหลอาบแก้ม อาลี่เองก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าใดนัก เพียงแต่นางเก็บอารมณ์ได้มากกว่าอาฉิน แต่นั่นนางก็แอบยื่นมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาตนเองเช่นกัน คุณหนูบอกว่านางเหมือนพี่น้อง นั่นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ เครื่องประดับ หรืออาหารการกิน พวกนางก็ล้วนได้รับแต่ของที่ดี ๆ เช่นนั้นแล้ว พวกนางจะไม่จงรักภักดีได้อย่างไร
“เอาละ ๆ พวกเจ้าสองคนอย่ามัวมาเล่นบทโศกเศร้าอยู่เลย อยากรู้ไม่ใช่หรือ ถามมาเถอะ” คุณหนูหลิวเชยปลายคางอาฉินขึ้นมา ก่อนจะเคาะที่ปลายจมูกสาวใช้อย่างไม่จริงจัง เสียงกลั้วหัวเราะกังวานใส ดังขึ้นเหนือศีรษะ อาฉินตวัดสายตาค้อนอย่างเขินอาย
“คุณหนูแกล้งบ่าวอีกแล้วนะเจ้าคะ”อาลี่เห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าออกมา ไม่สนใจอาฉินอีก
“วันนี้บ่าวเห็นว่าคุณหนูปฏิบัติต่อคุณหนูอินแปลกไปหรือไม่เจ้าคะ มิใช่ว่าคุณหนูอินเป็นสหายสนิทของคุณหนูหรอกหรือ”หลิวอวี่หนิงไม่ได้แปลกใจกับคำถามของอาลี่เลยแม้แต่น้อย หากคนมีตาย่อมมองออกว่านางปฏิบัติต่ออินจูหลีแปลกไป
“สหายหรือ...อาลี่ข้าถามเจ้าจริง ๆ เจ้าคิดว่าอินจูหลีมองข้าเป็นสหายจริงหรือไม่”
“บ่าว..บ่าว”
“เอาเถอะ เจ้าไม่กล้าพูดก็ไม่ต้องพูด เจ้าจำงานชมดอกไม้ขององค์หญิงรองได้หรือไม่” แน่นอนว่าอาลี่ย่อมจำได้ ทว่าอาฉินกลับยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ งานวันนั้นนางมิได้เข้าวังไปด้วย จึงไม่ได้รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
“จำได้เจ้าค่ะ คุณหนูอินปล่อยให้คุณหนูถูกคุณหนูเหล่านั้นเหน็บแนมพลางหัวเราะเยาะเพียงเพราะคุณหนูบอกชื่อดอกไม้ไม่ได้”
“ใช่!!...หากนางเห็นว่าข้าเป็นสหายจริง นางคงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยข้า คงไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นหัวเราะข้าจนงอหายถึงได้เอ่ยสองประโยคเพื่อจบเรื่อง” อาฉินพยักหน้าขึ้น นางต่อว่าอินจูหลีออกมาอีกหลายคำ
“น่ารังเกียจนัก บ่าวดูก็รู้แล้วคุณหนูอินผู้นั้นหามีความจริงใจไม่ หึ!!..เป็นองค์ชายสี่ที่ดูนางออกตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นคงไม่ไล่นางกลับไปเสียทุกครั้งหรอกเจ้าค่ะ”
“อาฉินระวังคำพูดด้วย เจ้าพูดกับข้าย่อมไม่เป็นอะไร แต่วาจานี้ไม่อาจพูดกับคนนอกได้” อาฉินก้มหน้าลง ทว่าอาลี่กลับสงสัยยิ่งนัก เรื่องก็ผ่านมานานแล้วมิใช่หรือ หลังจากนั้นคุณหนูก็ยังคบหากับคุณหนูอิน ราวกับว่าไม่มีเรื่องบาดหมาง แล้วเพราะเหตุใดจึงได้เปลี่ยนไปในวันนี้