7
รอยยิ้มของบุรุษที่กำลังเดินเข้ามาในบ้าน ทำให้หัวใจของคนที่รอคอยเต้นแรง มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่สิรินยาเห็นหน้าและรอยยิ้มเขา เป็นรอยยิ้มที่หล่อนไม่มีวันลืม อยู่ในความทรงจำตั้งแต่วันแรกที่เห็น จนกระทั่งวันนี้เวลาผ่านไปหนึ่งปีหกเดือนมันก็ยังไม่จืดจางไปไหน ซ้ำร้ายยังแทรกลึกเข้าไปฝังกลางดวงใจ ดุจดังรากของต้นไม้ใหญ่หยั่งลึกถึงพื้นพสุธา
หล่อนตื่นเต้นดีใจเหลือเกินที่ได้เจอหน้าเขา เพราะนานร่วมสี่เดือนแล้วที่สิรินยาไม่ได้เห็นหน้าชายที่ตัวเองหลงรัก ครั้งสุดท้ายที่เจอคือวันที่เขามาส่งหล่อนกับสิริยากรที่สนามบิน จะมีเพียงรูปถ่ายของเขาที่หล่อนแอบถ่ายไว้ตอนเขาเผลอเท่านั้น ที่ทำให้ความคิดถึงเบาบางลง แต่นั่นยิ่งทำให้ความรักในหัวใจเพิ่มมากขึ้น
แต่แล้วความดีใจของสิรินยาพลันหาย เมื่อเห็นสิริยากรเดินเข้าไปกอดเดลฟีน โบวิเย่ห์ เดอมาแตงค์ที่สวมกอดร่างคนรักด้วยความรักและคิดถึงจับขั้วหัวใจ ภาพความรักของแฝดพี่ เรียกความเสียใจให้แฝดน้องยิ่งนัก สิรินยาต้องเบือนหน้าหนี รีบเดินออกไปจากตรงจุดนั้น ทว่าเสียงของสิริยากร รั้งให้สิรินยาจำต้องหยุดก้าวเดิน ข่มความอ่อนแอไว้เต็มกำลัง หันมาทางพี่สาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
รอยยิ้มแห่งความเจ็บปวด
“คุณเดลฟีนเดินทางมาตั้งไกล ยาจะไม่ทักทายคุณเดลฟีนหน่อยเหรอ”
สิริยากรบอกน้องสาว เดลฟีนมองแฝดน้องของคนรัก ที่หน้าตา รูปร่างเหมือนกันไม่มีผิด แม้แต่ทรงผมก็ยังเหมือนกัน หากใครไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับแฝดคู่นี้ รับรองได้ว่าเรียกผิดแน่นอน
เดลฟีนกับสิริยากรพบรักกันที่ฝรั่งเศส เดลฟีนเป็นหนุ่มฝรั่งเศสผู้ร่ำรวย เขาเป็นเจ้าของเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดถึงเจ็ดลำ ทั้งยังมีธุรกิจด้านอสิงหาริมทรัพย์ รวมถึงเป็นเจ้าของโรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเซนต์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติก เดลฟีนเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ไม่รักใครจริง จนกระทั่งมาพบกับสิริยากร ความคิดเขาเปลี่ยนไป เขาตั้งใจไว้ว่าพอหล่อนเรียนจบก็จะมาสู่ขอเป็นภรรยา
“สวัสดีค่ะคุณเดลฟีน” สิรินยาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีญาญ่า ไม่ได้เจอกันนานนะ ผอมลงหรือเปล่า” ‘ญาญ่า’ คือชื่อเรียกภาษาสากลของสิรินยาระหว่างไปเรียนต่อชั้นปริญญาโทที่ฝรั่งเศส ส่วนสิริยากรใช้ชื่อ ‘เมญ่า’ เพื่อให้ชาวต่างชาติพูดได้ง่ายขึ้น คนถูกถามทำหน้าแปลกใจเพราะครั้งนี้เดลฟีนพูดกับหล่อนเป็นภาษาไทย แม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่ถือว่าดีทีเดียว
“คุณพูดภาษาไทยได้แล้วหรือคะ” สิรินยาถามกลับเป็นภาษาไทย
“ใช่ ก็ฉันมีคนรักเป็นคนไทยนี่ก็ต้องหัดพูดสิ ฉันจ้างคนไทยที่โน่นสอนน่ะ เรียนมาหกเจ็ดเดือนแล้ว เป็นไงบ้าง ใช้ได้หรือเปล่า”
คำตอบของเดลฟีน สร้างความเจ็บปวดใจให้สิรินยา แต่หล่อนก็ฝืนยิ้ม ฝืนตอบ
“ใช้ได้สิคะ” สิรินยาตอบ
“อ้อ...เกือบลืมไป ฉันซื้อของมาฝากด้วยนะ อ่ะ” เดลฟีนยื่นถุงใบเล็กส่งให้สิรินยาที่รับน้ำใจไว้ด้วยมือค่อนข้างสั่น ไม่คิดว่าเขาจะมีของติดไม้ติดมือมาฝาก
“แล้วของเมญ่าล่ะคะ ไม่มีให้เหรอ” สิริยากรทำเสียงกระเง้ากระงอนใส่คนรักที่รีบหันมาพูดเอาใจ
“มีสิครับ ขาดได้ไงล่ะ” เขายิ้มหวาน “นี่ครับของสุดที่รัก พิเศษกว่าใครเลย” สิริยากรยิ้มเขิน ตวัดสายตามองแฝดน้องเพียงนิดก็หันมามองคนรักตาหวานฉ่ำ เขย่งปลายเท้าหอมแก้มขาวของเดลฟีนต่อหน้าสิรินยาที่ยืนอึ้ง ไม่คิดว่าแฝดพี่จะกล้าทำเช่นนี้
“ขอบคุณค่ะ” สิริยากรทำเสียงหวาน ปรายตามองสิรินยา หล่อนยิ้มมุมปาก “ไปหาพ่อกับแม่ดีกว่าค่ะ ท่านอยู่หลังบ้าน กำลังดูบ่อปลาอยู่ ตอนนี้ปลาออกลูกหลายตัวเลยค่ะ เต็มบ่อเลย”
แฝดพี่ชวนคุยขณะก้าวเดินไปหลังบ้าน สถานที่ที่บิดานั่งอยู่ได้เป็นวันๆ นั่งมองปลาที่ตัวเองเลี้ยงไว้ ตามประสาคนมีอายุ
สิรินยามองสองหนุ่มสาวที่เดินห่างออกไปด้วยความเจ็บช้ำ หล่อนอยากจะเป็นแฝดพี่เหลือเกิน อยากให้มีคนรัก มีคนใส่ใจ มีคนนิยมชมชอบ ไม่ใช่เป็นคนที่ถูกเมินเฉยตั้งแต่เกิดมาอย่างหล่อน และปรารถนาให้ตนเองอยู่ในอ้อมกอดของเดลฟีน แต่มันคงเป็นเพียงแค่ความฝัน...ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
คนแอบรักเขาข้างเดียว หมุนตัวเดินกลับไปห้องนอนของตนด้วยความปวดร้าว น้ำตาหลั่งรินไปตลอดทาง เป็นน้ำตาที่หล่อนไม่อาจสกัดกลั้นได้เลยสักครั้ง
ตกเย็นเดลฟีนพาครอบครัวคนรักมาทานอาหารค่ำในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องอาหารที่เขาพาไปตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรม ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราและรสชาติอันรสเลิศ แน่นอนว่าลูกค้าที่มาใช้บริการล้วนแล้วแต่เป็นกระเป๋าหนัก เนื่องจากราคาอาหารสูงตามสถานที่ และในการมาทานอาหารครั้งนี้สิรินยามีโอกาสมาด้วย หากไม่เป็นเพราะเดลฟีนกล่าวชวน รับรองได้ว่าหล่อนไม่มีโอกาสมานั่งร่วมโต๊ะเป็นแน่
“แกอย่าทำให้ฉันกับหลินขายหน้านะ ถ้าแกทำล่ะก็ ฉันจะหยิกแกให้เนื้อเขียว”
สาวินีพูดขู่ หยิกแขนสิรินยาเป็นการเตือนสติไปด้วย คนถูกหยิกหน้าเหย พยักหน้ารับรู้แทบไม่ทัน ย่างก้าวเดินตามครอบครัวเข้าไปในห้องอาหาร มือก็ลูบแขนตรงที่ถูกหยิกไปด้วย
“คุณพ่อคุณแม่จะไปปารีสด้วยกันหรือเปล่าครับ ถ้าไปผมจะได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้” หลังจากที่เรียนภาษาไทยมาแล้ว เดลฟีนก็ใช้ภาษาไทยสื่อสารกับว่าที่พ่อตาแม่ยาย เป็นการแสดงความจริงใจและฝึกภาษาไทยไปในตัว