EP 10 : เซฟโซนชั่วคราว

2027 คำ
“ฮึก!” ฉันร้องไห้จนพอใจก็ผละออกและสิ่งแรกที่ทำคือมองอกของเสื้อของคุณเพลิง “...ร้องเสร็จแล้วค่ะ ฮึก!” “เสร็จแล้วทำไมยังสะอื้น” “ก็ ฮึก! มันค้างนิดหน่อย” “ไปล้างหน้าไป” “คุณเพลิงก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะ ฮึก! ขอบคุณนะคะ...ขี้มูกเต็มเลย” ฉันพูดจบเขาก็ก้มลงมองเสื้อตัวเอง มองนิดเดียวก็ทำหน้าขยะแขยง “ขมคอว่ะ” “แหะ ๆๆ พรีมไม่ได้ตั้งใจนะคะ” “ไปล้างหน้าไป” “ค่ะ” ฉันไม่ปฏิเสธเพราะอยากสั่งน้ำมูกทิ้งสุด ๆ ไปเลยจากนั้นฉันก็เดินเข้าห้อง ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ออกมาเตรียมทำกับข้าวให้คุณเพลิงเพราะนี่จะสามทุ่มครึ่งแล้วแต่พอเดินออกมาคุณเพลิงก็นั่งอยู่ในสภาพเดิม “ไม่อาบน้ำเหรอคะ” “เล่ามา” “ไม่อาบน้ำเหรอคะ” ได้ยินที่เขาสั่งแต่เขายังใส่เสื้อตัวเดิมไง ก่อนหน้านี้มันชื้นไปด้วยคราบน้ำตากับน้ำมูกของฉัน เขายังทำหน้าขยะแขยงเหมือนจะอ้วกอยู่เลยแล้วทำไมยังไม่ไปอาบน้ำ “เล่ามา” คุณเพลิงย้ำคำเดิมฉันเลยเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวแต่ก่อนเล่าฉันก็ชี้ไปที่อกเสื้อเขาก่อน “คราบน้ำมูก” คราบน้ำมูกจริง ๆ ค่ะ มันเห็นชัดเลยพอพูดจบคุณเพลิงก็กรอกตามองบนทำหน้ารำคาญจากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดมันออกมาหน้าตาเฉย ฟุบ! “อื้อ!” ถอดแล้วปาใส่หน้าคนอื่นได้หยาบคายมาก! เป็นคนที่หยาบคายกับฉันได้ไม่เคยเสมอต้นเสมอปลายมีแต่จะพัฒนาความหยาบขึ้นเรื่อย ๆ เลยคนคนนี้! “เอาไปซักให้สะอาด อย่าลืมฆ่าเชื้อ ราดแอลกอฮอล์เลยก็ดี” “เหอะ!” ฉันม้วนเสื้อเขาลวก ๆ แล้ววางไว้บนตักด้วยความหงุดหงิดทันที ปามาได้ไม่คิดว่าคนอื่นจะขยะแขยงกลิ่นตัวหอม ๆ ที่ติดเสื้อบ้างเลยรึไง! “อย่ามามอง จ้องทำห่าอะไร อยากกินฉันรึไงวะ” ​ “ฮะ? เหอะ! พรีมจะไปอยากกินคุณเพลิงเพื่อ? พรีมมองเพราะพรีมโมโหเถอะ” คิดได้สิ้นคิดที่สุด! พอว่าเขาก็กระตุกยิ้ม “ไม่อยากกินก็ดีเดี๋ยวจะทรมานเพราะฉันไม่เล่นด้วยเปล่า ๆ” “ภัยความมั่น” ฉันพึมพำเบา ๆ กรอกตามองบนด้วย “ไม่อยากกินก็ดีเดี๋ยวจะทรมานเพราะฉันไม่เล่นด้วยเปล่า ๆ” ต้องขุดความมั่นมาจากส่วนไหนบ้างอยากรู้จริง ๆ -_-! “เสียเวลามากแล้วเล่ามาสักทีสิวะ” เหอะ! “แล้วไม่หิวข้าวเหรอคะ พรีมไปทำกับข้าวให้ก่อนได้ไหมเดี๋ยวเล่าให้ฟังตอนกินข้าว” ไม่ใช่อะไรหรอกพอดีว่าฉันหิวข้าวมาก~ ตอนนั่งโง่ ๆ รออยู่ที่หน้าห้องเบอร์สิบสองฉันหิวมาก หิวน้ำ หิวข้าว หิวทุกอย่างแต่พอโดนด่าก็กินอะไรไม่ลงแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่ถึงท้อง “ไม่ต้อง เวลานี้ใครจะรอเธอทำวะ สั่งแล้วเดี๋ยวเขาเอามาส่ง เล่าได้แล้วว่าไปโดนอะไรมา” “อ้อ โอเคค่ะ” ฉันพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจ ดีเหมือนกันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้วล่ะจากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดคุณเพลิงก็ฟังอย่างตั้งใจ “เรื่องก็ตามนี้ล่ะค่ะ” “ก็บอกแล้วว่าโง่อย่างเธอไม่สมควรไปทำงาน” “...” นึกว่าจะเข้าข้างบ้างที่พี่เขาด่าเกินไป แต่ลืมไปว่านี่คือคุณเพลิงนรก เจ้ากรรมนายเวรอันดับหนึ่งของพรีรตา “ไปงานอะไรนะ” “อีเว้นท์ค่ะ” “อ่าส์! งานอะไร ทำไมโง่แบบนี้วะ” เอ้า! ใครจะไปรู้ล่ะ! “งาน XXX ค่ะ” ไม่รู้หรอกว่าถามไปทำไมแต่พอถามเสร็จคุณเพลิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพรีรตาควรนั่งทำหน้าโง่อยู่ตรงนี้ต่อไหม? ไม่สินะ ไปเถอะพรีมเล่าจบแล้ว ฉันขยับตูดนิดหน่อยมือคุณเพลิงนรกก็ขยับขึ้นมา ...? ฉันยกคิ้วมองเขาส่วนเขาที่กำลังเอาโทรศัพท์แนบหูก็ชี้นิ้วลงที่โซฟา โอเค เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ให้ไป -_-! “ว่างไหมครับคุณพิชชี่” เขาคุยโทรศัพท์ฉันเลยนั่งหุบปาก วันนี้โดนพี่คนนั้นด่าก็มากพอแล้วไม่อยากโดนคุณเพลิงด่าเพิ่ม มันเหนื่อย “ครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะรบกวนหน่อย” “วันนี้หลังเลิกงานของคุณพิชชี่มีสตาฟด่าคนของผมโดยที่ไม่ถามเหตุผล ประจานต่อหน้าทีมงานคนอื่น” ฮะ? “ยังไม่สะดวกเล่าทั้งหมดแต่ผมคงต้องรบกวนคุณพิชชี่ช่วยหาตัวให้ผมหน่อย พรุ่งนี้มีงานกันที่ไหนเดี๋ยวผมไปหาครับ” “ผมจะคุยกับคนของคุณเอง มีงานที่ไหนครับ” ฉันนั่งจ้องหน้ากับปากคุณเพลิงแบบละสายตาไม่ได้เลย นี่เขากำลังจะล่าแม่มดให้คนใช้ส่วนตัวถูกไหมคะ? “ไม่ต้องครับไม่ต้องพามา คุณมีงานเดี๋ยวผมไปเอง ครับ ขอบคุณมาก พรุ่งนี้เจอกันบ่ายสามนะครับ” ติ๊ด! “พรุ่งนี้บ่ายโมงเตรียมออกไปข้างนอก” “คุณเพลิงจะทำอะไรคะ” ไม่ได้โง่นะคะ ที่ฟังมาก็รู้ว่าคืออะไรแต่อยากรู้จากปากเขาอีกรอบไง “ฉันมีสิทธิ์ด่าเธอได้คนเดียว เดี๋ยวพาไปเอาคืน” นั่นไง ว่าแล้ว “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเพลิง​ พรีมก็ทำผิดจริง ๆ” ระดับคุณเพลิงนรกถ้าลองจะไปเอาเรื่องใครมันต้องไม่ใช่แค่เรียกมาคุยส่วนตัวหรอกเลยต้องรีบห้าม ฉันไม่อยากมีปัญหายังไงซะก็แค่รับจ๊อบพิเศษ คงไม่ได้เจอกันอีก “เธอไม่ได้ทำผิดหรอก” “...” คำพูดเบา ๆ ทำให้ฉันน้ำตาคลอเพราะตอนที่โดนด่าต่อหน้าคนเยอะแยะทุกคนมองฉันด้วยสายตาตำหนิเหมือนฉันทำความผิดที่ไม่น่าให้อภัยมีแค่ปิ๊งรักเท่านั้นที่จะร้องไห้เพราะสงสารฉัน พอมีอีกคนบอกว่าฉันไม่ได้ผิดฉันก็เลยเหมือนเด็กขี้แยขึ้นมา “ขอบ... / เธอแค่โง่” “...ชิส์! หลอกด่าตลอดเลย” กำลังจะซึ้งอยู่แล้วเชียว! “หึ ๆๆ ไป ๆๆ ไปเอาเบียร์มาให้หน่อย” “คุณเพลิงจะไม่กินข้าวก่อนเหรอคะ” “อ่าส์~ โง่เสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาข้าวมาส่งรึยัง?” “แหะ ๆๆ ยังค่ะ” “เออ ถ้ายังก็แสดงว่ายังกินไม่ได้ ไปเอาเบียร์มา” “โอเคค่า~” ฉันรีบเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเบียร์มาให้คุณเพลิงสองกระป๋อง เอาเบียร์ให้เขาเสร็จฉันก็นั่งลงที่เดิมเพราะไม่มีอะไรทำ “คุณเพลิง” “อืม มีไร” “ไม่ต้องไปหรอกนะคะ พรีมไม่คิดมากแล้ว ช่างมันเถอะ” “ไม่คิดมากแล้ว?” “ค่ะ” ความจริงก็คิดมากอยู่แต่ไม่อยากมีปัญหาอีก ถึงตอนนี้จะรู้สึกแย่ทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์นั้นซึ่งมันก็ผุดเข้ามาในความคิดเกือบตลอดเวลาแต่เดี๋ยวอีกสักพักก็หายไปเอง มันแค่ยังเป็นช่วงแรกอยู่เลยนึกถึงบ่อย “ก็เรื่องของเธอ ฉันบอกจะจัดการก็คือตามนั้น” “แต่... / พอ ๆ เลิกพูดมาก แล้วคราวหลังอย่าเสนอหน้ามาขอไปทำงานอีก ไม่งั้นฉันจะหางานให้เธอทำเอง” “ค่า~ เข้าใจแล้วค่ะ”​ ถึงฉันจะอยากเถียงแต่ไม่เอาดีกว่า อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกไม่อยากเถียงให้คุณเพลิงปวดประสาท อย่างน้อยก็สักหนึ่งวันก็ยังดี ตอบแทนที่เขาเป็นเซฟโซนชั่วคราวให้ฉัน -เวลาต่อมา- “คุณเพลิง” ฉันเรียกเขาหลังจากเดินผ่านประตูงานเข้ามาในสถานที่จัดงานอีเว้นท์ บรรยากาศการเตรียมงานเหมือนเมื่อวานเลย งานไม่เหมือนกันหรอกแต่บรรยากาศการทำงานคล้าย ๆ กันแล้วฉันก็พอจะจำหน้าหลาย ๆ คนได้ซึ่งพวกเขาก็มองมาที่ฉันและคงจำฉันได้เหมือนกันในเมื่อเรื่องเพิ่งเกิดเมื่อวาน ใครจะจำไม่ได้ในเมื่อฉันยืนให้เจ้ปากแซ่บคนนั้นด่าตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง “ว่าไง” “กลับกันเถอะค่ะ” “ไร้สาระ เดินมาเงียบ ๆ อย่าทำตัวบ้านนอกก็พอ” ทำตัวบ้านนอกอะไรล่ะ! ฉันพูดอะไรไม่ได้ มาถึงขั้นนี้แล้วเลยทำได้แค่เดินตามและพยายามไม่สบตาใคร ทำตัวให้ลีบที่สุดเข้าไว้ไอ้พรีม “คุณเพลิงขา คุณเพลิงมาแล้วเหรอคะ” เดินผ่านประตูมาได้แค่นิดเดียวก็มีพี่คนหนึ่งเดินกึ่งวิ่งมาต้อนรับ ฉันจำได้ค่ะว่าเป็นเจ้าของบริษัทที่จัดงานเมื่อวานเพราะปิ๊งรักกระซิบบอกตั้งแต่แรก “ครับคุณพิชชี่ ตามตัวให้ผมแล้วใช่ไหมครับ” “เอ่อ...เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ คุณเพลิงพักดื่มน้ำให้ชื่นใจสักนิดก่อนนะคะ” “คอนโดผมอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ไม่เหนื่อยหรอกครับ ตามมาให้ผมที” “คือ... / อย่าบอกนะครับว่ายังไม่รู้ว่าเป็นใคร ต้องรู้สิครับในเมื่อเมื่อวานคนของผมโดนด่าประจานต่อหน้าทีมงานตั้งหลายคน” “คุณเพลิงขา พิชชี่ขอโทษแทน... / ผมต้องการคุยกับคนทำ” พี่เจ้าของบริษัทยังไม่ทันได้พูดให้จบเสียงทุ้มกังวานแบบคนมีอำนาจของคุณเพลิงก็แทรกขึ้นและพี่เขาก็หน้าหดหน้าซีดไปเลยแต่ก่อนจะทำอะไรอย่างอื่นพี่เขาก็ขยับมาใกล้คุณเพลิงจากนั้นก็กระซิบเบา ๆ “ขอความกรุณาคุณเพลิงช่วยใจดีกับคนของพิชชี่หน่อยนะคะ” “...” คุณเพลิงไม่พูดอะไรเขายืนนิ่งเอามือล้วงกระเป๋าเท่านั้นพี่พิชชี่คนนี้ก็เลยยิ้มแหยแล้วขยับตัวถอยหลังออกห่างจากนั้นก็หันไปกวักมือส่งซิกกับลูกน้องแล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีพี่คนนั้นที่เพิ่งด่าและประจานฉันก็เดินออกมาจากด้านหลังของทีมงานกลุ่มหนึ่ง “...สวัสดีค่ะคุณอัคนี” พี่เขายกมือไหว้คุณเพลิงด้วยอาการเกร็งแต่คุณเพลิงไม่รับไหว้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากหันมาหาฉัน “ใช่คนนี้ไหม?” “คือ...” ...กลับกันเถอะ ฉันพูดไม่ออกสถานการณ์ตรงนี้มันไม่น่าอยู่เลยสักนิด ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยขยับปากคุยกับเขาซึ่งคุณเพลิงนรกมองเห็นและอ่านปากได้ชัดแน่ ๆ แต่เขาไม่สนใจ เขาหันกลับไปแล้วมองคุณพิชชี่ “รู้เรื่องเมื่อวานแล้วใช่ไหมครับ” “คือ...ค่ะคุณเพลิง” “ดีครับ ถ้างั้นผมจะได้ไม่พูดอะไรมาก ผมแค่อยากให้รู้ไว้ว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพราะคิดว่าคนของผมไม่ผิด ผมมาเพราะพนักงานของคุณไม่คิดจะถามว่าคนของผมมีเหตุผลอะไรถึงหายไป เอาแต่ด่าประจานต่อหน้าทีมงานตั้งไม่รู้กี่สิบคนโดยที่ไม่ฟังอะไรเลย ทำแบบนี้ผมยอมไม่ได้” “พิชชี่ทราบดีค่ะ พิชชี่จะให้น้องเขาขอโทษ... / ไล่ออก” OoO “คะ?​ / มะ ไม่นะคะ” ฉันตะลึง พี่พิชชี่อึ้ง ส่วนพี่คนนั้นถึงกับไปไม่เป็นเสียงสั่นลนลานขึ้นมาทันที ไล่ออกเหรอ? เขาจะไปทำแบบนั้นให้คุณเพลิงได้ยังไงล่ะ มันก็ดูโหดนะแต่มันโหดผิดที่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา -_-! “แล้วก็ตามหาคนที่สั่งงานคนของผมให้เจอ คนที่สั่งงานบ้า ๆ ให้คนของผมทำจนต้องโดนด่าโดนประจานทั้งที่คนของผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย” “คือ... / หาให้เจอครับคุณพิชชี่ ผมให้เวลาคุณถึงเที่ยงพรุ่งนี้ ถ้าลากคอมาให้ผมไม่ได้...ผมถอนหุ้นทั้งหมด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม