"มากินข้าว" เจ้าของคอนโดหรูร้องบอกคนที่หน้าตึงเพราะไม่พอใจขณะวางจานลงบนโต๊ะสำหรับทานอาหาร
ซาเฟียร์สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ทั้งที่อยากประชดประชันกลับไปว่าไก่ย่างส้มตำที่ซื้อมาเธอไม่อยากกินแล้ว
แต่พอคิดได้ว่าแค่นี้เขายังรำคาญเธอจะแย่ หากเธอทำตัวมีปัญหา เขาคงเกลียดเธอมากกว่านี้!
หญิงสาวจำต้องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอย่างจำใจ มือเรียวตั้งท่าจะคว้าถุงส้มตำมาแกะ ทว่าเธอช้ากว่าคนตัวโต เข้ารั้งถุงส้มตำเข้าหาตัวก่อนจะเป็นฝ่ายลงมือแกะด้วยตัวเอง
ภาพซ้อนของเฮียซานย์ประเดประดังเข้ามาในหัว เฮียซานย์มักทำแบบนี้ แบบที่ผู้ชายตรงหน้าของเธอกำลังทำ
เฮียซานย์ชอบเอาใจน้อง ชอบเป็นฝ่ายลงมือทำทุกอย่างให้น้อง เธออาจจะเคยชินกับภาพแบบนั้นมากกว่าการถูกต่อต้านแบบนี้
"มองอะไร" ในยามถูกถามและถูกดวงตาคมกริบจ้องมอง ซาเฟียร์เบือนหน้าออกไปทางอื่นทันที
"หนูแค่คิดถึงพี่ชายของหนู ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" คนฟังเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
เขาเองก็มีงานที่ต้องทำ ไม่ได้ชอบมาตามเอาอกเอาใจใครเหมือนกัน!
มหาวิทยาลัย
"ไอศกรีมกะทิสดร้านนี้ รสชาติเด็ดว่าไม่ได้เลยนะ"
"เพราะกินเก่ง กินไม่เลือกไงล่ะตัวถึงกลมแบบนี้"
"ไอ้บ้าซันนี่!" ซาเฟียร์อมยิ้มกับเสียงโต้เถียงของเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอยังยืนยันว่าเพื่อนสาวอารมณ์ดีอย่างบะหมี่คบได้ ตัวของซันเดย์เองแม้จะชอบแกล้ง แต่เอาเข้าจริงก็นิสัยดีอยู่เหมือนกัน
"เป็นไรอ่ะ" มือบางที่โบกไปมาตรงหน้าส่งผลให้คนที่เผลอเหม่อยิ้มแห้งๆ ออกมา
"เปล่า รู้สึกเบื่อๆ อ่ะ"
"จะว่าไปแล้วเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งอาทิตย์นึงแล้วนะ โอเค มันอาจจะยังน้อยแหละ แต่แบบว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธออ่ะ ฉันยังรู้จักเธอไม่ดีพอเลยอ่า"
"ยุ่ง ถ้าเขาอยากบอกเขาก็จะบอกเองไหมล่ะ" ซันเดย์ปรามด้วยความเกรงใจ แต่ซาเฟียร์ไม่ได้คิดแบบนั้น
"อยากรู้เหตุผลที่ฉันมาเรียนที่นี่เหรอ"
"ใช่ อยากรู้" บะหมี่ตอบเสียงดังฟังชัด ทำคนฟังยิ้มกว้างออกมา แม้ว่าปัญหาที่กำลังจะเล่าให้เพื่อนฟังมันแทบทำให้ยิ้มไม่ออกก็ตาม
"ฉันกับพี่ชายมีปัญหากับพ่อน่ะ พ่อมีครอบครัวใหม่ และเหมือนครอบครัวใหม่ของเขาจะเสี้ยมให้แแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันและพี่ชาย"
"อ้าว ทำไมเป็นงั้นอ่ะ ปกติการที่พ่อจะมีครอบครัวใหม่อันดับแรกก็ควรสนใจความรู้สึกของลูกๆ ก่อนปะ บางรายถ้าลูกไม่ยอมนี่พ่อไม่กล้าจะมีเมียใหม่ด้วยซ้ำ แต่นี่มีครอบครัวใหม่ และยังอยากแบ่งสมบัติที่ลูกๆ มีอะไรแบบนี้ปะ"
"ประมาณนั้นแหละ บางครั้งพวกเขาก็เล่นสกปรก พี่ชายฉันค่อนข้างเป็นห่วงเลยส่งฉันมาอยู่ที่นี่ระหว่างที่เขากำลังจัดการทุกอย่างให้มันเรียบร้อย"
"หมายความว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เธอ...ก็จะกลับไปงั้นเหรอ" ซันเดย์ถามเสียงเบา ซึ่งหญิงสาวเลือกที่จะพยักหน้ากลับไป
"ใช่ ตั้งแต่แม่เสียฉันก็อยู่กับพี่ชายแค่สองคนมาโดยตลอด พี่ชายของฉันอยู่ที่ไหนฉันก็คงจะอยู่ที่นั่นนั่นแหละ"
"เสียดายจัง แบบนั้นก็หมายความว่าเธอจะอยู่กับพวกฉันไม่นานน่ะสิ"
"เพื่อนดีๆ แบบนี้ใครจะไปลืมลงกันล่ะ ถึงจะกลับไปแต่เราก็ยังคุยกันได้เหมือนเดิมนี่นา"
"จริงนะ เอาจริงปะ มันหายากมากเลยนะเพื่อนที่คุยกันถูกปากถูกคอแบบไม่ตอแหลหากันอ่ะ ตรงไปปะ" ซาเฟียร์ยิ้มกว้าง เธอไม่ติดที่เพื่อนมีนิสัยตรงไปตรงมา แบบนี้น่ะดีแล้ว ดีกว่าการสวมหน้ากากเข้าหากันเยอะเลย
"ไหนๆ ก็ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน เอาเป็นว่า ระหว่างที่อยู่ที่นี่ เธอก็ควรสนุกให้สุดเหวี่ยง พอกลับไปจะได้ไม่ลืมประเทศไทยเป็นไง"
"จริงด้วย ระหว่างที่ยังไม่กลับก็ควรใช้ระยะเวลาที่มีให้มันคุ้มค่าที่สุดนะ"
"จริงด้วย" ซาเฟียร์คิดตาม ใช้ชีวิตให้สนุกและคุ้มค่าที่สุด เธอจะทำ!
วันนี้ก็เหมือนทุกวันที่รถยนต์ของเพื่อนพี่ชายขับมาจอดรอที่หน้าคณะในเวลาที่เธอจบคลาสเรียนพอดีเป๊ะ
เขาก็คงจะมีข้อมูลเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วถึงมารับเธอได้ทั้งที่พักหลัง เธอไม่ค่อยคุยกับเขาด้วยซ้ำไป
ซาเฟียร์โบกไม้โบกมือให้เพื่อนเฉกเช่นทุกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถยนต์แล้วเข้าไปนั่งในที่ของเธอ
ความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์กระทบลงมาบนผิวเนียน ซาเฟียร์กัดปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประเด็นออกมา
"หนูเริ่มชินกับที่นี่แล้ว คิดว่าการไปมหาลัยเองมันไม่ได้ยากอะไร"
"เธอกำลังทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยาก"
"ไม่หรอกค่ะ หนูแค่พยายามปรับตัวให้อยู่ที่นี่ระหว่างที่รอเฮียมารับต่างหาก หนูมีเพื่อนแล้ว พ่อของเพื่อนเป็นหมอที่ประเทศไทย ในวงการแพทย์เฮียสืบได้ไม่ยากอยู่แล้ว ถ้าเฮียซานย์สั่งว่าไม่ควรคบ หนูถึงจะเลิกคบตามนั้นไหมคะ" คนตัวโตขบกรามแน่น แต่ระหว่างที่จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตากลมประกายตาที่แข็งกร้าวกลับอ่อนกำลังลง
ซาเฟียร์ไม่ได้จะทำตัวดื้อ ไม่ได้จะต่อต้าน แต่เธอกำลังตีตัวออกห่างต่างหากล่ะ
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของคนขับส่งผลให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น
ภพนิพิฐล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เลือกที่จะกดรับสายในทันที
"ครับ..."
[ อยู่ไหนอ่ะ วันนี้จะเข้าบ้านกี่โมง ] แวบหนึ่งที่ดวงตาคมกริบละจากท้องถนนเพื่อมองเวลาบนหน้าปัดรถยนต์
ไม่ได้คิดที่จะตอบในสิ่งที่คนในสายเอ่ยถาม แต่เลือกที่จะย้อนถามกลับไปแทน
"อยากได้อะไร"
[ แตงโม ]
"ว่าไงนะ"
[ ซื้อแตงโมมาให้หน่อย คัดเอาเกรดพรีเมี่ยม ลูกโตๆ หวานๆ ]
"อยากได้แตงโมนี่นะ ตอนนี้ไม่ว่าง ให้คนอื่นไปซื้อให้"
[ ตอนนี้อันดามองอยู่ คนสวยของอาภพบอกว่าอยากกินแตงโม เดี๋ยวนี้อาภพกล้าขัดใจหลาน? ] ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตามีชีวิตของเด็กๆ ส่งผลให้คนที่เพิ่งจะปฏิเสธออกไปคิดหนักทันที
"ไม่ใช่แบบนั้น"
[ มีธุระอื่นที่สำคัญกว่าหลาน? ]
"ไม่มี เดี๋ยวผมซื้อกลับไป"
[ เค เดี๋ยวยอมให้หอมลูกกูสักสองสามที ]
"ไม่ดิ คืนนี้จะเอามานอนกอดทั้งคืน" ประโยคที่ตอบโต้คนในสายและรอยยิ้มอบอุ่นในระหว่างที่เอ่ยคำนั้น
ซาเฟียร์เผลอกำสายกระเป๋าแน่น อยากจะได้ยินเหลือเกินว่าคนที่อยู่ในสายคือใคร
ทำไมถึงทำให้เจ้าชายน้ำแข็งที่ชอบดุเธอเป็นประจำ อ่อนโยนได้มากถึงขนาดนี้
[ ลูกใครให้มันรู้ซะบ้าง ]
"อันดาอาจจะรักผมมากกว่า..."
[ พอเลย ลูกกูครับ แตงโมอ่ะ รีบไปซื้อมา แค่นี้แหละ ]
"หึ..." ภพนิพิฐหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
หากผู้เป็นพี่ชายยังไม่วางสาย เขาคงจะทักท้วงขึ้นสักหน่อยว่าน้องคนนี้สำคัญแค่ตอนที่อยากเสกเด็กเข้าท้องเมียอีกครั้งก็เท่านั้นเอง!
"ขอแวะซุปเปอร์แป๊บนึงนะ เธอรีบกลับไปทำอะไรรึเปล่า"
"ถ้าหนูบอกว่ารีบล่ะคะ คุณจะยังแวะอยู่ไหม" คำตอบและคำถามที่เกิดขึ้นในประโยคเดียวกันส่งผลให้หนุ่มหล่อหันมอง
บางครั้งผู้หญิงสำหรับเขาก็ยากเกินกว่าจะอ่านออกจริงๆ
"ขอเวลาห้านาที"
"ไม่ควรถามตั้งแต่ทีแรกนะคะ สุดท้ายพอตอบออกไป คำตอบของหนูมันก็ไม่ได้มีความหมายอยู่ดี" ภพนิพิฐถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาทำอะไรให้มันขวางหูขวางตาเธอนัก
ก่อนจะตกลงอะไรกันอย่างจริงจัง เขาขอแวะซื้อแตงโมให้หลานก่อน หากกลับถึงคอนโดฯ ค่อยเคลียร์กันทีเดียว
ร่างสูงโปร่งลงจากรถยนต์ขณะปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งรออยู่บนรถ ซาเฟียร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอิจฉาคนคนนั้นที่อยู่ในสายของเขา
เพียงเพราะสิ่งที่คนตัวโตปฏิบัติต่อเธอและเขาคนนั้นค่อนข้างต่างกัน ความอิจฉาก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เกือบสิบนาทีที่ภพนิพิฐหายเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต กลับออกมาอีกทีพร้อมทั้งแตงโมที่อยู่ในถุงพลาสติกเต็มทั้งสองมือ
"คนเยอะนิดหน่อย โทษทีที่ช้านะ"
"ซื้อไปฝากคนสำคัญเหรอคะ" แวบหนึ่งที่คนถูกถามนิ่งไป จากนั้นเขาก็เลือกที่จะพยักหน้ารับออกมา
"อืม ซื้อไปฝากคนสำคัญ"
"เขารู้รึเปล่าคะว่าคุณต้องมารับภาระดูแลหนู"
"ไม่รู้"
"ไม่กล้าบอกงั้นเหรอคะ"
"เธอจะ..."
"ถ้าไม่กล้าบอกเพราะกลัวเขาคนนั้นไม่พอใจก็อดทนสักหน่อยนะคะ อีกไม่นานเฮียซานย์ก็คงจะรีบมารับหนูกลับไป"