“ฉันไปทำอะไรให้คุณ ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้ คุณกับฉันเราไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ...” แม้ไม่หวังจะได้คำตอบจากเขาแต่ปรินทิพย์ก็อยากให้เขารู้ว่าเธอนึกไม่ออกจริงๆ และนั้นเมื่อคำถามจบลงหยดน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูลงมาอย่างไม่ขาดสาย
และคำตอบที่เธอได้กลับมาคือการถูกผลักอย่างแรงจนเธอล้มลงไปบนพื้นดินเฉอะแฉะอีกครั้ง
“อ้าย! ฉันเจ็บนะ...” เธอหวีดร้องอย่างตกใจก่อนจะกัดริมฝีปากเพื่อข่มความเจ็บระบมที่กำลังก่อตัวขึ้น
“เธอรู้ไว้แค่ว่า...ทุกอย่างที่เธอต้องพบเจออยู่ตอนนี้เป็นเพราะพี่ชายแสนเลวของเธอก็พอ” น้ำเสียงตะคอกดังจนคนที่นั่งอยู่สะดุ้งจนสุดตัว
แววตาหวาดหวั่นมองดูคนตัวโตที่ยืนอยู่อย่างไม่เข้าใจ‘มันหมายความว่ายังไง? เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ เป็นเพราะพี่ชายของเธออย่างนั้นหรือ?...’ ปรินทิพย์ ขบคิด ถึงคำพูดนั้นของอีกฝ่าย
“ฉันพูดกับเธออยู่นะ!” เขาตะคอกเสียงกร้าว ก้าวขาเข้าไปหมายจะดึงตัวเธอขึ้นมาแต่หญิงสาวกลับกระเถิบตัวถอยหนีพร้อมกับร้องไห้และหวีดร้องออกมาไม่หยุดอย่างหวาดกลัว
“ปัดโธ่เว้ย ให้มันได้อย่างนี้สิ จะร้องไห้ให้มันได้สวรรค์วิมานอะไรนักหนาห๊ะ?”
เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย กรามถูกขบเข้าหากันจนเป็นสันนูนและพยายามคิดหาทางที่จะทำให้หญิงสาวหยุดส่งเสียงร้อง
“ปรินทิพย์ ถ้าเธอยังไม่หยุด...” ได้ผล แม้เขาจะเอ่ยยังไม่ทันจบ แต่ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาก็หยุดนิ่งจ้องมองอยู่ที่ใบหน้าเขาแล้ว อีกทั้งเสียงร้องไห้ก็เงียบกริบลงทันที
คำขู่ที่คิดเอาไว้ว่าจะพูดให้เธอกลัวเมื่อตอนแรกมีอันต้องสะดุดหยุดลง
“ลุกขึ้น!” ร่างหนาก้มลงไปกระชากร่างบางขึ้นมาอย่างไม่ปราณีปราศรัยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจ
“เจ็บนะ...” แรงบีบจากฝ่ามือที่เหมือนกับคีมเหล็กทำให้หญิงสาวต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
‘พี่ชายของเธอไปทำอะไรเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาถึงได้มาลงกับเธอแบบนี้?...’ “ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณบอกฉันมาสิว่าพี่ชายฉันไปทำอะไรคุณ” เธอพูดพร้อมกับพยายามสะบัดแขนออก ทั้งที่รู้ว่าไร้ประโยชน์
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่หรี่ตามองเธออย่างเย้ยหยัน
“ตอนนี้เธอยังไม่จำเป็นต้องรู้อะไรหรอก แค่ทำตามในสิ่งที่ฉันต้องการก็พอ” เอ่ยพร้อมกระชากร่างบางให้เดินตามมา
“ไม่...ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ไป ปล่อยฉัน...กรี๊ดดด!” เสียงแหลมเล็กกรีดร้องขึ้นอีกรอบและพยายามขืนตัวไว้อย่างสุดกำลังทั้งที่ตอนนี้เธอปวดระบมไปทั้งร่าง
เมื่อรู้ว่าสู้เขาไม่ได้เธอจึงใช้มืออีกข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่จิกเล็บลงไปบนหลังมือของชายหนุ่มทันทีอย่างสุดแรง ภูมินทร์สะดุ้งไปเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือออก ครั้นเมื่อหล่อนยังจิกไม่เลิกสายตาคมดุตวัดมองด้วยความโกรธ “ได้...ในเมื่อเธออยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ได้” เขาบอกก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการฉุดดึงไปอีกด้านของบ้านพัก
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในสีหน้าของปรินทิพย์ ความหวาดกลัวจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจ “อึก...ไม่...ไม่” ใบหน้าสวยซีดเผือดลง เธอพยายามออกแรงให้มากขึ้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยให้เธอหลุดพ้นจากเขาไปได้ง่ายๆ ยังคงทั้งดึงทั้งลากเธอไปยังทิศทางที่เขาต้องการอยู่อย่างไม่ใส่ใจ
‘นี่เขาจะหักคอเธอหมกป่าหรือไง?...’
ดวงตาแข็งกร้าวมองตรงไปยังทิศทางที่ต้องการ เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ของที่นี่ ภูมินทร์รู้ดีว่าอะไรอยู่ตรงไหนและลำธารก็คือจุดหมายที่เขากำลังคิดจะเดินไป ซึ่งที่นั่นก็จะไม่มีใครมารบกวนกับการกระทำของเขาในตอนนี้อย่างแน่นอน
มือเรียวยังคงกางเล็บจิกข่วนเขาไม่หยุดจนภูมินทร์รู้สึกเจ็บแสบกับการตอบโต้นั้นของหล่อน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้อารมณ์คุกรุ่นของเขาโหมกระพือมากขึ้นไปอีกแต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาเบนความสนใจไปมองหล่อน
“ปล่อยฉันเถอะนะ...ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรฉันเลย...คุณอยากได้อะไรก็บอกฉันมา...ฉันจะเอามาให้ หรือว่าอยากได้เงิน...เท่าไหร่บอกมาสิ เดี๋ยวฉันจะให้พี่ชายฉันเอามาให้”
การกระทำของเธอไม่ได้ผลแต่คำพูดกลับเรียกให้เท้าหนาหยุดการเคลื่อนไหวและหันมาเผชิญหน้า
“นี่เธอคิดว่าฉันเป็นอะไร?...” ความโกรธทำให้เขาตะคอกใส่หน้าหล่อนเสียงดัง ปรินทิพย์ย่นคอด้วยความตกใจ
มือหนาของเขาที่เคยจับแขนเรียวไว้เปลี่ยนมาเกาะกุมไหล่บางพร้อมด้วยแรงกดบีบ “คิดว่าฉันอยากได้เงินของเธอนักหรือไง เงินของเธอไม่มีความหมายสำหรับฉันหรอกนะ” ครั้นพูดจบเขาก็ออกแรงเพิ่มน้ำหนักกดบีบไหล่เล็กๆ นั้นตามแรงอารมณ์ แววตาลุกโชนเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว หญิงสาวผงะสีหน้าบิดเบี้ยวหากแต่ความปวดแปลบของแรงกดไม่ได้ครึ่งของสีหน้าเขา