ควรเป็นแม่เมื่อพร้อม 3

1469 คำ
เด็กน้อยกลอกตาใส่แม่อย่างเสียดาย เงินทอนที่แอบซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงขาสั้น ส่งคืนให้แม่ด้วยสายตาละห้อย “เอ่อ แม่ยายเสียบตรงบ้านโน้นเขาฝากมาบอกแม่ด้วยนะ” “บอกอะไรวะ” ชมนาดนิ่วหน้าอย่างสงสัย ยายเสียบนั้นปากคอเราะรายจะตายไป จู่ ๆ ก็มีเรื่องมาฝากลูกสาวเธอ “บอกว่าแม่ไม่ควรใช้หนูไปซื้อเหล้า แกบอกว่ามันไม่เหมาะสม หนูยังเด็ก” จันทร์เจ้าพูดตามที่ยายเสียบบอกมาทุกคำ พร้อมกับเอียงหน้าอันใสซื่อมองคนเป็นแม่ไปด้วย ชมนาดสูดลมเข้าปอดลึก ๆ แล้วผุดลุกขึ้นยืน ตรงไปเปิดประตูหน้าห้อง ออกไปยืนกลางถนน พร้อมกับเท้าเอวมองไปทางบ้านของยายเสียบ “กูใช้ลูกกู มันไปหนักหัวพ่อพวกมึงรึไง เห่าหอนกันอยู่ได้” เสียงด่าลอย ๆ ดังไกลไปแปดบ้าน แน่นอนว่ายายเสียบที่นั่งอยู่หน้าบ้านต้องได้ยินเป็นแน่ “อย่าให้กูรู้นะ ว่าใครมันเสือกมาเสี้ยมจันทร์เจ้าลูกกู กูจะตามไปตบให้สลบคามือเลย เสือกไม่เข้าเรื่อง !” เพราะเป็นแบบนี้เลยทำให้คนในชุมชนสลัมแห่งนี้ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสองแม่ลูก เพราะเมื่อไหร่ที่แหย่เท้าเข้าไปยุ่ง ชมนาดก็ด่ากลับแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันเลยทีเดียว จันทร์เจ้ามีเพื่อนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กอยู่หนึ่งคน เพราะอายุเท่ากันเรียนโรงเรียนเดียวกัน จึงทำให้สนิทกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ อีกทั้งยังเช่าห้องอยู่ติดกันอีกด้วย “จันทร์เจ้ามาทำการบ้านที่ห้องซีก็ได้นะ แม่จันทร์เจ้ากับแม่ซีกินเหล้ากันแบบนี้ คงเมาอยู่ที่บ้านโน้นแหละ” ยิปซีเพื่อนสนิทในวัยเด็กชวนจันทร์เจ้าไปที่ห้องของตนเองอยู่บ่อยครั้ง เหตุเพราะแม่ ๆ ของพวกเธอมักจะไปรวมกลุ่มกัน กินเหล้าที่ห้องของชมนาด “ไปสิซีเราก็เบื่อแม่ขี้เมาเหมือนกัน” “แม่ซีก็ขี้เมา น่าเบื่อเนอะเมาแล้วก็พูดไม่รู้เรื่อง” เด็กหญิงสองคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือมีแม่ที่ติดเหล้า และเป็นสาวโรงงานด้วยกันทั้งคู่ บ่อยครั้งที่ทั้งสองถูกทิ้งให้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะว่าแม่ ๆ ของพวกเธอ ออกไปเที่ยวกลางคืนแล้วไม่กลับห้องก็มี ทำให้ชีวิตที่ผ่านมานั้นค่อนข้างเละเทะพอสมควร พอขึ้นชั้นมัธยมต้นจันทร์เจ้าจำเป็น ต้องออกไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน ด้วยการช่วยแม่ค้าในตลาดขายของนั่นเอง กว่าจะเลิกงานก็ดึกสี่ทุ่มกว่าไปแล้ว เป็นเหตุให้ทั้งคู่ไม่ได้สนิทกันมากเหมือนเมื่อก่อน “อยากเรียนต่อมอปลาย ก็ต้องเก็บเงินหาค่าชุดค่าเทอมเองนะจันทร์เจ้า แม่ส่งได้แค่มอสามแค่นี้แหละ เจ้าของโรงงานมันงกจะตาย โอทงโอทีก็ไม่มีแล้วตอนนี้ โรงงานจะไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้” นางชมนาดยื่นคำขาดในวันที่ลูกสาวจบมัธยมต้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้จันทร์เจ้าต้องออกไปหางานทำ แต่ด้วยอายุเท่านี้ทำให้ไม่มีคนกล้ารับ มีก็แต่แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวในตลาด ที่สงสารเลยยอมให้ทำงานหลังเลิกเรียนได้เป็นกรณีพิเศษ หลังเลิกงานกว่าจะเก็บของในร้านเสร็จ ก็เป็นเวลาห้าทุ่มเข้าไปแล้ว จันทร์เจ้าต้องเดินทางกลับเข้าไปที่ห้องเช่าเพียงลำพัง เวลานี้วินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยปิดวินกันไปหมดแล้ว ระหว่างที่เดินอยู่นั้นจันทร์เจ้าสังเกตเห็นกลุ่มเด็กแว้นกลุ่มหนึ่ง กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ข้างถนน พอเดินผ่านเข้าไปใกล้ ๆ ผู้ชายในกลุ่มก็ผิวปากใส่เธอในทันที “น้องสาวมาเดินมืด ๆ คนเดียวแบบนี้จะดีเหรอจ๊ะ” จันทร์เจ้ารู้ว่าไม่ควรเข้าไปต่อปากต่อคำกับพวกนี้ จึงรีบเดินเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “เฮ้ พี่พูดด้วยทำไมไม่ตอบ หูหนวกหรือไง” หนึ่งในกลุ่มทำเสียงเหมือนไม่พอใจ ทำท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่องหญิงสาว แต่ถูกมือของใครบางคนรั้งไว้เสียก่อน “พอแล้วน่า นั่นเพื่อนซีเองนะ ไม่ต้องไปยุ่งเลย” เสียงของยิปซีดังขึ้น ทำให้จันทร์เจ้าต้องหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมอง “ซีเหรอ” “อื้อ จันทร์เจ้ารีบกลับห้องไปเถอะเดี๋ยวน้านาดจะเป็นห่วง รีบไปเถอะ” ยิปซีรีบส่งซิกให้เพื่อนเดินต่อไป “เพื่อนน้องซีเองเหรอเนี่ย ทำไมไม่แนะนำให้รู้จักล่ะ” “อย่าเลยพี่ คนนี้ซีขอ” “ก็ได้ ๆ ถ้าน้องซีขอพี่เอกก็ให้จ้ะ” จันทร์เจ้าอยากเข้าไปพาตัวเพื่อน ออกมาจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นพวกนี้ แต่เธอกลับไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ‘มาหานังซีมันเหรอจันทร์เจ้า วัน ๆ มันแรด ๆ ไปหาแต่ผู้ชาย ไม่เคยเห็นหัวมันหรอก นี่ก็หายหัวไปสามวันแล้ว’ นางแก้วตามารดาของยิปซีเคยพูดแบบนี้ เมื่อตอนที่จันทร์เจ้าไปถามหาเพื่อนเล่น ในวันนั้นจันทร์เจ้าก็ได้รู้ว่า ชีวิตของยิปซีนั้นได้เลือกเดินอีกทางไปแล้ว และยากที่จะกู่กลับได้ ใช่ว่าไม่เคยคุยกัน แต่ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้น ‘ชีวิตซีซีเลือกเอง ไม่ต้องมายุ่ง’ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วใครจะกล้ายุ่ง ที่โรงเรียนจันทร์เจ้ากับยิปซีอยู่คนละห้อง แทบไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตากันเลย เขาถึงว่าพอหลุดจากประถมศึกษาไปแล้ว ความเป็นเพื่อนมันก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย “แม่ยังไม่นอนอีกเหรอ” กลับเข้าห้องมาเห็นคนเป็นแม่ กำลังนั่งจิ้มหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ “เอ็งมาพอดีจันทร์เจ้า มาดูไลน์ให้แม่หน่อยลูก ทำไมแม่ส่งไอ้รูปพวกนี้แบบคนอื่นเขาไม่ได้” “ไหนแม่” จันทร์เจ้าคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือมารดามาดู ก่อนจะยิ้มออกมาเบา ๆ “สติกเกอร์พวกนี้แม่ต้องเสียเงินซื้อนะ แม่ไม่ต้องไปซื้อหรอก โหลดใช้ของฟรีดีกว่า นี่ตรงนี้จะมีที่ให้กดดาวน์โหลดนะแม่ แต่ถ้าแบบนี้ต้องจ่ายเงินซื้อ แม่เลือกเอาอันที่มันฟรีก็แล้วกัน” คนเป็นลูกอธิบายเสร็จ ก็ยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้ผู้เป็นแม่ “เออ ขอบใจ ๆ” จันทร์เจ้ากำลังเดินเข้าไปในห้องนอนของตน ที่มีแค่แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมากางกั้นเอาไว้ สายตาเหลือบไปเห็นขวดเหล้าตั้งเรียงรายอยู่เต็มห้อง พลอยนึกเอือมระอาขึ้นมา เวลาปกติแม่ของเธอพูดคุยรู้เรื่องอยู่หรอก พอเมาเท่านั้นแหละแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน “แม่รู้ไหมทำไมซีถึงได้ไปคบกับพวกเด็กรถซิ่งพวกนั้น” ความสงสัยทำให้จันทร์เจ้าต้องหันกลับมาถามแม่ตนเอง “ซีลูกนังก้อยน่ะเหรอ จะมีอะไรซะอีกล่ะ ก็แม่มันไปมีกิ๊กเป็นเด็กวัยรุ่นน่ะสิ ลูกมันไม่ชอบแต่ห้ามแม่ไม่ได้ พูดแล้วก็อย่าเอาไปเล่าต่อนะ นังก้อยมันพากิ๊กมานอนที่ห้องด้วย ซีมันโกรธมาก จนหนีออกจากห้องไปกลางดึก นั่นแหละเลยไปคบไอ้พวกแก๊งเด็กแว้นนั่นเข้า ทีนี้ก็ไปแล้วไปเลยกู่ไม่กลับ เอ็งไม่รู้เรื่องล่ะสิ เอาแต่ไปขายก๋วยเตี๋ยวในตลาด” นางชมนาดเล่าไปก็ส่ายหน้าไปด้วย “แล้วแม่ล่ะ” จันทร์เจ้าถามระหว่างใช้หางตามองแม่ไปด้วย “อะไรแม่ทำไม แล้วมามองแม่ด้วยหางตาแบบนี้ทำไมนังจันทร์เจ้า เดี๋ยวเหอะไอ้ลูกคนนี้นี่” “แม่ไปแอบมีกิ๊กเด็กกับเขาบ้างหรือเปล่า” “อุ๊วะ นังจันทร์เจ้าแม่จะมีผัวหรือไม่มี มันเกี่ยวอะไรกับเอ็งด้วย” “เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็ม ๆ” จันทร์เจ้าบ่นเบา ๆ แล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไป ตอนเด็กใช่ว่าแม่ของเธอจะไม่เคยพาผู้ชายเข้าห้อง ไม่ใช่แค่หนึ่งด้วย หลายคนด้วยซ้ำไป แต่ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กไม่รู้ประสาอะไร ถูกเอาหูฟังมาครอบแล้วก็หลับไปแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มาเข้าใจก็ตอนนี้ว่าทำไมแม่ถึงใจดีสร้างห้องให้เป็นส่วนตัวแบบนี้ ที่ไหนได้ เฮ้อ ทิ้งตัวลงบนฟูกนอนเตี้ย ๆ แล้วเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม